คริปโตฯ จะช่วยโลกประหยัดพลังงานได้อย่างไร?

เมื่อผู้คนจำนวนมากหันมาสนใจศึกษาและลงทุนคริปโตฯ กันเพิ่มขึ้น แต่ก็มีแนวคิดและเหตุผลของคนอีกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและกลับมองว่าการที่อุตสาหรรมคริปโตฯ ยังคงดำเนินอยู่เหมือนเครื่องขุดที่ไม่เคยได้หยุดพักจะทำให้พลังงานโลกถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองในจำนวนมหาศาลจากการขุดและทำเหมืองคริปโตฯ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวันข้างหน้าได้

การใช้พลังงานขุดอันมหาศาลในอุตสาหกรรมคริปโตฯ

เหตุของการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) นั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนพลังงานที่ใช้ไปในการขุดและการทำเหมืองคริปโตฯ ข้อมูลตามการจัดอันดับของ The Cambridge Bitcoin Electricity Consumption Index หรือ CBECI ระบุว่า ในปี ปี 2022 เฉพาะแหล่งเหมืองขุดคริปโตอันดับ 1 ของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาได้มีการปล่อย CO2 ไปแล้วมากถึง 40 ล้านตัน

เพราะยิ่งรางวัลที่ได้การขุดคริปโตลดลงไปกว่าครึ่งจากเดิม ด้วยสาเหตุนี้ผู้ขุดก็จะยิ่งต้องเร่งขุดเพื่อทำกำไรมากขึ้น และทำให้เกิดการปล่อย CO2 มากขึ้นตามไปด้วย และรัฐบาลยังไม่สามารถกำกับดูแลหรือควบคุมปริมาณ ‘การใช้พลังงานในการขุด’ ได้ ทำให้ทั่วโลกแสดงความกังวลและมีบางประเทศที่ประกาศแบนเหมืองคริปโตฯ ไปแล้วก่อนหน้านี้

(อ่านเพิ่มเติม: ตอบทุกคำถามว่าการขุด Bitcoin คืออะไร? คลิก https://www.bitkub.com/th/blog/what-is-bitcoin-mining-20c9c7dbbba1)

จากแผนที่แสดงข้อมูลแฮชเรตเฉลี่ยรายเดือนตามประเทศและภูมิภาค โดยอิงจากข้อมูลพูลการขุดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (ข้อมูลอัปเดตเดือนมกราคม 2022) จะเห็นได้ว่าพื้นที่ในแถบสหรัฐอเมริกา อลาสกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังเป็นพื้นที่มี Hash rate สูงอยู่

คริปโตฯ จะช่วยโลกประหยัดพลังงานได้อย่างไร?

Source: The Cambridge Bitcoin Electricity Consumption Index

ด้วยเหตุนี้กลุ่มผู้พัฒนาทั่วโลกได้รับรู้และเล็งเห็นความสำคัญของการประหยัดพลังงานจากการขุด พร้อมกับเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว เรามาดูกันว่ามีนโยบายอะไรที่อยู่ในแผนพัฒนาของการประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรมคริปโตฯ บ้าง

  • การอัปเกรดระบบฉันทามติ

จากการอัปเกรด The Merge ของ Ethereum ทำให้พวกเราได้เห็นการเปลี่ยนอย่างชัดเจนของการประหยัดพลังงาน การใช้ระบบ Proof-of-stake (PoS) ซึ่งเป็นกลไกที่ใช้พลังงานน้อยกว่า Proof-of-Work (PoW) ถึง 99%

PoS ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในบล็อกเชนรุ่นใหม่ๆอย่าง Cardano (ADA), Polkadot (DOT), หรือ Stella (XLM) และอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งนักพัฒนาเชื่อว่า PoS จะสามารถแก้ไขจุดอ่อนของ Proof-of-Work ได้ โดยจุดที่ Proof-of-Stake แตกต่างออกไปคือ เงื่อนไขในการรับสิทธิ์รับรองธุรกรรม โหนดที่สามารถตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมได้จะต้องมีการฝากทรัพย์สินขั้นต่ำไว้กับเครือข่าย โดยส่วนใหญ่จะเป็นสกุลเงินดิจิทัลของบล็อกเชนนั้น ๆ เอง

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการขุดด้วยฮาร์ดแวร์

สำหรับเครือข่ายที่ยังคงใช้ Proof-of-Work (PoW) นั้นสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขุดได้ด้วยฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้ ASIC (Application Specific Integrated Circuit) วงจรชิปที่ถูกออกแบบใหม่ มีหน้าที่เดียวคือการคำนวณหาคำตอบที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้รับ บล็อกรางวัล จึงทำให้ไม่ต้องคอยประมวลผลด้านอื่นและส่งผลให้การใช้พลังงานลดน้อยลง หรืออีกวิธีคือใช้การขุดเหรียญแบบ Pool (พูล) ทำงานร่วมกัน

  • การทำเหมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

คริปโตฯ จะช่วยโลกประหยัดพลังงานได้อย่างไร?

Source: Bloomberg

โปรเจคคริปโตเคอร์เรนซีสามารถสนับสนุนและพัฒนาการทำเหมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนส่วนเกินเพื่อผลิตพลังงาน หรือการใช้ความร้อนใต้พิภพหรือไฟฟ้าพลังน้ำ โดยนักขุดสามารถเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม เพื่อจ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์ขุด เพราะแหล่งพลังงานหมุนเวียนอาจคุ้มค่ากว่าการใช้แหล่งพลังงานแบบดั้งเดิมก็เป็นได้ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศไอซ์แลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์เป็นสถานที่ทำเหมืองที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีพลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานน้ำ และพลังงานลมมากมาย และมีนักลงทุนเข้าไปพัฒนาเหมืองคริปโตฯ แบบยั่งยืนกันมากขึ้น

อ้างอิง: Greennews, CBECI

บทความโดย: www.bitkub.com/blog


คำเตือน

คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ | สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ | ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

TSF2024