[อ่านที่นี่ที่เดียวรู้เลยกองไหนดีและญี่ปุ่นน่าลงทุนไหม]
ลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพและสามารถเติบโตอีกมากผ่านกองทุนรวมกองไหนดี รีวิวทุกกองทุน
วันนี้ เด็กการเงิน ขอรวบรวมกองทุนญี่ปุ่น รีวิวกันแบบจุก ๆ อีกแล้ว อ่านทีเดียวจบ เลือกได้เลยกองไหนดี อาจจะยาวหน่อยแต่ได้ประโยชน์
สิ่งที่ได้จากบทความนี้
- ทำไมญี่ปุ่นถึงน่าสนใจ
- ตลาดญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง
- กองทุนญี่ปุ่นในไทย แต่ละกองลงทุนอะไรบ้าง ค่าธรรมเนียมเท่าไร
- รู้จักกองทุนหลักต่างประเทศยอดฮิต รวมถึง ETF ที่กองไทยชอบไปลงทุน
- ค่าธรรมเนียมและยอดซื้อขั้นต่ำ
ทำไมต้องลงทุนญี่ปุ่น
เศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีมูลค่าอันดับ 3 ของโลก หลายปีที่ผ่านญี่ปุ่นสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานได้ทัดเทียมอารยประเทศ และญี่ปุ่นก็จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เจริญแล้ว ระบบการศึกษาที่พัฒนาคนญี่ปุ่น มาตรฐานการทำงาน และการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมขั้นสูง จัดเป็นจุดเด่นของประเทศนี้ ค่าเงินเยนก็เป็นค่าเงินสกุลหนึ่งที่มีเสถียรภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เช่นเดียวกับภาคการธนาคารและนโยบายการเงินของญี่ปุ่นก็มีการดูแลที่ดีมากเช่นเดียวกัน
ปัญหาที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญคือ ประชากรมีอัตราการเกิดน้อยลงและคนส่วนใหญ่มีอายุยืน ทำให้มีความกังวลว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหยุดชะงัก ซ้ำร้ายด้วยวิกฤตโควิด-19 ที่ฉุดการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศติดลบในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงมีอยู่ และเป็นประเทศที่มีพื้นฐานดี ปลอดภัย อันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว
การเติบโตของประเทศญี่ปุ่น ต่อจากนี้คือการผลักดัน 2 เป้าหมายหลัก ๆ คือ
- โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่ญี่ปุ่นถือว่ามีการขยับช้ากว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง USA และบางประเทศในยุโรป สิ่งนี้คือโอกาสที่ทำให้ภาครัฐและเอกชน ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัล
- ปฏิรูปด้านพลังงานให้เป็นพลังงานหมุนเวียน เช่น ลม และ พลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น เพื่อมุ่งไปสู่การประเทศที่มีการปลดปล่อย CO2 เป็น 0 (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 เช่นเดียวกับ USA นอกจากเป้าหมายเรื่อง Carbon แล้ว สิ่งนี้จะทำให้ประเทศญี่ปุ่นลดการพึ่งพาการนำเข้าแก๊สธรรมชาติเหลวเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง
Nikkei 225 ดัชนีหุ้นใหญ่ 225 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ถือเป็นดัชนีสำคัญของญี่ปุ่น ดัชนีประกอบด้วยกลุ่มเทคโนโลยีสูงสุดถึงประมาณ 48% ตามมาด้วยสินค้าอุปโภคบริโภคประมาณ 25% และวัสดุประมาณ 13% รวม 3 อันดับแรกประมาณ 86% ของทั้งตลาดและมีจำนวนหุ้นอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีสูงถึง 58 บริษัท ตามมาด้วยวัสดุ 58 บริษัท และสินค้าอุปโภคบริโภค 33 บริษัท
