ถามกันเข้ามามากเลยสำหรับ Matterport ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับหลายคนที่ได้กำไรแล้วหลังไมค์เข้ามาเรื่อง Matterport และขอบคุณมากที่ชอบหุ้นที่เราวิเคราะห์ เราได้ติดตามหุ้นตัวนี้ตั้งแต่ยังไม่ IPO และอยู่บน SPAC GHVI เลยทีเดียว
วันนี้เลยหยิบมาเล่าให้ฟัง และอัปเดตให้ฟังกันว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
Matterport: (NASDAQ: MTTR) บริษัท SaaS อสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา ใช้กล้องเปลี่ยนข้อมูลพื้นที่ของอสังหาริมทรัพย์ให้เป็น 3D Model เพื่อให้ง่ายต่อ planning, construction, marketing
กลไกทำงานหลักของ Matterport คือใช้กล้องทำงานร่วมกับ Lidar ถ่ายไปรอบ ๆ และให้ software ประมวลผลว่าหน้าตา ระยะ เป็นอย่างไร
สิ่งที่ได้ออกมานอกจากจะเป็นไฟล์ 3D Visual คุณภาพสูงที่มีไม่เปลืองความจุมากนัก สะดวกในการนำส่งขึ้น website หรือ platform ต่าง ๆ เช่น Youtube, Google Street View แล้วยังสามารถ คำนวณแบบแปลนพื้นที่ แปลงเป็น ไฟล์ BIM ที่ใช้ในวงการวิศวกรรม และ ออกแบบต่าง ๆ นำ Data ที่ได้ทำ SDK และ API ต่อยอดในด้าน AI และพัฒนาโปรแกรม รวมถึงรองรับ AR และ VR Platform อีกด้วย
อ่านแล้วอาจจะงง สรุปให้เข้าใจง่ายคือ Matterport จะสามารถไปใช้ใน Real sector ได้เยอะมาก เช่น งานออกแบบและก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ ตรวจสอบความเสียหายในธุรกิจประกัน
โดยก่อนหน้านี้บริการของ Matterport มีมาสักพักใหญ่ ๆ แล้วแต่ ไม่เกิดเพราะมีความยุ่งยาก ต้องซื้อ อุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อใช้งาน แต่ทันทีที่บริษัทเปิดตัวแอปบนระบบ iOS ผู้ใช้งานก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะแค่ iPhone ก็สามารถใช้งานได้
อนาคตสามารถต่อยอดไปได้อีกมาก ทั้งโปรแกรมออกแบบ หรือสามารถต่อยอดไป ERP, CRM ได้อีกด้วย เพราะมีข้อมูลลึกระดับตึกออฟฟิศ 1 ที่ใช้วัสดุแบบไหน จำนวนเท่าไร (ร้านค้าจะรู้แค่จำนวนที่ซื้อ แต่จะไม่รู้ว่าเอาไปใช้งานจริงเท่าไร)
รวมถึงเป็นหนึ่งในหุ้นตัวยอดฮิตธีม metaverse จากการเป็นเครื่องมือที่ทำให้สามารถสร้างวัตถุและ space ในโลกเสมือนได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงน้อยนิดและจากมือถือในมือทุกคน
หนึ่งเหตุผลที่ Matterport สามารถไปต่อได้ ไม่ว่ากระแส Metaverse จะเป็นอย่างไร เพราะ Matterport เป็นหุ้น Metaverse ที่ใช้งานกับโลกในความเป็นจริงมากกว่าโลกเสมือน
ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาเราจะเริ่มเห็น Use Case ใหม่ ๆ เช่น
ร่วมมือกับ Facebook AI Research นำ 3D Big Data จาก 1,000 Space ไปฝึก AI (นับเป็นชุดข้อมูล 3D ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยถูกนำมาใช้)
บริษัทประกันอสังหานำ Data ที่ได้ ไปให้ AI ประมวลผลและทำให้การอนุมัติตั้งแต่พิจารณาประกัน ไปจนถึงการเคลมประกันไวขึ้น 4 เท่า และสามารถรับลูกค้าได้เพิ่ม 5 เท่า
บริษัทที่ดูแลเรื่องโครงสร้างอาคาร สามารถลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทางของทีมงานไปได้กว่า 50%
นอกจากนี้ยังเห็นว่าใน Use Case ที่ใช้อยู่ทั่วไปอย่างการนำ 3D Model ใช้เพื่อแสดงผล ให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของพื้นที่ ส่งผลให้ลูกค้าเลือกพื้นที่ที่มีบริการ 3D Visual ของ matterport มากกว่าไม่มีถึง 30%
Matterport ทำให้เรื่องที่เป็นแค่จินตนาการในเกมจากยุค 2000 กลายเป็นจริงได้ และยังอยู่ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางบริษัทคาด TAM จะใหญ่ถึง 240,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.4 ล้านล้านบาท ซึ่ง TAM ดังกล่าวคิดจากการเปลี่ยนพื้นที่กว่า 1 หมื่นล้านแห่งในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้อยู่บนโลก digital เท่านั้น
ซึ่งหากนับรวมบริการเพิ่มเติมที่บริษัทสามารถสร้างเพิ่มขึ้นบนแอปจะทำให้ TAM เพิ่มเป็น 1.2 ล้านล้านเหรียญ หรือราว ๆ 40 ล้านล้านบาท
ในส่วนของคู่แข่ง คู่แข่งที่นำ Lidar มาใช้ร่วมกับ กล้องนั้น พอเห็นอยู่บ้าง และทำได้คล้าย ๆ กันแม้จะมีคุณภาพที่แย่กว่า
แต่ในส่วนของการนำข้อมูลไปใช้ต่อยอด ต้องยอมรับว่ายังไม่เห็นบริษัทไหน focus ในส่วนนี้
ในไตรมาสที่ผ่านมา Matterport
- มีผู้ใช้งานใน 170 ประเทศ (จาก 150 ประเทศตอนกลางปี)
- User 440,000 เติบโต 116% YoY
- Subscription Revenue $15.7m เติบโต 36% YoY
- มี Big data ใน category นี้มากที่สุดในโลก ตั้งแต่บ้าน, ออฟฟิศ, พิพิธภัณฑ์, โรงเรียน, ห้าง หรือโรงพยาบาลก็ตาม 6.2 ล้าน Space รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1.8 ล้านตารางฟุต (ใหญ่กว่ากรุงเทพทั้งจังหวัด)
- ยังขาดทุนอยู่ก็จริงแต่ปี 2024 คาดว่าจะมี EBITDA เป็นบวก
สิ่งที่น่าติดตาม ในไตรมาสที่ผ่านมา Matterport มีการเปิดตัวแอปบน Android platform ซึ่งเป็นระบบที่มีผู้ใช้งานถึง 75% ของโลก (iOS 25%) ทำให้มีโอกาสเข้าถึงผู้ใช้งานใหม่ ๆ ได้อีกมหาศาล ซึ่งน่าจะเริ่มเห็นในไตรมาส 4 ที่กำลังจะถึง
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องติดตามคือ Demand ในการใช้ Lidar บนโทรศัพท์จะมากพอ (น่าจะเพิ่มจากการใช้งาน AR) จนทำให้ผู้ผลิตมือถือค่ายต่าง ๆ ใส่ Lidar บนโทรศัพท์หรือไม่ เพราะ Matterport จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อมี Lidar ในการสแกนพื้นที่ร่วมกับกล้อง
BottomLiner