การผลิตชิปหรือ Semiconductor ขึ้นมา 1 ชิ้น มีกลุ่มบริษัทเกี่ยวข้องมากมาย แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มผู้ผลิต และกลุ่มออกแบบ โดยผู้ผลิตใหญ่ในปัจจุบันคือ TSMC ที่จะรับคำสั่งผลิตจากบริษัทผู้ออกแบบชิปทั่วโลก ไล่ตั้งแต่ Nvidia, Apple หรือ AMD แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ออกแบบชิปเหล่านี้ก็ต้องสั่งซื้อ Software การออกแบบเช่นกัน ซึ่งมันมีชื่อเรียกว่า Electronic Design Automation (EDA)
Software สำหรับการออกแบบชิปหรือ EDA ถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นสิ่งจำเป็นของการสร้างชิปรุ่นใหม่ขึ้นมา (ลองเทียบกับการออกแบบตึกสูง ถ้าไม่มี Software มาช่วยแล้วเราต้องออกแบบด้วยมือทั้งหมดผลลัพธ์มันจะเละแค่ไหน)
โดยกลุ่มบริษัทที่สร้าง EDA หลัก ๆ มี 3 บริษัทคือ Synopsys, Cadence Design Systems และ Mentor Graphics ซึ่งทั้งสามครองส่วนแบ่งการตลาดรวมกันมากกว่า 80%
Software ของแต่ละบริษัทมีความโดดเด่นต่างกันแล้วแต่รูปแบบการใช้งาน ทั้งนี้ Synopsys ถือเป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในอุตสาหกรรม EDA โดยปี 2019 สร้างรายได้รวม 1 แสนล้านบาท มาจากการขาย Software และเครื่องมือสำหรับออกแบบชิป 65% ของรายได้
ขณะที่อีก 30% ของรายได้ มาจากการขายลิขสิทธิ์หรือ Intellectual Property ที่จำเป็นสำหรับการออกแบบและผลิตชิป โดยที่ส่วนธุรกิจนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Amazon, Alphabet หรือ Alibaba หันมาออกแบบชิปใช้งานเองแล้ว
เมื่อไร้คู่แข่ง สหรัฐเลยใช้มันเป็นไพ่เหนือจีน !
ถ้าเราพิจารณา 3 ผู้เล่นหลักในตลาดการออกแบบชิปจะพบว่าทั้ง Synopsys, Cadence Design Systems และ Mentor Graphics เป็นบริษัทของสหรัฐ (แม้ Mentor Graphics จะถูกบริษัทเยอรมนีซื้อกิจการไป แต่ยังตั้งสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสหรัฐ) แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือบีบคู่แข่งท้าชิงตำแหน่งผู้นำเทคโนโลยีโลกอย่างประเทศจีนได้เต็ม ๆ
เมื่อลองวิเคราะห์อุตสาหกรรม Semiconductor จะพบว่า เครื่องจักรในการผลิตชิปนั้นนอกเหนือจากของสหรัฐยังมีตัวทดแทนเป็นบริษัทในยุโรป และญี่ปุ่น (บริษัท ASML, Tokyo Electron) ทางด้านโรงงานผลิตชิปก็มีไต้หวัน และเกาหลีใต้เป็นตัวเลือก (บริษัท TSMC, Samsung) แต่ Software การออกแบบชิปนั้นถูกผูกขาดโดยประเทศสหรัฐ
ส่งผลให้เมื่อวันที่รัฐบาลสหรัฐสั่งแบน Huawei ไม่ให้ทำธุรกิจร่วมกับบริษัทสัญชาติตัวเอง แต่ Huawei ยังสร้างชิปสำเร็จ รัฐบาลสหรัฐจึงรู้ทันทีว่า Huawei ยังคงใช้งาน Software ออกแบบจากบริษัทของสหรัฐอยู่ จึงโดนบีบหนักขึ้นไปอีกขั้น จนล่าสุดไม่ให้บริษัททุกชาติทำธุรกิจกับ Huawei ด้วย
แม้เราจะเห็นการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม Semiconductor ในประเทศจีน เพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ แต่กลุ่มที่จีนจะพัฒนาทันสหรัฐเป็นอันดับท้าย ๆ คือกลุ่ม Software การออกแบบชิปหรือ EDA เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันต่างกันเกิน 10 ปี
โดยปกติแล้วเทคโนโลยี EDA จะต้องนำหน้าการผลิตจริงถึง 2 ปีด้วย
สหรัฐจะใช้กลุ่มธุรกิจนี้คอยต่อรองและบีบรัฐบาลจีนต่อเนื่อง
คำถามที่น่าสนใจคือ แล้วที่ระดับโรงงาน ใช้ software ไหนในการผลิต? ต้องมีการส่งข้อมูลกันเบื้องต้นหรือไม่? หากแบนจะเกิดอะไรขึ้น Huawei ที่ผ่านมาทำไมยอมจำนน
ปมเหล่านี้จะทยอยคลี่คลายให้ฟังครับ
BottomLiner
ที่มาบทความ: https://bottomliner.co/stock/synopsys/