จริง ๆ ญี่ปุ่นมีอีก Index คือ TOPIX ซึ่งแตกต่างกัน เพราะ TOPIX ใช้วิธีคิดแบบ Market cap weighted ในการคำนวณดัชนี ขณะที่ Nikkei ใช้วิธีแบบ price-weighted แต่จริง ๆ Nikkei คือหุ้นใหญ่มั่นคง หรือ Blue chip ใน TOPIX นั่นแหละ
แนวทางการลงทุนแต่ละกอง
ASP-NGF เป็นกองแบบ Feeder Fund ที่ลงทุนในกองแม่ Nippon Growth (UCITS) Fund บริหารจัดการโดย E.I. Sturdza Strategic Management Fund มุ่งหวังผลตอบแทนมากกว่า (Active) ดัชนี TOPIX
KT-JAPAN-A เป็นกองแบบ Feeder Fund ที่ลงทุนในกองแม่ Henderson Horizon Fund – Japanese Smaller Companies Fund – Class A2 เป็นกองแบบ Active Fund มุ่งหวังผลตอบแทนให้มากกว่า Russell/Nomura Small Cap Total Index กองนี้จะใช้กลยุทธ์แบบ High Conviction ด้วยประสบการณ์ลงทุนในญี่ปุ่นมากกว่า 40 ปี และลงทุนในหุ้นเล็กที่สุด 25% ของหุ้นจดทะเบียนทั้งหมดในญี่ปุ่นวัดจากมูลค่าตลาด กองนี้มีมอร์นิ่งสตาร์ 4 ดาวด้วยนะ
TMBJPNAE เป็นกองแบบ Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund – Japanese Opportunities Class A (acc) – JPY เป็นกองแบบ Active มุ้งเน้นผลตอบแทนมากกว่าตลาด TOPIX (Total Return Net)
T-JAPANEQ เป็นกองแบบ Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund-Japanese Opportunities (C Class) เหมือนกอง TMBJPNAE แต่คนละ Share class
KF-JPSCAP เป็นกองแบบ Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหลัก MUFG Japan Equity Small Cap Fund (Class I) เป็นกองแบบ Active โดยใช้ Benchmark คือ MSCI Japan Small Cap Index gross dividend denominated in JPY เป็นกองที่ใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นแบบ Bottom up มุ้งเน้นบริษัทที่มี Business model ที่ดีและมุ่งหวังผลตอบแทนระยะยาว โดยกองนี้แม่เขาแนะนำให้ลงทุนอย่างน้อย 5 ปี
ONE-UJE-RA เป็นกองแบบ Funds of Funds ลงทุนทั้งหมดสองกอง คือ 1) Comgest Growth Japan JPY ACC การันตี 5 ดาวเหมือนกันนะกองนี้ และ 2) Nomura Japan High Conviction Fund I JPY กองนี้จะลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นขนาดใหญ่ เป็นการลงทุนแบบ Bottom up มุ่งเน้นหาหุ้นที่มีความยั่งยืนของการเติบโตของกำไรและยอดขาย รวมถึงมีอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงและมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่สูงกว่าคู่แข่ง การันตีด้วยมอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาวนะกองนี้
K-JP เป็น Feeder Fund ลงทุนในกองแม่ Schroder International Selection Fund Japanese Equity, Class A Acc ชื่อกองคล้ายกับ TMBJPNAE และ T-JAPANEQ เพราะว่ามันเป็น Sub-Fund ของอันนั้นอีกทีหนึ่ง สัดส่วนอะไรแบบนี้อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย
ASP-JHC เป็นกองแบบ Feeder Fund ลงทุนในกอง Japan High Conviction Fund Class I JPY (5 Star MorningStar) ซึ่งจะเหมือนกองของ ONE-UJE-RA
สัดส่วนอุตสาหกรรม/หุ้นแต่ละกอง
ASP-NGF ลงทุนอุตสาหกรรม เช่น Wholesale Trade, Banks, Construction, Chemicals, Marine Transportation โดยลงทุนในหุ้น ITOCHU CORP, Fujifilm Holdings, Marubeni Corp, ORIX Corp, MITSUBISHI UFJ Financial Group
