หากใครที่กำลังตื่นเต้นกับกระแส Autonomous Car และ EV แต่ไม่อยากไปลงทุนในบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ตรง ๆ เพราะไม่รู้ใครจะชนะ
ON Semiconductor เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายกองทุนให้ความสนใจในขณะนี้
หากใครเคยเห็นหุ้นตัวนี้ผ่าน ๆ จะร้องยี้ เพราะนอกจากราคาหุ้นจะเศร้าแล้ว งบการเงินก็เศร้าด้วย จนมาช่วงหลังที่หุ้นขึ้นและตกเป็นเป้าหมาย M&A และตลาดคาดว่าจะ turnaround ได้
จากข้อมูลตาม Earning Transcript จะพบผู้บริหารโม้ไว้ว่า เดิมรถยนต์ 1 คัน ใช้ Semiconductor จาก ON เพียง $10 ในอนาคตที่ fully autonomous car (Level 5) มาถึง อาจจะต้องซื้อจาก ON ถึง $1000 ซึ่งนั่นหมายถึงเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า
ฟังดูเวอร์วัง แบบนี้เชื่อดีไหม? ผมก็ไม่เชื่อครับ และคุณก็ไม่ต้องรีบเชื่อ เรามาดูกันตามจริงดีกว่า
อ้างอิงจากข้อมูลของ Infineon ผู้ผลิต Semiconductor เจ้าดังของเยอรมัน คาดว่าภายในปี 2025 อย่างน้อย 70% ของรถยนต์ทั้งโลกจะอยู่ level 1 และ 2 กันเองครับ คือเพิ่งเริ่มใช้ ADAS กัน เช่นเบรกให้อัตโนมัติ และ Lane keeping
โดยท่านผู้บริหารก็โม้ไว้เช่นเคยว่า ที่ Autonomous Car lv 2 รายได้ของ ON จะเพิ่มจาก $10 → $150 กันเลยทีเดียว
แน่นอนว่า สถานการณ์ตอนนี้ พี่จีนมาแรงแซงโค้ง ทำให้เรื่องนี้อาจจะไปได้เร็วขึ้น
โดยในแง่ของ ADAS ระบบช่วยเหลือคนขับ ON Semiconductor จะขึ้นชื่อในเรื่องของ CMOS sensor พวก lane keeping อะไรเทือก ๆ นี้ และยังซุ่มพัฒนา Lidar อยู่ด้วย เรื่องนี้นอกจากจะใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 34% ใน 4Q20 แล้ว ยังไปใช้กับเรื่อง Industrial ได้ด้วยจากกระแส smart factory ที่กำลังเริ่ม ๆ กันในตอนนี้
คำถามที่น่าสนใจคือ แต่ที่ผ่านมา ADAS เพิ่งเริ่มจะบูม เค้าขายแค่นั้นเหรอ?
หากเราคิดสัดส่วนรายได้ตามกลุ่มธุรกิจ จะพบว่า 50% ของรายได้มาจาก Power Solution Group ซึ่งรวมถึงใน end market ที่เป็นยานยนต์ด้วย ซึ่ง market share ก็จัดว่าเป็นน้อง ๆ ของ Infineon ที่เป็นเบอร์ 1 ด้าน Power Semiconductor (ราว ๆ 25% ส่วน On อยู่ที่ 5% แต่ก็ติด top 5)
ซึ่ง Power Semiconductor นั้น จะเป็นสิ่งที่ช่วยชุบชีวิต ON เลยก็ว่าได้ เพราะมันก็คือกลุ่ม EV และ EV Charger นั่นเอง !!! ชิ้นส่วนในรถยนต์จะต้องเปลี่ยนเยอะมากเมื่อเป็น EV น่ะ
ในแง่เทคโนโลยีของ Power Semiconductor ทางบริษัทเคลมว่า rating เค้าได้ที่ 2 ของโลกนะ โดยมีค่า Rdson ต่ำ
เราจะได้เห็นสินค้าของ ON ซึ่งเน้นที่ระดับ 650 V Sic MOSFET ก่อน ส่งเข้าสู่ตลาดในปี 2021 และในปีถัด ๆ ไปเราจะเริ่มเห็น 900 V และ 1200 V ครับ
โดยใครที่สนใจเรื่องพวกนี้เชิญอ่านเรื่องเทคโนโลยี MOSFET เพิ่มเติมได้ครับ ซึ่งก็จะมี 2 สาย คือสาย SiC และ สาย GAN (เราอาจเคยเห็นพวกสายเสียบชาร์จเร็วกันแล้ว บ้างก็ใช้ GAN กันละครับ คาดว่า adoption วงกว้างคงมาในอีกสัก 5 ปีข้างหน้า)
หุ้นไม่จำเป็นต้องสุดยอดทางนวัตกรรม แต่ถ้า low hope และยังมีพื้นฐานหยิบจับ พลิกตัวขึ้นเกาะกระแสได้ทัน บน megatrend ใหญ่ ๆ ก็น่าสนใจเสมอครับ
BottomLiner
ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/bottomlinerglobal/posts/4338379232843844