บทความ ณ วันที่ 12 มีนาคม 2563
วันนี้เป็นวันที่ตลาดหุ้น SET มีการลดลงอย่างหนักถึง 125 จุด หรือ 10% ของตลาด ปิดตลาดลบไป 139 จุด ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องทำการ “หยุดการซื้อขาย” ระหว่างวันหรือ Circuit Breaker เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกของนักลงทุน
วันนี้ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน ๆ หลาย ๆ ท่าน ถามเรื่องสภาวะตลาด และสิ่งที่ควรทำในตอนนี้ ผมจึงอยากสรุปสิ่งที่ผมบอกเพื่อน ๆ และครอบครัวของผมมาบอกกับลูกเพจที่ติดตามด้วย เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่เคยเจอวิกฤต ว่าควรต้องรับมืออย่างไร และทำอย่างไร?
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความเห็นของผมคนเดียว จึงอาจถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นอย่าเชื่อผมเพียงอย่างเดียวแต่ให้เชื่อการตัดสินใจ เชื่อข้อมูล และวิจารณญาณของตัวคุณเองครับ
1. สภาวะตลาดขณะนี้ “คาดเดาได้ยาก…มาก”
ตลาดหุ้นในตอนนี้เป็นไม่กี่ครั้งที่โดนปัจจัยลบติดต่อกันหลาย ๆ ปัจจัย อย่างต่อเนื่อง การแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปทั่วโลกเป็นปัจจัยที่หนักอยู่แล้ว ตลาดหุ้นกลับต้องเจอกับสงครามราคานำ้มันที่ซาอุดิอาราเบียเปิดฉากขึ้น กระทบโดยตรงกับธุรกิจนำ้มันทั่วโลก รายละเอียดของข่าวผมคาดว่าทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว ดังนั้นในโพสนี้ผมจะขอพูดถึงเรื่อง “Action Plan” หรือสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้แทนนะครับ
2. เมื่อไหร่ที่ไม่แน่นอน … เมื่อนั้นตลาดหุ้นจะตกหนัก
ความผันผวนในตลาดหุ้นขึ้นอยู่กับความแน่นอนที่นักลงทุนสามารถประเมินได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มประเมินไม่ได้ … ก็จะเกิดเหตุการณ์อย่างที่เราเจอกันอยู่ ต้องยอมรับว่า ณ ตอนนี้ตลาดอยู่ในสถานะประเมินไม่ได้อย่างรุนแรง เราไม่รู้ว่า COVID-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกนั้น ชัดเจนแล้วว่ากระทบทุกธุรกิจ ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว และกำลังจะเกิดเป็น Domino Effect มันจะกระทบใน Level ไหนไม่มีใครตอบได้
3. COVID-19 ที่จีนเริ่มเอาอยู่แล้ว แต่ประเทศอื่น ๆ ดูยังน่าเป็นห่วง
จากที่ผมตามข่าวผู้ติดเชื้อในจีนเริ่มลดลง แต่ผู้ติดเชื้อทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่าคิดว่าโลกจะคุม COVID-19 ได้แบบจีน นึกภาพว่าจีนเป็นประเทศกึ่งคอมมิวนิสต์ที่สั่งประชาชนซ้ายหัน ขวาหันได้ แต่ประเทศอย่างอิตาลีหรือสหรัฐฯ ไม่ได้มีวัฒนธรรมแบบนั้น ดังนั้นการควบคุมการระบาดจะช้ากว่าในจีน … Effect ที่เกิดในเศรษฐกิจจะยืดเยื้อและหนักกว่ามาก
4. สงครามนำ้มันซาอุฯ คือปัจจัยที่ตลาดคาดไม่ถึง
ผมเชื่อว่าไม่มีใครคาดว่าซาอุฯ จะประกาศสงครามราคานำ้มันส่งผลให้ราคานำ้มันลดหนักทั่วโลก นำ้มันเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน จริงอยู่ที่ราคานำ้มันลงเป็นผลบวกกับผู้ซื้อ แต่เราต้องอย่าลืมว่าทุก ๆ วันมีการทำสัญญาซื้อขายทั่วโลกเป็นหลายล้านสัญญา การเหวี่ยงของราคานำ้มันในระดับนี้จะส่งผลให้นักลงทุน หรือกองทุนหลายกองต้องขาดทุนอย่างหนักทันที บริษัทที่เก็งกำไรไว้ผิดทางต้องรับขาดทุน … กรณีนี้ถ้าบริษัทมีสถานะทางการเงินเข้มแข็งก็น่าจะผ่านไปได้ แต่ประเด็นคือบริษัทส่วนใหญ่ก็มีหนี้ การลดลงอย่างกระทันหันของนำ้มันครั้งนี้อาจทำให้หลายบริษัทต้องปิดหรือผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโลกโดยรวม
