Bitcoin กำลังแทรกทรึมเข้าไปในตลาดหุ้น และจะนำพาสู่มหาวิกฤตในไม่ช้า

Bฺitcoin กำลังแทรกซึมเข้าไปในตลาดหุ้น และจะนำพาสู่มหาวิกฤตในไม่ช้า

โลกนี้มี วิกฤต แบบสุดโต่ง ที่ดังๆอยู่ 4 อย่างคือ
1. ทิวลิป (1619 – 1622) : ทิวลิปดอกละล้าน
2. Missipsippi (1716 – 1719) : มหาวิกฤตของฝรั่งเศส เป็นต้นแบบกรณีศึกษาตลาดหุ้นที่ดี
3. South Sea Bubble (1719 – 1722) : มหาวิกฤตของอังกฤษ อันนี้ดีมาก เป็นความลับของโลกก็ว่าได้
4. Bitcoin !!

ถ้าท่านคิดว่านี่มันบ้าไปแล้ว ให้ลองดู 4 ปีที่แล้วตอนที่เป็นกระแสครั้งแรกๆ สมมติว่าวิ่งต่อแบบเดียวกัน 1 Bitcoin จากตอนนี้ 6 แสนบาทไทย จะไปจบที่แถวๆ 2-3 ล้านบาท

No automatic alt text available.

ประเด็นคือ .. อะไรที่เป็นสัญญาณ !!?

– เริ่มมีหุ้นใน ตลาดต่างประเทศ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain หรือลงทุนใน Cryptocurrency แล้วพุ่งกระฉูด 10-20 เท่าในสัปดาห์เดียว ลองคิดว่ามันขึ้นอีก 5 เท่า สิครับ เป็น 100 เท่า

– มีหุ้น IPO และเตรียมตัว backdoor เกี่ยวกับ crypto / blockchain เริ่ม filing

– มีกองทุน bitcoin ผุดเป็นดอกเห็ด ทำให้เม่าๆเข้าถึง พวกนี้ดึงเงินเม่าออกจากตลาดหุ้น ไปสู่ตลาดดิจิทัล (crypto)

– ปีนี้ที่อเมริกา วันขอบคุณพระเจ้า ทุกคนพูดถึง bitcoin … เพียงแค่วันเดียว ทำให้มีเม่าเปิดบัญชีเสร็จเกิดใหม่หลักล้านคน ใน 1 สัปดาห์

– ลองกด google trend พิมพ์ว่า bitcoin จะพบว่า มันเหมือนกับราคาเลย แปลว่า bitcoin ขึ้นเพราะเงินใหม่ เข้าไปมากจริงๆ ดูดเม่าไปติดเยอะๆ

– ในตลาด future เองก็จะเริ่มซื้อขาย bitcoin future ได้ในต่างประเทศ ในไม่ช้า เช่น อเมริกา และ ญี่ปุ่น

– กฎหมายให้ bitcoin ถูกกฎหมายในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว

– มีคนขายบ้าน ขายรถ ขายทุกอย่าง แล้วไปอยู่ในป่า เพื่อเอาเงินทั้งหมดไปซื้อ bitcoin

– ข่าวร้าย โดนกลบหมด เช่น เหมืองขุด bitcoin ถูกแฮค

– เงินในการลาก bitcoin มีก้อนเดียว (ผู้เล่นกลุ่มเดียว) สังเกตได้จากเวลาดูดเงินทั้งหมดจากเหรียญอื่นๆ กลับไปลาก bitcoin เพียงตัวเดียว ไม่สามารถลากทั้งหมดได้ (พอเงินไม่พอก็มาปั่นตัวเล็ก ให้คนติด แล้วขายทิ้งได้เงินกลับไปลากตัวใหญ่)

แต่ ….

ท่านอาจไม่รู้ว่า bitcoin มันใช้งานจริงไม่ได้แล้วในตอนนี้ เหตุผลที่มันขึ้น เพราะมันเป็นเพียงสิ่งแรกที่คนจะนึกถึง ขึ้นด้วยแรงเก็งกำไรล้วนๆ แล้วคนที่เข้าสู่ตลาดนี้ ในเวลานี้ก็ไม่ได้เข้าใจเทคโนโลยี เท่าสมัยแรกๆ

เมื่อ bitcoin เข้าสู่สาธารณะชน จะเริ่มถูกกฎเกณฑ์เข้ามากำกับมากขึ้น จนสูญเสีย เอกลักษณ์ของมันไป ก็คือ ความเถื่อน ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ควบคุม … และนั่นอาจเป็นจุดจบแรกในเชิงการใช้งาน (เสน่ห์ของมันคือมันเปลี่ยนเทคโนโลยีข้างหลังได้ มันก็จะดิ้นๆ ไปสักพัก)

ถัดไปคือ ถูกแฮค หมดสิ้น จาก quantum computing หรือมีเทคโนโลยีอื่น หรือรู้กันว่ามันใช้ไม่ได้จริง

แต่ในมุมของราคา จะจบก่อนครับ แล้วยื้อไปยื้อมา ให้คิด story ที่เป็นไปได้

สุดยอด story คือการแปลงเศษหินให้เป็นที่ยอมรับของสาธารณะชน (เช่นเครื่องรางที่ใช้ความเชื่อ จนร้านค้าพวกนี้ต้องขายทั้งโลก) และทำให้คนหมู่มากคาดหวัง (มันจะมาแทนการใช้เงินสด มันคือทุกอย่าง …

ซึ่งตอนนี้มันก็เข้าสู่ช่วงท้าย ทันทีที่เข้าสู่สาธารณะชน สถาบันเข้ามา มีกองทุน ETF ให้เม่าซื้อได้ง่ายๆ (อะไรที่มันได้กำไรเยอะๆ คนก็จะไปโม้ๆคุยกันเอง ในไทยท่านไม่สังเกตเพราะบ้านเรา fintech ยังไม่ปัง)

เข้าขั้นบ้า อาจถูกจัดไปรวมในหมวดการลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) ของพวกที่ทำ Asset Allocation

บริษัท Blockchain อาจขึ้นไปติด Top list ของ Nasdaq
.. หรือมีบริษัทใน nasdaq ตัวใหญ่ๆหันไปโม้ว่าทำ blockchain crypto แล้วราคาขึ้น

สุดท้ายฟองสบู่ก็แตก จากความโลภของมนุษย์

ใครเล่นก็ออกกันให้ทันครับ
ใครไม่เล่นก็ เราเลือกลงทุนในสิ่งที่รู้ ดีที่สุด

#bitcoin #blockchain

BottomLiner – บทสรุปการลงทุน
—-
อย่าลืมกดติดดาว หรือ see first เพื่อเห็นก่อน (โพสไม่บ่อย เดี๋ยวจะพลาด)
ติดตามผ่านทาง Line: @bottomliner คลิก https://line.me/R/ti/p/%40bottomliner