KT-JAPAN-A ลงทุนอุตสาหกรรม เช่น Industrials, Info Tech, Consumer Discretionary, Materials, Health Care โดยลงทุนในหุ้น Noritake, Toppan Forms, Aiful, Nichicon, Nippon Soda
TMBJPNAE ลงทุนในอุตสาหกรรม Information & Communication, Electric Appliances, Chemicals, Retail Trade, Transportation Equipment โดยลงทุนในหุ้นอย่าง ITOCHU Corp, C Uyemura & Co Ltd, TDK Corp, ORIX Corp, Otsuka Corp **ข้อมูลไม่ได้อัปเดตมาก หน้าตาหุ้นมีส่วนคล้ายกับ K-JP**
T-JAPANEQ **คล้าย TMBJPNAE**
KF-JPSCAP ลงทุนในอุตสาหกรรม Services, Electric Appliances, Information & Communication, Machinery, Retail Trade โดยลงทุนในหุ้นอย่าง Cyberagent, Outsourcing, MCJ, MONEX Group, SHOEI/TAITO
ONE-UJE-RA สำหรับกองแรก COMGEST ลงทุนในอุตสาหกรรมอย่าง Consumer discretionary, Industrials, Healthcare, Info Tech มี Top 5 Holdings หุ้นอย่าง Sysmex Corporation, Fanuc Corporation, CyberAgent lnc, Food & Life Companies ltd, Kose Corporation ส่วนกองที่สองของ ONE-UJE-RA อย่าง Nomura ก็จะลงทุนในอุตสาหกรรม Electric Appliance, Services, Machinery, Chemicals, Retail trade โดยมี Top 5 Holdings อย่าง Nidec Corporation, Keyence Corporation, M3, Daikin Industries, Shin-Etsu Chemical
K-JP จะลงทุนในอุตสาหกรรม แบบ Electric Appliances, Information & Communication, Machinery, Transportation Equipment และ Pharmaceutical โดยมี Top 5 Holdings อย่าง Nippon Telegraph & Telephone Corp, Keyence Corp, Astellas Pharma lnc, KDDI Corp, SoftBank
ASP-JHC จะลงทุนในอุตสาหกรรม Electric Appliance, Services, Machinery, Chemicals, Retail trade โดยมี Top 5 Holdings อย่าง Nidec Corporation, Keyence Corporation, M3, Daikin Industries, Shin-Etsu Chemical คล้ายกับ ONE-UJE-RA
ผลตอบแทนย้อนหลังโดยเฉลี่ย
- ASP-NGF ผลตอบแทน 3 ปี 4.32% และผลตอบแทน 1 ปี 32.82%
- KT-JAPAN-A ผลตอบแทน 3 ปี 7.24% และผลตอบแทน 1 ปี 39.66%
- TMBJPNAE ผลตอบแทน 3 ปี 0.90% และผลตอบแทน 1 ปี 25.92%**มีเปลี่ยนกองแม่มาก่อน ที่จะเป็นกองเดียวกับ K-JP**
- T-JAPANEQ ผลตอบแทน 3 ปี 0.59% และผลตอบแทน 1 ปี 27.37%**มีเปลี่ยนกองแม่มาก่อน ที่จะเป็นกองเดียวกับ K-JP**
- KF-JPSCAP ผลตอบแทน 3 ปี 6.00% และผลตอบแทน 1 ปี 44.81%
- ONE-UJE-RA ผลตอบแทน 3 ปี N/A% และผลตอบแทน 1 ปี N/A%
- K-JP ผลตอบแทน 3 ปี 5.12% และผลตอบแทน 1 ปี 27.72%
- ASP-JHC ผลตอบแทน 3 ปี N/A% และผลตอบแทน 1 ปี N/A%
กองที่ทำผลตอบแทนโดดเด่นคือ KF-JPSCAP, KT-JAPAN-A, ASP-NGF จะเห็นว่ากองที่ทำผลตอบแทนได้โดดเด่นอย่าง KF-JPSCAP และ KT-JAPAN-A เป็นกองที่ลงทุนในหุ้นเล็กของญี่ปุ่น
ขณะที่กองที่เน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ผลตอบแทนกลับทำได้ไม่ดีมากนัก เป็นกองที่ลงทุนหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะกองที่มีกองแม่เป็น Schroders มีมอร์นิ่งสตาร์แค่ 3 ดาว หากเทียบพวก Henderson อย่าง KT-JAPAN-A / Comgest และ Nomura ของ ONE-UJE-RA
เท่าที่ดูเหมือนกองที่ลงทุนในหุ้นใหญ่จะหา Alpha ยาก ฉะนั้นถ้าจะลงทุนในญี่ปุ่นอาจจะเลือกแบบ Active (Small-Mid Cap) จะน่าสนใจกว่า
ค่าธรรมเนียมของแต่ละกอง
- ASP-NGF มีค่า TER ที่ 1.2598 และมี Front-end 2.00%
