หากติดตามข่าวสารวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงนี้ ก็จะน่าจะเห็นข่าวเกี่ยวกับมูลค่าของ Ethereum (ETH) สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ไปเมื่อไม่นานมานี้
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Ethereum พร้อมวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ราคาปรับสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
Ethereum คืออะไร?
Ethereum คือสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวม (Market cap) ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2021 สูงถึง 14 ล้านล้านบาท เป็นรองเพียง Bitcoin ที่มีมูลค่าตลาดรวม 34 ล้านล้านบาท อ้างอิงจากเว็บไซต์ Coinmarketcap
ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin และ Ethereum คือ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเหมือนสกุลเงินทั่วไป โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบันทึกและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม ถึงแม้ปัจจุบัน Bitcoin จะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์สำหรับเก็บรักษามูลค่า (Store of value) เนื่องจากจำนวนเหรียญที่มีจำกัดและความยิ่งใหญ่ของเครือข่ายมากกว่าก็ตาม
ในขณะที่ Ethereum ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่สามารถรองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Application) และทำให้แอปฯ เหล่านี้ทำงานร่วมกันได้อย่างอิสระและโปร่งใส โดยมี Ether (ETH) เป็นสกุลเงินกลางของเครือข่าย จึงเกิดเป็นแอปพลิเคชันต่าง ๆ ขึ้นบนเครือข่าย Ethereum ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ สำหรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล การกู้ยืม การระดมทุน และอื่น ๆ อีกมากมาย
สาเหตุที่ราคา Ethereum ทำ All-time High
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2021 อ้างอิงจากเว็บไซต์ Coinmarketcap และกระดานเทรด Bitkub ราคาของ ETH ได้ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 133,875.98 บาท ต่อ 1 ETH หรือประมาณ $4,134.76 โดยในไตรมาสนี้ Ethereum ได้ปรับขึ้นมาแล้วเกือบ 120% หรือ 500% หากนับตั้งแต่ต้นปี 2021
ปัจจัยด้านการลงทุน
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาของ Ethereum ปรับสูงขึ้น มาจากการที่ VanEck บริษัทด้านการลงทุนรายใหญ่แห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ประกาศยื่นจดทะเบียนกับ SEC สหรัฐฯ เพื่อเปิดกองทุน Ethereum ETF (Exchange-traded Funds) เป็นเจ้าแรก
ไม่ใช่แค่ในฝั่งสหรัฐฯ เท่านั้น ยังมี WisdomTree ที่ประกาศเปิดกองทุน Ethereum ETF ในฝั่งยุโรป ขณะที่แคนาดาก็มีสถาบันการเงินจดทะเบียนเพื่อเปิดกองทุน Ethereum ETF ถึง 3 สถาบัน ได้แก่ Purpose Investments, CI Global Asset Management และ Evolve ETFs
ปัจจัยที่กล่าวมาสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่จะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจากนักลงทุนเป็นวงกว้างมากขึ้น ต่างจากเดิมที่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจะสามารถทำได้ผ่านบริษัทฯ หรือกระดานซื้อขายเฉพาะทางเท่านั้น ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อ Ethereum เพื่อเก็งกำไรตอบรับข่าวดังกล่าว ราคา Ethereum จึงพุ่งสูงขึ้น
