“DCA หุ้นตัวไหนดี?”
ต้องบอกว่าคำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตจริง ๆ สำหรับกลุ่มคนที่เริ่มออมเงินและจัดสรรเงินส่วนหนี่งไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นด้วยการใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar Cost Average) ซึ่งถ้ามีใครก็ตามถามผมด้วยคำถามนี้ผมจะไม่แนะนำหุ้นเป็นรายตัวให้ครับ แต่จะแนะนำให้ DCA ในกองทุนรวมดัชนีแทน
กองทุนรวมดัชนี คือ กองทุนที่มีกลยุทธ์ในการบริหารเพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีที่ใช้อ้างอิงมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราลงทุนในกองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงกับ ดัชนี SET50 ผลตอบแทนที่เราจะได้รับจะใกล้เคียงกับผลตอบแทนที่เกิดจากการถือหุ้น 50 ตัว ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET50 ตามสัดส่วนของหุ้นแต่ละตัวที่นำมาใช้คำนวณดัชนี SET50
เหตุผลที่ผมแนะนำกองทุนรวมดัชนี แต่ไม่แนะนำหุ้นรายตัว เพราะ ……
เหตุผลที่ 1: การเลือกหุ้นรายตัวมีความเสี่ยง
หลายครั้งที่ผมเห็นการนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการ DCA หุ้นตัวนั้นตัวนี้เป็นเวลา 10-20 ปี เงินเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบ ๆ เท่า แต่ผมมักจะห้ามนักลงทุนไม่ให้หลงใหลไปกับผลตอบแทนสูง ๆ ที่ถูกเอามาแสดง เนื่องจากในความเป็นจริงถ้าเราเลือกหุ้นด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นได้ 2 ทาง คือ ถ้าใครเลือกหุ้นถูกตัว พอร์ตที่ DCA หุ้นก็อาจจะกำไรได้ดี แต่ถ้าใครเลือกหุ้นพลาด DCA หุ้นมาตั้งนาน ผลที่ได้อาจไม่น่าประทับใจนัก แต่สำหรับกองทุนรวมดัชนีคล้ายกับการลงทุนในตลาดหุ้นโดยรวม และมีแนวโน้มว่าในระยะยาวจะมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นรายตัว จึงเหมาะกับคนที่คิดว่าตัวเองยังเลือกหุ้นเองไม่เก่ง ไม่ค่อยมีเวลาค้นหาหุ้น
เหตุผล 2: เป็นตัวที่ถูกใช้อ้างอิงผลตอบแทน
บทความส่วนใหญ่ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภทหุ้น จะใช้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นเป็นตัวอ้างอิง (SET Total Return Index) ในกรณีที่เรา DCA ในตัวกองทุนรวมดัชนีที่ใช้กลยุทธ์ในการบริหารเพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด จึงช่วยให้เราได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับความคาดหวังหรือสมมติฐานที่ตั้งไว้มากกว่าการ DCA หุ้นรายตัว ซึ่งอาจจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าก็ได้
เหตุผลที่ 3: หุ้นรายตัวมีข้อจำกัดด้านเงินลงทุนขั้นต่ำ
วิธีการ DCA แนะนำให้เราลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันตามช่วงเวลาที่เรากำหนด ในกรณีที่เงินลงทุนของเราไม่มากเช่น เราวางแผน DCA ด้วยเงินจำนวน 5,000 บาททุกเดือน เราสามารถนำเงิน 5,000 บาทไปซื้อกองทุนรวมดัชนีได้เต็มจำนวน แต่กรณีหุ้นรายตัว ถ้าสมมติว่าหุ้นที่เราสนใจ DCA ปัจจุบันราคา 65 บาท ซึ่งจำนวนการซื้อหุ้นขั้นต่ำในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 100 หุ้น รวมเป็นมูลค่า 6,500 บาท เราก็ไม่สามารถ DCA หุ้นตัวนั้นได้ในรอบระยะเวลาที่วางแผนไว้ หรือแม้แต่หุ้นที่เราสนใจมีราคาไม่สูงมาก เช่น 15 บาท เราก็สามารถซื้อหุ้นในรอบนั้นได้เพียง 300 หุ้น คิดเป็นเงิน 4,500 บาท และเหลือเศษเงินอีก 500 บาทที่ไม่สามารถซื้อได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนั้นข้อจำกัดด้านเงินลงทุนขั้นต่ำและการเหลือเศษเงินในการ DCA แต่ละครั้งจึงเป็นข้อจำกัดที่ทำให้เราไม่สามารถ DCA หุ้นรายตัวด้วยเงินเต็มจำนวนตามแผนนั่นเอง
เหตุผลที่ 4: ความผันผวนน้อยกว่า ถือแล้วสบายใจกว่า
เพราะกองทุนรวมดัชนีจะมีการลงทุนให้หุ้นหลายตัวที่องค์ประกอบในการคำนวณดัชนี การที่เราซื้อกองทุนรวมดัชนีที่อ้างอิงดัชนี SET50 ก็เหมือนกับการซื้อหุ้น 50 ตัวพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงได้อย่างดีเยี่ยม สามารถลดผลกระทบที่เกิดขึ้นเฉพาะเจาะจงกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง จากการที่กระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นหลายตัว ทำให้มูลค่าของกองทุนรวมดัชนีมีความผันผวนน้อยกว่าราคาของหุ้นรายตัว การที่ราคามีความผันผวนน้อยก็จะทำให้สบายใจกว่าเวลาถือครองในระยะยาวนั่นเอง
ในบทความนี้ที่แนะนำ DCA กองทุนรวมดัชนีแทนการลงทุนในหุ้นรายตัวนั้น เนื่องจากอยากนำเสนอในมุมมองของความเสี่ยงประกอบด้วย โดยไม่ได้พิจารณาด้านผลตอบแทนแต่เพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตามการ DCA ในกองทุนรวมดัชนีก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเนื่องจากอ้างอิงกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินที่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาว
DaddyTrader
ติดตาม DaddyTrader ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/DaddyTrader/
** หากสนใจลงทุนใน Long Term Defensive Plus พอร์ตกองทุนรวมเน้นลงทุนระยะยาวที่จัดโดย DaddyTrader สามารถคลิกที่ https://www.finnomena.com/port/daddytrader/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างครับ