- KT-JAPAN-A มีค่า TER ที่ 1.14 และมี Front-end 1.50%
- TMBJPNAE มีค่า TER ที่ 1.7881 และมี Front-end 1.50%
- T-JAPANEQ มีค่า TER ที่ 1.475 และมี Front-end 1.070%
- KF-JPSCAP มีค่า TER ที่ 0.9018 และมี Front-end 1.50%
- ONE-UJE-RA มีค่า TER ที่ 1.6605 และมี Front-end 1.50%
- K-JP มีค่า TER ที่ 1.4037 และมี Front-end 1.50%
- ASP-JHC มีค่า TER ที่ 2.640495 และมี Front-end 1.25%
การจ่ายปันผล
กองที่จ่ายปันผล: K-JP, KT-JAPAN-D
กองทุนอื่นในตัวอย่างไม่จ่ายปันผล
การป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
ป้องกันแบบดุลยพินิจ: ASP-NGF, KT-JAPAN-A, T-JapanEQ, TMBJPNAE, KF-JPSCAP
ขั้นต่ำของแต่ละกองและเงื่อนไขดังนี้
- ASP-NGF มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท
- KT-JAPAN-A มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท
- TMBJPNAE มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 1 บาท และครั้งถัดไป 1 บาท
- T-JAPANEQ มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 1,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท
- KF-JPSCAP มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 2,000 บาท และครั้งถัดไป 2,000 บาท
- ONE-UJE-RA มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 5,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท
- K-JP มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 500 บาท และครั้งถัดไป 500 บาท
- ASP-JHC มียอดซื้อขั้นต่ำครั้งแรก 5,000 บาท และครั้งถัดไป 5,000 บาท
สรุป
กองที่แนะนำมี KF-JPSCAP, ONE-UJE-RA, KT-JAPAN-A เรามองว่าพวก Small-mid cap น่าสนใจ และมี Upside ที่สูกว่า โดยเฉพาะกอง Active ที่ทำผลตอบแทนเอาชนะ Benchmark ได้อย่างต่อเนื่อง หา Alpha ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่พวกกอง Active ลงทุนในหุ้นใหญ่ ไม่ค่อยรอดเท่าไร โดย KF-JPSCAP มีความน่าสนใจคือมี TER ต่ำสุดในสามตัวนี้ แต่มียอดขั้นต่ำหน่อย 2,000 บาทสำหรับคนลงเงินไม่มาก
สำหรับใครตั้งใจลงทุนน้อยกว่านี้อาจจะไม่เหมาะ ส่วน ONE-UJE-RA มีค่า TER สูงสุดในสามตัวนี้ แต่การันตีด้วยกอง 5 ดาวถึงสองกอง และมีผู้จัดการกองทุนคอย Balance สัดส่วนทั้งสองกอง ทั้ง Growth และ Quality เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วน KT-JAPAN-A มอบให้เป็นชายกลาง หากเทียบค่า Fee และขั้นต่ำ และผลตอบแทนไม่เบานะ โดดเด่นสุดในกองที่เรารีวิว (ไม่ได้ดู ONE-UJE-RA เพราะเป็นกองใหม่ ข้อมูลยังมีไม่มาก แต่อยู่ในขอบเขตที่น่าสนใจ) ส่วน ASP-JHC ก็ปังนะ เพราะกองโนมูระห้าดาวมอร์นิ่งสตาร์ ตัวเดียวกับของ ONE-UJE-RA แต่ข้อเสียคือ TER แพงกว่า
สำหรับใครชื่นชอบญี่ปุ่น ก็สามารถมีสัดส่วนเป็น Core ที่ 15-20% เป็น Developed Country ที่กองทุน Active ทำผลงานได้ดี และญี่ปุ่นจัดเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง จึงเป็น Core ได้อย่างมั่นคงนั่นเอง
เด็กการเงิน DekFinance
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/DekFinance101/posts/215286463822158
สามารถดูรายละเอียดหนังสือชี้ชวนและผลตอบแทนของกองทุนได้ที่ finnomena.com/fund
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”