วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับมุมมองความคิดของ CEO ของ บ. น้องใหม่ มาแรง ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อม IPO ได้แก่ ดร. ทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) (Interpharma Public Company Limited) และ คุณกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด มาดูกันเลยค่ะว่าทั้ง 2 ท่านมีกลยุทธ์และเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ประสบความสำเร็จบ้าง?
ช่วยพูดถึงปัจจัยสำคัญที่คุณคิดว่าช่วยให้คุณประสบความสำเร็จถึงทุกวันนี้
ดร. ทรงวุฒิ และ คุณกิจจา คิดเห็นเหมือนกันว่าความมุ่งมั่นนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขานั้นได้ก้าวข้ามความยากลำบากมาถึงจุดนี้ได้ ดร. ทรงวุฒิ กล่าวว่าคนเรานั้นต้องมีความมุ่งมั่นและความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เขาเชื่อว่าคนเราทุกคนล้วนแล้วมีเป้าหมายในชีวิตไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก สำหรับตัวเขาเองนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลิตภัณฑ์สุขภาพ Probac สำหรับคนไทยโดยนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ เพราะเขาเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพของทุกคน เขาได้กล่าวต่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขานั้นก็คือการรักษาคำพูดทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นเพราะการที่เราจะบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้นั้น เราจะต้องซื่อตรงต่อคำพูดตัวเอง ถ้าเป้าหมายเราเกินจริงเราก็ควรที่จะ “acknowledge (รับรู้)” ประเด็นนั้น และปรับปรุงตัวเองและเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะ ผู้นำบริษัท หากเราไม่สามารถ “control (ควบคุม)” คำพูดของตัวเองไว้ได้เราก็จะหมดความน่าเชื่อถือโดยทันที
คุณกิจจา ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงหนึ่งในจุดยืนที่เขามีในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของเขา เขาเชื่อว่าคนเรานั้นต้องคิดและทำในสิ่งที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ เขาก่อตั้งกิจการเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านนี้ขึ้นเพราะเขาเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มลูกค้าที่มาจากต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อมาก และ เขาได้กล่าวต่ออีกว่าคนเรานั้นนอกจากความมุ่งมั่นและมุมมองที่แตกต่างแล้ว ต้องมีความรักในสิ่งที่ทำและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สำหรับตัวเขาเองนั้นก็ชอบพูดคุยกับลูกค้าเพื่อตอบสนองต้องการใหม่ ๆ คุณกิจจายังบอกอีกว่าสำหรับเขานั้นการที่ได้ไปทานอาหารกับครอบครัวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ร้านอาหารใหม่ ๆ ก็เหมือนกับการสำรวจตลาดไปในตัวเช่นกันเพราะจะได้เห็นไสตล์การตกแต่งที่แตกต่างกันไป
ตัวคุณมีวิธีจัดการกับความผิดพลาดอย่างไร
ผู้บริหารทั้งสองคนนั้นเห็นพ้องกันว่าเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นในการทำงานสิ่งที่สำคัญที่สุดและควรจะเกิดขึ้นเป็นอย่างแรกคือการยอมรับความผิดพลาดว่ามันเกิดขึ้นและไม่โทษใครเพราะจะยิ่งสร้างปัญหาและไม่เกิดผลดีต่อตัวบริษัทเลย ดร. ทรงวุฒิบอกว่าสำหรับตัวเขานั้น เขายังยึดถือกับหลักความมุ่งมั่น เขาเชื่อว่าหากเขาทำผิดพลาด เขาจะรีบแก้ไขปัญหาและกลับมาลุกขึ้นยืนอีกครั้งให้เร็วที่สุดด้วยการมองนอกกรอบเพื่อหามุมมองใหม่ ๆ เพราะหากเรามัวแต่จมปลักกับความคิดเก่า ๆ ก็อาจจะยากที่จะกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง คุณกิจจาได้เสริมต่อว่า “คนเรานั้นนอกจากที่จะยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขปัญหาอย่างเร็วที่สุดแล้วนั้น จะต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด มองหาสาเหตุของความผิดพลาดและอุดช่องโหว่นั้นเพื่อที่จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีกซ้ำสอง”
ในการทำงานในบริษัทนั้นย่อมมีคนที่เห็นต่างกันและอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ในฐานะผู้นำคุณมีวิธีรับมืออย่างไร
