สงครามวัสดุก่อสร้าง DO Home vs Global

หลังจากความสำเร็จของทั้ง HMPRO และ GLOBAL ในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากจากผลการดำเนินงานที่เติบโต และการขยายสาขาที่ต่อเนื่อง

ณ วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังจะมีหุ้น Modern Trade ของแต่งบ้านและวัสดุก่อสร้างเพิ่มเข้ามา นั่นก็คือ DO Home ร้านวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จจากการเติบโตในต่างจังหวัด

DO Home ก่อตั้งครั้งแรกในจังหวัดอุบลราชธานี 14 ปีถัดมาในปี 2550 DO Home เปิดสาขาที่สองในจังหวัดนครราชสีมา และขยายสาขามาเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 9 สาขา ทุกสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ในอนาคตมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาคือเพชรเกษมและสุราษฎร์ธานี ในปี 2562, สาขาชลบุรีและพิษณุโลกในปี 2565

แม้ DO Home จะทำธุรกิจเดียวกันกับ GLOBAL แต่วิธีการทำธุรกิจแตกต่างกันพอสมควร

ในปี 2560 DO Home มีรายได้ 18,664 ลบ. ในขณะที่ GLOBAL มีรายได้ 20,830 ลบ. รายได้ใกล้เคียงกันแต่….

  • DO Home มีสาขาเพียง 9 สาขาแต่ GLOBAL มีสาขามากถึง 55 สาขา ถ้าเอามาคำนวณเป็นยอดขายต่อสาขา
  • DO Home มียอดขายต่อสาขาสูงถึง 2,063 ลบ.ต่อสาขา แต่ GLOBAL มียอดขายต่อสาขาเพียง 378 ลบ.ต่อสาขาเท่านั้น
  • ยอดขายต่อสาขามากน้อยคงไม่เกี่ยวกับเรื่องดีหรือไม่ดีอะไร แต่บ่งบอกถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจที่แตกต่างกัน
  • DO Home เน้นใหญ่ๆ มาที่เดียวจบราคามั่นใจได้ว่าถูก เน้นวัสดุก่อสร้าง ในขณะที่ GLOBAL เน้นขยายสาขา มีบางสาขาเริ่มติดแอร์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า

ด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างกันขนาดของสาขาเลยแตกต่างกันไปด้วย

GLOBAL ที่ผมว่าสาขาขนาดใหญ่แล้วคือมีสาขาประมาณ 13,000 – 30,000 ตรม. เจอสาขาของ DO Home ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 35,000-65,000 ตรม. ทำให้สาขาของ GLOBAL ดูเล็กไปเลย

ที่ DO Home ทำสาขาขนาดใหญ่มากกก เหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะบริษัทมี Mission ในการเป็นศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านแบบครบวงจร หรือที่บริษัทเรียกตัวเองว่าเป็น “มหาอาณาจักรบ้าน” ดังนั้นจึงต้องมีของเยอะ ของครบ แถมยังต้องขายถูก (โจทย์ยากจัง)

แต่ DO Home ก็ทำได้ ! รายได้และกำไรของ DO Home มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

  • ปี 2558 รายได้ 17,917 ลบ. กำไร 389 ลบ.
  • ปี 2559 รายได้ 18,692 ลบ. กำไร 853 ลบ.
  • ปี 2560 รายได้ 18,664 ลบ. กำไร 931 ลบ.

อย่างไรก็ตามแม้จะเติบโตต่อเนื่องแต่ด้วยกลยุทธ์ของเยอะ ของครบ ของถูกทำให้อัตราการทำกำไรของ DO Home ทำได้น้อยกว่า GLOBAL ค่อนข้างมาก

DO Home ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้เพียง 16.2% ในขณะที่ GLOBAL ทำได้ 20.58%

ส่วนอัตรากำไรสุทธิ DO Home ทำได้ 5% GLOBAL ทำได้สูงกว่าที่ 7.43%

สาเหตุก็คงเพราะ DO Home มีการขายพวกวัสดุก่อสร้างพื้นฐานเช่นเหล็กและคอนกรีตจึงทำให้อัตราการทำกำไรต่ำ

แล้ว DO Home จะยังพัฒนาอัตราการทำกำไรให้ดีขึ้นได้ไหม?

ได้แน่นอนถ้า DO Home สามารถเพิ่มจำนวนสาขาให้มากขึ้น, ปรับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่ชัดเจนคือการเพิ่มสินค้า House brand

เพราะ DO Home ขายสินค้า House brand ได้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 31.5% ในขณะที่ขายสินค้าทั่วไปได้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 16.2%

ปัจจุบัน DO Home ยังมีอัตราการขายสินค้า House brand เป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวม

  • ปี 2558 สินค้า House brand 7.1%
  • ปี 2559 สินค้า House brand 11.4%
  • ปี 2560 สินค้า House brand 14.3%

(ใกล้เคียงกับอัตราส่วน House brand ของ GLOBAL ที่ 13% แต่ยังต่ำกว่าของ HMPRO ที่ประมาณ 25%)

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ DO Home คือประสิทธิภาพในการบริหารสต๊อคสินค้า

DO Home มี Inventory day ที่ 157 วัน หากเทียบกับ GLOBAL ที่ 272 วัน นับว่า DO Home ทำได้ดีกว่าเยอะมาก แต่ยังทำได้แย่กว่าหากเทียบกับ HMPRO ที่ทำได้ 83 วัน

สาเหตุก็อาจจะเป็นเพราะ DO Home ขายวัสดุก่อสร้าง สินค้าส่วนใหญ่ไม่เน่า ไม่เสีย มี Life cycle ยาวนานกว่าสินค้าของตกแต่งบ้านที่มีความเป็นแฟชั่นระดับหนึ่ง DO Home เน้นของครบ ดังนั้นอาจมีความจำเป็นที่ต้องเก็บสต๊อคไว้มากหน่อยจึงทำให้ Inventory day สูง

สรุปแล้ว DO Home ถือเป็นหุ้นขายวัสดุก่อสร้างที่เน้นร้านที่เป็นอาณาจักร ของครบและราคาถูก โดยมีลูกค้าหลักคือช่าง

กลยุทธ์การเติบโตหลักๆ แล้วมาจากการขยายสาขาซึ่งทำให้รายได้เติบโต การปรับสินค้าเป็น House brand ในอัตราส่วนที่มากขึ้นจะช่วยให้กำไรเติบโต

ที่ผ่านมา DO Home เติบโตมาตลอด ปีไหนมีการเปิดสาขาใหม่จะเติบโตก้าวกระโดด จากสาขาที่มีอยู่แล้ว 9 สาขา เปิดเพิ่มอีก 4 สาขาในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อพอสมควร ส่วนการเติบโตจะเป็นกี่ % นั้น ราคา IPO จะเป็นเท่าไหร่ น่าซื้อหรือไม่? ยังคงต้องติดตามข้อมูลกันต่อไป …..

โดยเพจ Buffettcode

ดูข้อมูลหุ้น GLOBAL เพิ่มเติมได้ที่
https://www.finnomena.com/stock/GLOBAL

ดูข้อมูลหุ้น HMPRO เพิ่มเติมได้ที่
https://www.finnomena.com/stock/HMPRO

——————-

Vithan Minaphinant
Securities Investment Analyst (IA)
ตรวจทานบทความ


คำเตือน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้เขียนบทความนี้มิได้รับค่าตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่กล่าวถึงในบทความนี้แต่อย่างใด | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้

TSF2024