จากการที่จีนเปิดประเทศและเน้นเรื่องของเศรษฐกิจเป็นหลักในปี 2023 ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจหุ้นจีนมากขึ้น และในปี 2023 หลายสำนักคาดการณ์ว่าจีนจะมีการเติบโตของ GDP ปี 2023 อยู่อันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว
วันนี้ เด็กการเงิน ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับหุ้นจีน share ประเภทต่าง ๆ รวมถึงการจัดกลุ่มกองทุนรวมหุ้นจีน ที่ต้องบอกว่ามีเยอะมาก ๆ สามารถนำไปปรึกษา เปรียบเทียบลงทุนกันได้เต็มที่เลยนะ
สิ่งที่จะได้จากบทความนี้
- รู้จักกับหุ้นจีนประเภทต่าง ๆ ที่อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง เซี่ยงไฮ้-เสิ่นเจิ้น และจดทะเบียนในตลาดหุ้น USA
- จัดกลุ่มกองทุนหุ้นจีนให้เข้าใจได้ง่าย ๆ มีเยอะแค่ไหนก็ไม่งง (อัปเดต 12 ม.ค. 2566)
1. รู้จักกับหุ้นจีนประเภทต่าง ๆ
1.1) ซื้อขายในตลาดหุ้น Hong Kong
ประกอบด้วย
Red Chip
หุ้นที่มีธุรกิจบนจีนแผ่นดินใหญ่ จดทะเบียนนอก China แต่เทรดในตลาดหุ้น HK
P Chip
หุ้นที่ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาล จดทะเบียนตลาดหุ้น HK
H Share
หุ้นที่มีธุรกิจบนจีนแผ่นดินใหญ่ จดทะเบียนตลาดหุ้น HK ดัชนี Hang Seng China Enterprise Index (HSCEI)
ดัชนี Hang Seng Index (HSI) ประกอบด้วย หุ้นฮ่องกง จดทะเบียนตลาดหุ้น HK + จีน Red Chip, P Chip และ H Share
โดย HSCEI และ HSI เคลื่อนไหวสัมพันธ์กันเกือบ 100%
1.2) ซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้-เซินเจิ้น
หุ้นที่มีธุรกิจบนจีนแผ่นดินใหญ่ จดทะเบียนตลาดหุ้น Shanghai and Shenzhen โดย
- A Share ใช้สกุลเงินหยวน
- B Share ใช้สกุลเงินต่างประเทศ เช่น Shanghai (USD), Shenzhen (HKD)
1.3) ซื้อขายในตลาดหุ้น USA เช่น NASDAQ
หุ้นที่มีธุรกิจบนจีนแผ่นดินใหญ่ จดทะเบียนตลาดหุ้น USA เป็นตราสารแสดงสิทธิ์ในหุ้นจีน ADR ย่อมาจาก “American Depository Receipt”
1.4) รู้จัก All-China
จัดโดยดัชนี MSCI China รวมหุ้นจีน Red Chip, P Chip, H Share, ADR, A และ B Share
1.5) รู้จัก Greater China
Greater China และ MSCI Golden Dragon พูดถึงการจัดกลุ่ม หรือดัชนีหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวันเข้าด้วยกัน
2. จัดกลุ่มกองทุนหุ้นจีนให้เข้าใจได้ง่ายๆ
เราแบ่งกองทุนออกเป็น 2 ประเภท
Passive และ Active
2.1) ในส่วนของ Passive ที่ลงทุนได้ในประเทศไทย คือกลุ่มหุ้น H share หรือซื้อขายในตลาดหุ้น Hong Kong ตามดัชนี HSI และ HSCEI
ส่วน A Share คือ หุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้-เซินเจิ้น มีดัชนีหลักคือ CSI300 ส่วน FTSE A50 คือการจัดหุ้น 50 ตัว เป็นดัชนีของค่าย FTSE
2.2) กองทุน Active
ดูแลด้วยผู้จัดการกองทุนเก่งระดับโลก แบ่งออกเป็น All-China, A-Share และ Thematic ในเทคโนโลยี พลังงานสะอาด เป็นต้น ส่วนตัวเราคิดว่า thematic คือส่วนที่อ่อนไหว ผันผวนแรงกว่ากระจายตัวแบบหลาย sector ดังนั้นการเลือกลงทุนต้องกระจายความเสี่ยงผ่านการจัดพอร์ต
2.3) เราจัดกลุ่มกองทุนหุ้นจีน SSF-RMF ไว้ด้วย เผื่อทุกคนจะได้ลงทุนเพื่อได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ..แถมลงทุนได้นาน ๆ ดูการเติบโตของตลาดหุ้นจีน โดยไม่ไปยุ่ง ซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนมันบ่อย ๆ ซะก่อน
ถึงเราจะเห็นศักยภาพและการเติบโตของประเทศจีนว่ามีสูงมาก และเราก็คิดว่าปี 2023 จะเป็นปีที่จีนมี position ในการสร้างผลตอบแทนที่ดี แต่เราคิดว่าไม่ overweight exposure กองทุนหุ้นจีน รวมกันเกินกว่า 20% ของพอร์ต โดยบางคนที่รับความเสี่ยงได้มาก อาจจะจัดกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่อย่าง จีน+เวียดนาม+อินเดียได้ถึง 30-35% ของพอร์ต
เด็กการเงิน DekFinance
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/DekFinance101/posts/pfbid0GB6nLrKd3YLCfLbV5G4LGtgQsX7SoSm14j5dUjbwhBrDZSZiou8q1pBnrNq6U8gPl
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299