สำหรับคำถามนี้ CEO ทั้งสองมีมุมมองการรับมือที่ต่างกัน ดังนั้นเราไปดูมุมมองแรกของ ดร. ทรงวุฒิ กันก่อนดีกว่า
“ผมเชื่อว่าในทุก ๆ องค์กรย่อมมีคนที่เห็นต่าง ตัวผมเชื่อว่ามีวิธีรับมืออยู่สองวิธี เริ่มแรกเราต้องจำแนกให้ได้ก่อนว่า เขาเห็นต่างกับเราด้วยเหตุผลอะไร ถ้าเขาเป็นเพียงคนที่ขวางโลกเราก็ไม่ต้องไปให้ความสำคัญอะไร แต่ถ้าหากความคิดเห็นของเขานั้นมีประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กร เราก็ควรจะพยายามเข้าใจ หาข้อดีและประโยชน์จากความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ผมก็ยังเชื่อว่าสิ่งแรกที่เราควรจะทำในฐานะผู้นำบริษัทคือรับฟังนะครับ”
ในฝั่งคุณกิจจานั้น เขาเชื่อว่าสิ่งแรกที่ควรจะทำคือยอมรับความคิดเห็นนั้นไม่ว่ามันจะมีแนวโน้มไปทางไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือ ต้องหาข้อสรุปที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทและเดินหน้าต่อไป เขาเชื่อคนเราทุกคนนั้นย่อมมีเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่าง ดังนั้นเขาเห็นด้วยกับ ดร. ทรงวุฒิ ในเรื่องของการรับฟังเพราะไม่ว่าเราจะมีตำแหน่งใหญ่ขนาดไหนเราก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง เราควรจะเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนรอบตัวเรา
สำหรับงานบริหารที่คุณต้องทำในแต่ละวันมีอันไหนยากหรือท้าทายความสามารถมากที่สุด
ทั้งสองคนเห็นพ้องกันว่าการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าและวางแผนเพื่อพัฒนาธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ๆ เพราะพวกเขาจะต้องประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศเพราะธุรกิจของเขาทั้งสองนั้นต้องติดต่อส่งออกไปยังต่างประเทศเช่นกัน นอกจากนั้นก็ต้องประเมินศักยภาพของบริษัทตัวเองว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อ
ในฐานะผู้บริหาร ดร. ทรงวุฒิ กล่าวต่อว่าการที่จะทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ยากพอตัว เพราะเขาอยากจะให้ธุรกิจนั้นเจริญเติบโต นอกจากนั้นเขาพูดต่อว่า “การพัฒนา “mindset” และปลุกศักยภาพของบุคลากรในบริษัทนั้นก็เป็นงานที่ยากและสำคัญมาก เพราะผมอยากจะให้ทุกคนมี “passion” ในบริษัท เสมือนกับว่าเป็นบริษัทของตนเอง” คุณกิจจาก็เห็นด้วยกับประเด็นนี้ เขาบอกว่าการบริหารคนจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเพราะเขาต้องการให้ตัวเองนั้นเป็นคนที่ “approachable” (เข้าถึงได้) สำหรับบุคลากรทุกคนแต่ก็ยังคงมีกฎเกณฑ์และระเบียบให้ปฏิบัติตาม
คุณมีคำแนะนำอะไรที่คุณอยากจะบอกกับผู้ที่จบใหม่หรือคนที่กำลังท้อแท้ในงานของตัวเอง
ดร. ทรงวุฒิ ได้ให้คำแนะนำกับผู้ที่จบใหม่ว่าไม่ควรจะมองที่รายได้เป็นหลัก
แต่ให้เน้นกันที่การพัฒนาทักษะ ความรู้และประสบการณ์ และสังเกตว่างานอะไรที่เราทำได้ดีและทำแล้วไม่เบื่อ จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นอาจจะต้องรอดูในระยะยาว ไม่สามารถตอบได้ทันที ควรจะสนุกกับงานที่ทำได้ทุกวัน และที่สำคัญ คือ การคบกัลยาณมิตร อยู่ในสิ่งแวดล้อมของคนที่เก่งและดี และดูแลผู้มีพระคุณและคนที่ให้การสนับสนุน
ส่วนคุณกิจจานั้นได้ให้คำแนะนำและกำลังใจสำหรับ คนที่กำลังท้อแท้ในงานของตัวเองว่า “ลองสงบนิ่ง ทำสมาธิ และหยุดคิดทบทวน ภาพรวมของชีวิต และมองไปแบบกว้าง ๆ และไกล ๆ สัก 15-30 วัน และดูว่า ควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนแปลงวิธีการ หรือ เปลี่ยนแปลงงานอย่างไร” เขาเชื่อว่าคนเราต้องรู้จักการสร้างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองต่อผู้อื่น งานทุกอย่างที่จะสำเร็จไม่มีอะไรที่ง่าย แต่ความยากคือความท้าทาย
และนี่คือมุมมองของ CEO บ. น้องใหม่ มาแรง เราหวังว่าทุกคนจะได้ความรู้และแรงบันดาลใจจากบทความนี้นะคะ ไม่ว่าคุณจะอยากสร้างเงินล้าน สร้างธุรกิจ หรือบรรลุเป้าหมายใดๆ เราเชื่อว่าทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนไปสู่เป้าหมายค่ะ
Curious Apple
สร้างแผนลงทุนด้วยแอป LINE ได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ คลิกเลย!
https://www.finnomena.com/line/intro