สหรัฐฯเปิดศึกใหม่กับจีน ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก แม้ข่าวตอนนี้จะมีเพียง รัฐบาลสหรัฐเตรียมแบนบริษัท SMIC ผู้ผลิต Semiconductor รายใหญ่ที่สุดของจีน ไม่ให้บริษัททั้งหมดของสหรัฐทำธุรกิจด้วย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สหรัฐฯที่นำโดยประธานาธิบดี ทรัมป์ เทพเจ้าแห่งการแบน กำลังขวาง ความเจริญรุ่งเรืองทางเทคโนโลยีของจีน และปกป้อง market share ของพวกพ้องตัวเอง ที่ถูก disrupt โดยสินค้าราคาถูกจากจีน
โดยเริ่มต้นจากแบนสินค้าปลายน้ำก่อน คืออุปกรณ์ทางเทคโนโลยีสัญชาติจีนต่างๆเช่น Huawei ZTE และมาในตอนนี้ ได้เข้าไปแบนชิ้นส่วน ต้นน้ำ ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ที่อยู่ในแผน Made in China 2025 เพราะเกือบทุกอย่าง จำเป็นจะต้องใช้ ชิป แต่จีนกลับผลิตใช้เองได้แค่ 15%
และที่สำคัญ จีนเอง ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมาก ทางด้าน AI ซึ่งต้องใช้ชิปคุณภาพสูง แต่กลับผลิตเองชิป คุณภาพสูงเองไม่ได้ โดยตัวเทคโนโลยีนั้นยังคงตามอยู่ถึง 4 ปี และติดขีดจำกัดในการพัฒนา ทำให้สหรัฐเล็งหยุดยั้งการพัฒนาเทคโนโลยีจีน ที่จุดอ่อนนี้
แล้วรูปเกมส์จะเป็นอย่างไร?
เมื่อย้อนกลับไปช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐเริ่มเปิดหน้าชนกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนโดยตรง สั่งแบนไม่ให้ Huawei ทำธุรกิจร่วมกับบริษัทสัญชาติสหรัฐ (แบบเดียวกับที่ SMIC จะโดน)
แต่ Huawei มาเหนือกว่านั้น โดยไปสั่งสินค้าจากบริษัทของประเทศอื่นแทน และพยายามสร้างสินค้าทดแทนด้วยตัวเอง กลายเป็นว่าหลังจากนั้นไม่นาน Huawei ประกาศสามารถผลิตสินค้าได้เกือบทั้งหมด โดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทสหรัฐอีกต่อไป !!!
แล้วนั่นก็ตามมาโดยคำสั่งชุดที่สองของรัฐบาลสหรัฐ สั่งแบนห้ามบริษัททุกสัญชาติที่ทำธุรกิจกับบริษัทสหรัฐยุ่งเกี่ยวกับ Huawei !!! (และมีโอกาสสูงที่ SMIC จะโดนเช่นกัน)
คำสั่งชุดนี้ปิดความสามารถในการทำธุรกิจของ Huawei ทันทีเนื่องจากบริษัทสหรัฐมีความสำคัญและอยู่ในทุกๆ จุดของ Supply Chain โลก (เป็นไปได้น้อยมากที่บริษัทระดับโลกจะไม่เกี่ยวข้องกับสหรัฐ) โดยเฉพาะอุตสาหกรรม Semiconductor หรือชิป
ซึ่ง 2 กลุ่มหลักที่บริษัทสหรัฐครองตลาดอยู่และหาสินค้าทดแทนยากคือ Software สำหรับออกแบบ และเครื่องจักรผลิตชิป
Software ออกแบบชิปมีผู้เล่นหลักคือ Synopsys และ Cadence Design Systems ทั้งคู่ล้วนเป็นบริษัทสหรัฐ ขณะที่อีก 1 เจ้าใหญ่คือ Mentor Graphics แม้ถูกบริษัทเยอรมนีซื้อกิจการไปแล้ว แต่ยังคงตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศสหรัฐ ทั้ง 3 บริษัทครองตลาดเกือบทั้งหมด และมีเทคโนโลยีการออกแบบชิปไปถึงขนาด 3nm แล้ว
ทางด้านเครื่องจักรผลิตชิปแยกได้เป็นหลายชนิด ซึ่งกลุ่มของเครื่องเคลือบและล้างในกระบวนการผลิตชิปมีบริษัทอย่าง Lam Research และ Applied Materials ที่เป็นของสหรัฐครองตลาดอยู่ และเช่นเดียวกัน เครื่องจักรหมวดนี้ที่ใช้ในการผลิตชิปขนาด 5nm (รุ่นล่าสุด) จำเป็นต้องสั่งจากบริษัททั้งคู่
แสดงให้เห็นว่าการจะผลิตชิปรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสูงจำเป็นต้องพึ่งพาบริษัทสหรัฐ ขณะที่บริษัทจีนอื่นที่ทำธุรกิจแบบเดียวกันล้วนมีเทคโนโลยีที่ล้าหลัง ไม่สามารถทดแทนได้
ทำไมทรัมป์จึงแบน SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของจีน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ?