การอัปเกรดเครือข่ายครั้งล่าสุด
เมื่อไม่นานมานี้ Ethereum ได้มีการอัปเกรดครั้งสำคัญ โดยใช้ชื่อว่า Berlin Hard Fork ซึ่งการอัปเกรดครั้งนี้เป็นการวางรากฐานสำหรับการสร้างสินทรัพย์ประเภทใหม่ ๆ ขึ้นบนเครือข่าย รวมถึงความพยายามในการลดค่าธรรมเนียม หรือ Gas fee ที่สูงเกินไปให้ลงมาอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล
Gas Fee ถือว่าเป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุด ณ ปัจจุบันของ Ethereum เนื่องจากเครือข่ายมีผู้ใช้และจำนวนธุรกรรมที่มากขึ้น ผู้ใช้ที่ต้องการให้ธุรกรรมของตนได้รับการยืนยันจำเป็นต้องจ่าย Gas fee เป็นเหรียญ Ether ให้กับนักขุดเพื่อให้นักขุดยืนยันธุรกรรมนั้นเป็นอันดับแรก ๆ
แต่เนื่องจากเครือข่าย Ethereum มีผู้ใช้และจำนวนธุรกรรมที่สูงขึ้น ประกอบกับการที่ Ethereum ใช้ระบบ Proof-of-Work เพื่อตรวจสอบธุรกรรม ซึ่งเป็นระบบที่ต้องใช้เวลาและพลังงานในการประมวลผลค่อนข้างสูง รวมถึงการที่บล็อกแต่ละบล็อกของ Ethereum สามารถบรรจุข้อมูลได้จำกัด นักขุดจึงเลือกที่จะหยิบธุรกรรมที่จ่ายค่าธรรมเนียมสูงมายืนยันให้ก่อน ผู้ทำธุรกรรมจึงแข่งกันขึ้นค่าธรรมเนียมเพื่อให้ธุรกรรมของตนได้ไปก่อน ส่งผลให้ Gas fee ของ Ethereum พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ การอัปเกรด Berlin Hard Fork จึงเป็นการวางรากฐานเพื่อแก้ไขปัญหานี้ในอนาคต
EIP-1559 จะทำให้เหรียญ Ether มีจำกัด?
อีกหนึ่งการอัปเกรดที่วงการนักขุดกำลังจับตากันอย่างใกล้ชิด ก็คือข้อเสนอ EIP-1559 (Ethereum Improvement Proposal) ที่ออกแบบโดย Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum โดยจะเป็นข้อเสนอที่จะทำให้ค่า Gas fee ส่วนหนึ่งที่จ่ายให้นักขุดถูกทำลาย (เผา) ดังนั้น หากมีการใช้ข้อเสนอ EIP-1559 จริง อาจส่งผลให้มีเหรียญ Ether หมุนเวียนอยู่ในเครือข่ายน้อยลง
เมื่อมีเหรียญ Ether หมุนเวียนอยู่ในเครือข่ายน้อยลง ในขณะที่ความต้องการเหรียญยังอยู่ในระดับสูง จะส่งผลให้มูลค่าต่อเหรียญปรับสูงขึ้นตามกลไกของอุปสงค์-อุปทาน แม้การอัพเกรดดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่นักลงทุนที่คาดการณ์เอาไว้ ก็อาจเร่งเข้าซื้อเหรียญ Ether เพื่อถือครองไว้ก่อนที่จำนวนเหรียญจะน้อยลงจริง ๆ ในอนาคต
ทั้งนี้ ข้อเสนอ EIP-1559 ถูกคาดการณ์ว่าจะมาพร้อมกับการอัพเกรด London Hard Fork ที่จะมาในช่วงเดือนมิถุนายน 2021 นี้ หรืออาจเกิดขึ้นหลังจากนั้นก็เป็นไปได้ และถึงแม้เหล่านักขุดจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว แต่ทางทีมผู้พัฒนา Ethereum กลับมีแนวโน้มจะผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ๆ
สรุป
สาเหตุที่ทำให้ราคา ETH ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เกิดจากกระแสการลงทุนในตลาดที่มีบรรดากองทุนแบบ ETF เข้ามาใน Ethereum เป็นจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนใน Ethereum ได้เป็นวงกว้างขึ้น
นอกจากนี้ การขึ้นของราคายังมีสาเหตุมาจากมุมมองเชิงบวกที่มีต่อการอัพเกรดครั้งล่าสุดของ Ethereum ที่อาจจะสามารถลดปัญหา Gas fee ที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้ และยังมีความเป็นไปได้ที่เหรียญ Ether จะออกมาน้อยลงในอนาคต นักลงทุนบางส่วนจึงเร่งเข้าซื้อเพื่อถือครองไว้ก่อนที่เหรียญจะออกมาน้อยลงจริง ๆ ในอนาคต
อ้างอิง Coinmarketcap, Bloomberg, Coindesk, BTC Manager, Hackernoon