กระแสข่าวการทำกำไรที่ถล่มทลายและมูลค่าของตลาดที่โตแบบก้าวกระโดดของวงการ DeFI (Decentralized Financial) จุดประกายให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มหันมาให้ความสนใจกับตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized Exchange) มากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วประเภทของตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Exchange นั้นมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ Centralized Exchange และ Decentralized Exchange
Centralized Exchange (CEX)
เป็นตลาดการซื้อขายสินทรัพย์ที่เท่าที่นักเทรดคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี ลักษณะการทำงานเหมือนกับเป็นตลาดที่มีพื้นที่สำหรับขายของให้ผู้คนไปเปิดออเดอร์ซื้อขายได้ โดย Exchange ประเภทนี้เปรียบเสมือน Server ตัวกลางในการให้บริการ ทางผู้ใช้ต้องทำการฝากยอดเงินหรือเหรียญต่าง ๆ เข้าไปในบัญชีของเว็บเทรดนั้น ๆ เพื่อเริ่มการเทรด
โดยทางผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถือ Private Key เอง มีเพียงแค่รหัสผ่านในการเข้าใช้ ลักษณะคล้ายกับการบริการของธนาคาร โดยมากแล้วไม่ว่าจะเป็น Centralized Exchange แบบ Local หรือ Global ทางผู้ให้บริการมักจะขอความร่วมมือกับผู้ใช้งานให้ทำการยืนยันตัวตน (ทำ KYC) เพื่อสิทธิพิเศษที่มากขึ้น หรือแม้กระทั่งเพื่อการอนุมัติวงเงินการซื้อขายที่สูงขึ้น
โดยทั่วไป Exchange ประเภทนี้จะมี wallet อยู่ทั้งสิ้น 2 phase ด้วยกันนั่นก็คือ Hot wallet คือ wallet ที่มีเงินจำนวนหนึ่งสำหรับหมุนเวียนในระบบโดยทั่วไป โดยมากมักจะมีการจำกัดจำนวนที่ตายตัวต่อวัน ว่าจะมีเหรียญหรือ Token ปล่อยให้เทรดชนิดละเท่าไหร่ในระบบ แต่หากวันไหนทางผู้ใช้ได้มีการถอนเหรียญหรือ Token ออกจากมากเกินกว่าที่ทางผู้ให้บริการให้มีสำรองไว้ให้ในระบบ ทางผู้ใช้บริการก็อาจประสบเหตุความล่าช้าในการถอนเงินได้ เนื่องจากทางผู้ให้บริการจะต้องทำการปลดล็อกและโอนเหรียญออกจากโครง wallet หรือ wallet ที่ใช้สำหรับเก็บเหรียญเป็นหลักออกมานั่นเอง
Decentralized Exchange (DEX)
ตลาดการซื้อขายที่ไร้ตัวกลาง ทาง Exchange เปรียบเสมือนตัวกลางที่จะทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนปิดออเดอร์ให้กับผู้ใช้โดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้จะสามารถทำการซื้อขายได้โดยที่ไม่ต้องมีการสมัครหรือ KYC ใด ๆ ทั้งสิ้น
มีเพียงแค่การนำ wallet ส่วนตัวที่มีเหรียญต่าง ๆ อยู่ในนั้นไปเชื่อมต่อกับ Decentralized Exchange เหล่านี้ก่อนที่จะเลือกซื้อขายเปลี่ยนได้ทันที โดยทางเว็บไซต์จะโชว์ยอดเหรียญและราคาที่ผู้ใช้ท่านอื่นนำมาตั้งราคาไว้ โดยมากแล้วราคาจะไม่มีการโชว์ให้ผู้ใช้แบบเรียงจากยอดน้อยไปมากให้ค้นหาง่าย ๆ แบบ Centralized Exchange ทั่วไป (โชว์ออเดอร์สะเปะสะปะหรือบางเว็บ เช่น Uniswap ไม่โชว์เลย จะโชว์แค่เพียงราคาที่ดีที่สุด ณ ตอนนั้นเท่านั้น)
การตั้งราคาซื้อขายกับ Exchange ประเภทนี้จะเป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญหรือ Token ผ่านทางบล็อกเชนโดยตรง นั่นหมายความว่าผู้ใช้เป็นผู้ถือ Private Key ด้วยตนเอง ดังนั้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยจึงสูงกว่า Centralized Exchange เป็นอย่างมาก
แต่จุดอ่อนใหญ่ ๆ ของ Exchange ประเภทนี้ก็คือความหลากหลายของประเภทเหรียญที่เทรดได้ มีค่อนข้างน้อย ยกตัวอย่างเช่น Decentralized Exchange ส่วนมากนั้นจะรันอยู่บนระบบบล็อกเชนของ Ethereum (ERC-20) ดังนั้นหากต้องการเทรดเหรียญอื่นที่อยู่บนบล็อกเชนอื่นเช่น BTC, TRX , XLM จึงเป็นไปไม่ได้
รวมไปถึงความยุ่งยากในการใช้งาน ทำให้นักเทรดส่วนใหญ่จึงมองข้ามการเทรดใน ตลาดนี้และไปใช้บริการ CEX ทั้งหลายแทน ซึ่งสิ่งนี้ได้ส่งผลต่อเนื่องให้สภาพคล่องของตลาดหรือ Volume การเทรดในตลาดประเภทนี้ไม่สูงนัก
แต่หากมองในแง่ของความเป็นส่วนตัวและการเป็นเจ้าของเงินและสิทธิ์ในการบริหารจัดการอย่างแท้จริงของผู้ใช้แล้ว ตลาดซื้อขายประเภทนี้ถือเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากเช่นเดียวกัน