คิดถึงหุ้นยุโรป คิดถึง KT-EURO

ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน เราจะเห็นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวรอบใหญ่ หลังจากผ่านความกังวลในภูมิภาคยุโรปและจีนมา จะเห็นว่าประเทศที่ฟื้นตัวได้เร็วที่สุดในช่วงนี้คือประเทศสหรัฐฯ แต่การลงทุนในหุ้นสหรัฐนั้นถือว่ามีความเสี่ยงพอสมควร ทั้งด้านมูลค่าหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก และด้านความเสี่ยงด้านนโยบายทางการเมือง แต่ยังมีบางภูมิภาคที่เศรษฐกิจกำลังค่อยๆฟื้นตัว ซึ่งยุโรปก็เป็นหนึ่งในภูมิภาคนั้น ในวันนี้เราจะมาแนะนำกองทุนที่ลงทุนในทวีปยุโรปกันครับ

ภาพรวมภูมิภาคยุโรป

หุ้นยุโรปอยู่ในจุดที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในตัวเลข Purchasing Managers’ Index (PMI) ในประเทศหลักๆของยุโรป คือ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี และ สเปน ซึ่งมีการปรับตัวสูงขึ้นทั้งภาคผลิตและภาคบริการ รวมถึงตัวเลข Unemployment rate หรืออัตราการว่างงานในยุโรปที่ปรับตัวลงมาที่ 9.1% ต่ำที่สุดตั้งแต่หลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์

EU Unemployment rate

จะเลือกกองทุนไหนดี?

สำหรับภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจน เราจึงแนะนำการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก เนื่องจากจะได้อานิสงค์ในด้านการเติบโต และได้รับความเสี่ยงด้านค่าเงินยูโรน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งกองที่เรานึกถึงก็คือ…

KT-EURO กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน อิควิตี้ ฟันด์

เป็นกองทุนของ บลจ.กรุงไทย ประเภทกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ โดยเป็น Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนใน Invesco Continental European Small Cap Equity Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ดังนั้น การวิเคราะห์กองทุน KT-EURO จึงต้องไปวิเคราะห์ที่ Master Fund ด้วย

Invesco Continental European Small Cap Equity Fund

เป็นกองที่ลงทุนในหุ้นยุโรปขนาดเล็ก โดยมี Euromoney Smaller Europe ex UK. เป็น Benchmark (คล้ายๆ sSET ของบ้านเรา) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1993 ถ้านับถึงปัจจุบันก็เป็นเวลา 24 ปี โดยขนาดกองทุนมีมูลค่า 504 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 16,000 ล้านบาท

ถ้ามาดูผลตอบแทนย้อนหลังจะเห็นว่า กองทุนนี้สามารถลงทุนชนะ Benchmark ได้อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2009 แม้ว่าจะเกิดวิกฤติยุโรปขนาดย่อมๆ ในช่วงปี 2011 ที่ผ่านมาก็ตาม

โดยในปี 2017 ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (Year to date) กองทุนนี้สามารถทำผลตอบได้ถึง 36.43% เทียบกับ Benchmark ที่ 31.24%

การกระจายการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม กองทุนเน้นลงในกลุ่ม Financial หรือกลุ่มการเงิน ซึ่งจะสอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ดีที่สุด

มาดูกันที่ Sector weight เราทราบกันดีว่าถ้าพูดถึงตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปคือประเทศเยอรมัน อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นเล็กของประเทศเยอรมันในสัดส่วนที่ต่ำมาก (ประมาณ 4% เทียบกับ Benchmark ที่ 14%) แต่ไปเน้นหนักในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี และเนเธอแลนด์แทน

สำหรับ Top Holding นั้น ใน 5 อันดับแรก ประกอบด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมออกแบบและผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบรับส่งสัญญาณและกำลัง คือ บริษัท TKh Group ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเนเธอแลนด์ และ Prysmian ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศอิตาลี ต่อมาเป็นธนาคารในประเทศอิตาลีอย่าง Banca Mediolanum ซึ่งมีบริการครบวงจรทั้งด้านการจัดการสินทรัพย์ ด้านประกันภัย เป็นต้น  ต่อมาคือ Outokumpu ซึ่งเป็นผู้ผลิตและแปรรูปสแตนเลส ซึ่งดำเนินกิจการในหลายๆประเทศฟินแลนและสวีเด็น และสุดท้ายคือบริษัท Eurazeo ซึ่งประกอบธุรกิจบริการการลงทุนในบริษัทต่างๆ (Private Investment) ซึ่งดำเนินธุรกิจในประเทศฝรั่งเศส

ลักษณะการถือหุ้นของกองทุน กองทุนนี้จะถือหุ้นอยู่ประมาณ 70 ตัว โดยถือหุ้น 10 ตัวแรกรวมกันที่ 26.37% ซึ่งนับว่ามีการกระจายตัวค่อนข้างมาก อาจจะเป็นเพราะกองทุนนี้ต้องลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ทำให้สภาพคล่องจากการซื้อขายหุ้นน้อยกว่าหุ้นใหญ่ จึงไม่สามารถซื้อขายเป็นจำนวนมากๆได้ และเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนอีกด้วย

ถึงแม้ยุโรปยังมีความเสี่ยงจากลัทธิชาตินิยม ที่เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ Brexit, นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ ล่าสุดคือแคว้นกาตาลุญญาที่ต้องการแยกตัวออกจากประเทศสเปน แต่เราก็ยังเห็นภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากตัวเลข PMIs และตัวเลขการว่างงานในภูมิภาคยุโรปอย่างชัดเจน รวมถึงดอกเบี้ยธนาคารกลางยุโรปที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าภาพนี้น่าจะเป็นการฟื้นตัวในระยะยาวครับ

โดย ลงทุนกัน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน


พิเศษ
หากท่านสนใจเปิดบัญชีลงทุนเพื่อรับคำแนะนำลงทุนในยุโรป ผ่าน NTER SPACE กรุณากรอกรายละเอียดสั้น ๆ ได้ ที่ www.finnomena.com/nter-exclusive-club เพื่อรับบริการพิเศษจากเรา (จำนวนจำกัด)

 

TSF2024