คำสั่งแบนคือสิ่งที่ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะรัฐบาลสหรัฐส่งสัญญานชัดเจนต้องการแบนอุตสาหกรรมชิปของจีนให้พ้นทาง ไล่ตั้งแต่การแบน Huawei จนถึง Hikvision และ Dahua Technology (2 บริษัทยักษ์ใหญ่จีนในอุตสาหกรรมกล้องวงจรปิด) นั่นหมายถึงรัฐบาลจีนจะต้องเร่งผลิตชิปด้วยตัวเองให้ได้เร็วที่สุด และช่วงที่กำลังโดนแบนนี้ต้องไปบีบบริษัทของประเทศอื่นที่ไม่ใช่สหรัฐให้ยอมขายมา (แต่สหรัฐก็จะตามมาบีบไม่ให้ขายเช่นกัน)
ทั้งนี้มีแนวโน้มสูงที่การผลิตชิปจีนจะเกิดติดปัญหาไม่สามารถผลิตชิปคุณภาพสูงได้ ชะลอความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นที่ใช้ชิปเป็นพื้นฐาน เช่น ระบบ 5G หรือรถยนต์ไร้คนขับ และนโยบายการแบนบริษัทจีนไม่รู้จบของรัฐบาลสหรัฐ (บังคับชาติพันธมิตรด้วย) อาจตามมาด้วยความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งอาจเลยไปถึงกำลังการทหารก็เป็นได้ !!
ลำดับต่อไปสหรัฐก็จะยกระดับห้าม พันธมิตร ทำธุรกิจกับ SMIC ต่อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาการผลิตชิปไปสู่อีกระดับ ส่งผลดีต่อหุ้นฝั่งสหรัฐ ในขณะที่เป็นผลร้ายต่อหุ้นจีนไปสักระยะ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมายของนักลงทุน ส่วนจีนเองก็วางแผนรับมือเรื่องนี้อย่างดี เพื่อผลิตและขายในจีนอยู่แล้ว ได้กว้านซื้อตัวนักวิจัย ไปค้นคว้าผลิตเครื่องมือสัญชาติจีนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมรอข่าวดีจากฝั่งจีนต่อ
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า อุตสาหกรรมนี้สำคัญขนาดไหน มันคือหุ้นแห่งอนาคต ที่เป็นหุ้นล่องหน ที่ทุกคนต้องใช้ มี demand รองรับมหาศาล ไม่ต้องกังวล oversupply มีแต่ผลิตไม่ทันในตอนนี้
สุดท้ายนี้ขออนุญาตประชาสัมพันธ์เล็กน้อยสำหรับใครที่อยากรู้เรื่อง AI & Semiconductor มากกว่านี้ ใครคุมเทคโนโลยีไหนอยู่ สมัครเลย คอร์สสอนลงทุนหุ้นต่างประเทศ BottomLiner Expert Bootcamp: AI & Semiconductor -> https://bit.ly/3jYJQ7E
BottomLiners