5. วางแผนให้ดี … รักษาเงินต้นคือเป้าหมายสูงสุด ณ ขณะนี้
ในสภาวะแบบนี้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป การติดตามข่าวรายวันอาจไม่ช่วยพอร์ตการลงทุนของเราเท่ากับการวางแผนว่าจะรักษาเงินต้นที่ (ยัง) อยู่กับเรา ณ ตอนนี้อย่างไร หรือวางแผนว่าจะทำยังไงถ้าตลาดแย่ลง หรือกลับมาดีขึ้น อะไรคือปัจจัยที่เราให้นำ้หนัก เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ลดลง หรือจำนวนปริมาณการส่งออกของจีน รวมถึงการเผื่อใจไว้ด้วยว่าวิกฤตครั้งนี้อาจจะหนักกว่า 2008
6. ตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศตอนนี้ถูกลงมาก แต่ยังไม่ถึงระดับที่ถูกจน “ไม่มีวันเจ๊ง”
จริง ๆ มองอีกมุมผมมองมันเป็นโอกาสสำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้น หรือไม่มีการลงทุนเลยเช่นกัน เพราะที่ระดับราคานี้ถือว่าถูกกว่าเมื่อต้นปี 2018 ที่ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวลงพอสมควร แม้อาจจะยังไม่ถูกที่สุด แต่ก็ถือว่าดีกว่ามาก เพราะเอาจริง ๆ ก็ไม่มีใครรู้ว่าถูกที่สุดมันอยู่ตรงไหน อย่างไรก็ตามไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่ราคาถูก และการเติบโตของประเทศไทยก็ไม่ได้สูงเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นการเลือกหุ้นให้ถูกตัวยังคงเป็นสิ่งที่ต้องทำ ถ้าใครไม่มีหุ้นเลย ผมคิดว่าช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่อาจจะเริ่มทยอยเก็บเข้าพอร์ตบางส่วนได้แล้ว
7. หุ้นที่ดีในตอนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร
ผมอยากให้นำ้หนักหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากไวรัส (เพราะไม่กระทบเลยน่าจะยากมาก) หลีกเลียงหุ้นท่องเที่ยวและหุ้นที่เกี่ยวโดยตรงกับราคานำ้มัน ที่สำคัญถ้าหุ้นตัวนั้นมีปันผล 5-8% ขึ้นไป อยู่ในธุรกิจที่มีเสถียรภาพของรายได้สูง มีหนี้ตำ่ สภาพคล่องดี และธุรกิจมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว พวกหุ้นที่เป็นสัมปทาน หุ้นโรงไฟฟ้า หรือหุ้นโรงพยาบาล อสังหา หรือแม้แต่ธนาคารบางตัว อาจเป็นตัวเลือกที่ในการทยอยเข้าซื้อ (ตรงนี้ขอติดไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเสาร์-อาทิตย์นี้จะเขียนแบบละเอียด ๆ แล้วมาแชร์ให้ในเพจอีกครั้งครับ)
8. แย่ที่สุดในตอนนี้คือปิดหู ปิดตา และยอมแพ้
ส่วนใครที่ยังไม่กล้าซื้อตอนนี้ผมแนะนำให้ติดตามสถานะตลาด และศึกษาหาข้อมูลหุ้นที่หมายตาไว้ให้ดี เพราะตลาดลงหนัก ๆ แบบนี้ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มุมมองของนักลงทุนเปลี่ยน อาจทำให้ตลาดดีดกลับแรงได้ เช่น … ผลิตวัคซีน COVID-19 ได้แล้ว หรือซาอุกลับลำเรื่องการเพิ่มกำลังการผลิตนำ้มัน แย่ที่สุดคือปิดหู ปิดตา ยอมแพ้และไม่สนใจอีก เพราะนั่นจะหมายความว่าคุณโดนวิกฤต แต่กลับปิดโอกาสตัวเองในการมองหาโอกาสที่กำลังจะตามมาอย่างแน่นอน เพียงแต่ยังประเมินเรื่องระยะเวลาไม่ได้เท่านั้น แต่ผมบอกได้เลยเลยว่าเมื่อเวลาผ่านไป การระบาดของไวรัสจะต้องถึงจุด Peak เข้าซักวันแล้วหลังจากนั้นจะเป็นช่วงที่คนเริ่มคลายกังวล ความแน่นอนจะกลับมา ความผันผวนของหุ้นจะลด ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เราต้องไม่พลาด!
9. ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ … อยู่ให้รอดรอวันฝนหยุด
ตลาดหุ้นมีขาลงฉันใด ก็ต้องกลับมาขึ้นได้ฉันนั้น ปัญหาเมื่อเกิดขึ้นได้ ก็จะมีวิธีแก้ไข คนกังวลอย่างไร เมื่อเวลาผ่านไปก็จะคลายกังวล โอกาสที่ตลาดจะลงสู่จุดตำ่สุดได้ในปีนี้ ผมคิดว่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในมุมมองของผมเอง ถ้า COVID-19 สามารถแก้ไขและแพร่ระบาดในแนวโน้มที่ช้าลงได้ โอกาสที่ไตรมาส 2-3 จะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ลงถึงจุดตำ่สุดก็มีสูง และส่วนใหญ่แล้วตลาดหุ้นมักจะเทรดบนความคาดหวังก่อหน้าตลาดไปซัก 3-6 เดือน ทำให้ผมมองว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นได้ใน 3-4 เดือนนี้ (จีนใช้เวลา 2 เดือนจบ) เราอาจจะเห็นหุ้นเริ่มเป็นขาขึ้นแถว ๆ กลาง-ปลายปีก็มีความเป็นไปได้
10. โอกาสเป็นของคนที่พร้อม การศึกษาหาความรู้ยังสำคัญเสมอ
ถามผมว่าตอนนี้เป็นโอกาสการลงทุนไหม? ผมขอตอบว่าโอกาสลงทุนมันมีอยู่ตลาด เพียงแต่เรามีความรู้พอที่จะประเมินได้ไหมว่าโอกาสตรงหน้ามันคือโอกาสหรือวิกฤต ถ้าเราประเมินพลาดเรามีประสบการณ์มากพอที่จะแก้ไขมันกลับมาได้หรือไม่ ปีนี้ผมยอมรับว่าตลาดหุ้นน่าจะแย่มาก แต่จะเป็นยังไงหากเราเปลี่ยนไปมองเป็นปีหน้า หรืออีก 2 ปีข้างหน้าแทน ภาพมันจะเปลี่ยนไปเลยนะครับ อย่างลืมว่าหลักของการลงทุนคือการมองไปในอนาคตไม่ใช่การมองกลับไปที่อดีต ใครประเมินอนาคตได้ดีกว่า และกล้าที่จะเดิมพันบนหลักเหตุผลที่เหมาะสม คนนั้นคือคนที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยู่ในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วผมเชื่อว่าวิกฤตครั้งนี้จะผ่านไป ถ้าผมมีเวลาจะพยายามสรุปหุ้นมาให้อ่านกันเรื่อย ๆ ได้ข้อมูลไปตัดสินใจกันเองได้
ขอให้ทุกคนอย่าหมดหวัง และขอให้โชคดีกับการลงทุนครับ
Buffettcode
แล้วสถานการณ์แบบนี้ ดร.นิเวศน์ มีมุมมองอย่างไรกับ COVID-19 อ่านได้ที่บทความ สรุปวิธีคิดดร.นิเวศน์ ลงทุนในวิกฤต COVID-19 ได้เลยครับ
ที่มาบทความ: http://www.buffettcode.com/set-downturn-2020/