เมื่อพูดถึงการลงทุนหุ้นต่างประเทศ ก็คงหลีกเลี่ยงการทำความรู้จักดัชนีหุ้นต่างประเทศไปไม่ได้ คลิปนี้จะมาเล่าถึงดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เรามักได้ยินบ่อย ๆ ให้ได้รู้จักกันมากขึ้น โดยจะขอยกมา ประเทศที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนทุกท่านแน่นอน นั่นก็คือประเทศสหรัฐอเมริกาและจีน 

ดัชนีหุ้นของสหรัฐฯ

ตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกามีอยู่หลายแห่ง โดย 2 ตลาดหลักคือ New York Stock Exchange (NYSE) และอีกตลาดก็คือ Nasdaq โดย NYSE เป็นตลาดที่มีมาอยู่ก่อน ในขณะที่ Nasdaq ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของบริษัทไซส์เล็ก ไม่สามารถจดทะเบียนใน NYSE ได้ ซึ่งในขณะนั้นก็เต็มไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น Microsoft, Apple, Facebook เป็นต้น

มีดัชนีหุ้นที่มักถูกพูดถึงบ่อยๆ ถึง ตัวด้วยกัน ได้แก่ 

  • Dow Jones: ดัชนีเก่าแก่ที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีนี้จะถูกคำนวณจากราคาของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานมั่นคง เป็นผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมและเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ จำนวน 30 ตัวที่ซื้อขายทั้งใน NYSE และ Nasdaq แต่จะเป็นหุ้นที่มาจาก NYSE เป็นส่วนใหญ่
  • S&P 500: คำนวณมาจากหุ้นใหญ่ 500 ตัว จากทั้ง NYSE และ Nasdaq โดยมูลค่าของบริษัทใน S&P 500 คิดเป็น 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และในปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า ดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีที่แสดงภาพรวมของตลาดและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาได้ดีที่สุด
  • Nasdaq: เคยเป็นตลาดสำหรับหุ้นขนาดเล็ก โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีมาก่อน แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป หุ้นเทคโนโลยีตัวเล็กในวันนั้น กลายเป็นหุ้นชั้นนำของโลกในวันนี้ เนื่องจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนั่นเอง

ข้อสังเกตสำคัญก็คือ ดัชนี Dow Jones จะได้มาจากการคำนวณค่าเฉลี่ยของราคาหุ้น หุ้นที่ราคาสูง จึงมีอิทธิพลต่อดัชนีมากกว่าปกติ ต่างจากดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ที่คำนวณมาการถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดของบริษัในมุมมองของนักลงทุน ดัชนี S&P 500 จึงได้รับการยอมรับให้เป็นตัวแทนของตลาดการลงทุนของสหรัฐอเมริกาที่ดีที่สุด เนื่องจากครอบคลุมหุ้นจากหลากหลายบริษัทและอุตสาหกรรม

ดัชนีหุ้นของจีน

โดยทั่วไปหุ้นของบริษัทจีนจะถูกแบ่งออกเป็น กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ A-Shares ซึ่งเป็นหุ้นจีนที่จดบริษัทและขึ้นทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีน คือเซี่ยงไฮ้ และเสินเจิ้น เทรดกันโดยใช้สกุลเงินหยวน ส่วน H-Shares เป็นหุ้นบริษัทจีนที่จดบริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ขึ้นทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกง จึงเทรดกันโดยใช่สกุลเงินฮ่องกงดอลลาร์  

มีดัชนีหุ้นที่มักถูกพูดถึงบ่อย ๆ ถึง ตัวเช่นกัน ได้แก่

  • CSI 300: ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 ตัว ทั้งจากตลาดเซี่ยงไฮ้และเสินเจิ้น
  • Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI): เป็นดัชนีที่สะท้อนศักยภาพโดยรวมของหุ้นบริษัทจีนที่เทรดในตลาดฮ่องกง (H-Shares)
  • MSCI China 10/40 Index: เป็นดัชนีจัดทำโดยบริษัท Morgan Stanley องค์ประกอบของดัชนีเป็นหุ้นจีนขนาดกลางและใหญ่ทุกตลาดรวมกัน ภายใต้หลักการกระจายการลงทุนตามสูตร 10/40 นั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เราควรทำความรู้จักดัชนีหุ้นต่างประเทศ

เพราะตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย เช่น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจ ก็จะมีผลต่อการกำหนดนโยบายต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงนโยบายต่อประเทศไทย หรือเมื่อประเทศคู่ค้าของไทยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ก็จะส่งผลต่อประเทศไทยเช่นกัน การติดตามดัชนีหุ้นต่างประเทศก็จะทำให้เราเห็นทิศทางการลงทุน และทำให้สามารถวางแผนการลงทุนของตัวเองต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

TSF2024