AMD เป็นคู่แข่งในฝั่งของ CPU กับ Intel มานานหลายสิบปีปี จนใน ค.ศ. 2011 มี CPU ที่ใช้ชื่อว่า Bulldozer ถูกสร้างขึ้นมาแข่งกับ Intel แต่ทว่าประสิทธิภาพกลับย่ำแย่ กระทบยอดขายหนัก
จนกระทั่งปี 2014 มูลค่าตลาดของ AMD เหลืออยู่เพียง 2 พันล้านดอลลาร์ เพราะราคาหุ้นร่วงกว่า -40% ในปีเดียว ซึ่งนักลงทุนต่างคิดกันว่า AMD จะกลับเข้ามาแข่งขันได้ยากและเป็นจุดจบของบริษัทไปแล้ว
หลังจากที่เสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับ Intel มานานหลายปีทาง AMD ได้เปลี่ยน CEO คือ Lisa Su หรือป้า Lisa ที่คนไทยคุ้นหูซึ่งไม่ได้อยู่ BLACKPINK เข้ามานั่งตำแหน่งสูงสุดของการบริหาร โดย Lisa ได้เข้ามาจัดการปัญหาหลัก ๆ ของบริษัทคือ เรื่องการปรับโครงสร้างของค่าใช้จ่าย และการหา Growth รวมทั้งได้วาง Roadmap ของตัว Product ของบริษัทไว้อย่างชัดเจนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุนได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้น 3 ปี Cashflow ของบริษัทก็กลับมาบวกได้เป็นครั้งแรก
CPU
หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทีมงานออกแบบใหม่ บริษัทได้มีการปรับปรุง CPU และเปลี่ยนแปลงหลายส่วน เพื่อปรับปรุงความเร็ว ทางบริษัทจึงได้ตัดสินใจทิ้งสถาปัตยกรรมอย่าง Bulldozer พร้อมกับได้ทุ่มทรัพยากรเพื่อสร้างสถาปัตกรรมตัวใหม่ที่มีชื่อว่า Zen ทางบริษัทได้เปิดตัว Zen Architechture ในปี 2017 เป็นสถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดของในรอบ 5 ของ AMD ในตอนนั้น
CPU Ryzen รุ่นแรกคือ Ryzen 3, 5, 7 1300x, 1600x และ 1800x ใน Series 3, 5 และ 7 จะมีรุ่นย่อย ๆ อีกหลายตัวแต่ที่นำมาเป็นรุ่น Top ของแต่ละ Series ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนั้นตัวชิปมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับของ Intel มาก
หลังจากที่เสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับ Intel มานานจนกระทั่งมี Ryzen ออกมาจึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ AMD เร่งตัวขึ้นทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดของ AMD ตีตื้น Intel มาแล้ว อยู่ในระดับ 40% รวมถึง Intel ยังออกมายอมรับว่า CPU ของตัวเองล้าหลังกว่าของ AMD พอสมควรดังนั้น Ryzen ถือว่าเป็น CPU ที่มาคืนชีพให้กับ AMD ก็ว่าได้
ปัจจุบัน AMD มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1.4 แสนล้านดอลลาร์ โตมากกว่า 70 เท่า !! โดยใช้เวลาแค่เพียง 7 ปี
GPU
ในฟากของ GPU ก็มี Radeon ที่เป็นคู่แข่งกับ GeForce ของ Nvidia ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ฝั่งนี้ AMD จะแน้นไปที่ราคาที่เป็นมิตรกว่า เน้นไปที่สเปคและราคาที่คุ้มค่า ในขณะที่ Nvidia จะขึ้นชื่อเรื่องของราคาที่สูงแต่ประสิทธิภาพดีกว่าใน Segment Premium
เทคโนโลยี
ในส่วนของเทคโนโลยีก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด ก่อนหน้านี้ Nividia มีฟีเจอร์ DLSS ซึ่งเป็นที่ยอมรับมาก ๆ ทั้งในเรื่องของภาพกราฟิกที่คมชัดและ GPU ไม่ต้องทำงานหนัก แต่ AMD ก็ไม่น้อยหน้าออกฟีเจอร์ FSR (FidelityFX Super Resolution) มาแข่งกับ Nvidia เช่นกัน
รายได้ของ AMD
- ปี 2018 : 6,475 ล้านดอลลาร์
- ปี 2019 : 6,731 ล้านดอลลาร์
- ปี 2020 : 9,763 ล้านดอลลาร์
ประกาศงบไตรมาส 3 สุดปัง
บริษัทประกาศรายได้รวมไตรมาส 3 อยู่ที่ 4,313 ล้านดอลลาร์โต +54% YoY และ EPS อยู่ที่ 0.73 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ($0.66)
ชิป CPU, GPU โต +44% YoY เนื่องจากชิพ Ryzen, Radeon ยอดขายพุ่ง สังเกตได้จาก Lenovo ก็เริ่มหันมาใช้ชิพ AMD มากกว่า
ฝั่งของ Data Center ยังแรงไม่ตกยอดขายโต +69% YoY และ AMD กำลังไล่ตีตลาดที่เป็นของ Intel เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดของ AMD ยังอยู่ที่ 10% เท่านั้น
เรียกได้ว่าเป็นปีทองของ AMD ก็ว่าได้ทั้งนี้ยังปรับเป้าการเติบโตของบริษัทจาก 50% เป็น 65% ในปีนี้และทำให้มูลค่าตลาดไล่ Intel มาใกล้มาก ๆ แล้ว
BottomLiner