ในขณะที่เราตระหนักได้ว่าเรามีไม่พอ
ในคืนหนึ่ง ผมได้มารับประทานอาหารเย็นกับเพื่อนของผม ซึ่งหัวข้อที่คุยกันในตอนนั้นเป็นเรื่องแม่ของเพื่อนผม… เป็นเรื่องการเงินของแม่เขา จริงๆ แล้วแม่ของเพื่อนผมอายุประมาณ 65 ปี ได้หย่าร้างมาเป็นเวลานาน ก่อนหน้านั้นเมื่อตอนท่านยังมีแรง ท่านก็ขยันทำงาน และทำงานต่อมาเรื่อยๆ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับตัวเพื่อนผมและแม่เขาก็คือ น้อยครั้งมากที่พวกเขาจะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเงิน มันเป็นเหมือนข้อห้ามสำหรับครอบครัวของเขาก็ว่าได้
แต่อยู่มาวันหนึ่ง พวกเขาก็มาพูดถึงเรื่องต้องห้ามนี้ขึ้นมา สิ่งที่น่าตกใจก็คือ เพื่อนของผมมารู้ทีหลังว่าแม่ของเขามีเงินในบัญชีอยู่แค่ 35,000 ดอลล่าร์ (หรือประมาณ 1,100,000 บาท) ที่อยู่ในบัญชีสำหรับการเกษียณ มันเป็นจำนวนน้อยมากถ้าจะพึ่งพาเงินเพียงจำนวนเท่านี้สำหรับการดำรงชีวิตในช่วงเกษียณ เรื่องนี้มันไม่เพียงเกิดขึ้นกับแม่ของเพื่อนผมเท่านั้น ปัญหานี้ใครหลายๆ คนก็ประสบกันหมด ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเงินสำหรับการเกษียณโดยที่จะไม่ต้องพึ่งพาเพื่อนฝูง ครอบครัว และรัฐบาล
คนส่วนใหญ่ก็มีเงินไม่พอสำหรับชีวิตวัยเกษียณ
จากข้อมูลสถิติจาก Magnify Money คนที่อยู่ในช่วง 40% ของผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่มีเงินออมสำหรับการเกษียณเลย ส่วนผู้ที่มีรายได้ตามค่าเฉลี่ย (ผู้ที่มีรายได้ประมาณ 58,000 ดอลล่าร์) จะมีเงินสำหรับการเกษียณอยู่ที่ 34,000 ดอลล่าร์ (หรือประมาณ 1,090,000 บาท) ผู้ที่มีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย (ผู้ที่มีรายได้ประมาณ 160,000 ดอลล่าร์) มีเงินเพียง 157,000 ดอลล่าร์ (หรือประมาณ 5,120,000 บาท) และคนที่อยู่ในช่วง 1% ของผู้ที่มีรายได้สูงสุดในประเทศ จะมีเงินเก็บสำหรับเกษียณอยู่ที่ 1,125,000 ดอลล่าร์ (หรือประมาณ 36,000,000 บาท)
ถ้านับตามข้อมูลของคนแต่ละวัย คนที่อยู่ในวัย Millennial หรือผู้ที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 31 ปี ที่เกิดในปี 1988 จะมีเงินเก็บเพียง 2,430 ดอลล่าร์ (หรือประมาณ 78,000 บาท) ส่วนคนวัย Gen X ที่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 47 ปี หรือเกิดในปี 1972 มีเงินเก็บแค่ 15,780 ดอลล่าร์ (หรือประมาณ 505,000 บาท) และคนในยุค Baby Boomer ที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 65 ปี เกิดในปี 1954 จะมีเงินเก็บอยู่ที่ 24,280 ดอลล่าร์ (หรือประมาณ 778,000 บาท) ซึ่งจำนวนเงินที่เขียนมาทั้งหมด ไม่มีจำนวนไหนใกล้เคียงกับจำนวนที่ ‘เพียงพอ’ ต่อการเกษียณเลย
และความกังวลอีกอย่างที่เกิดขึ้นมา จากการสำรวจโดย Northwest Mutual รายงานว่า ประมาณเกือบครึ่งของคนวัยทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาคิดว่าประกันสังคมไม่สามารถช่วยพวกเขาสำหรับการเกษียณได้ และความเป็นจริงก็คือพวกเขาจะมีช่วงเกษียณที่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความกังวลกับจำนวนเงินที่ไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตหลังเกษียณ
เรื่องราวมันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้เสมอไป
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อจากนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของผม ซึ่งต่างจากเรื่องราวของแม่เพื่อนผม… ในช่วงที่พ่อของผมเสียไป เป็นช่วงเวลาที่แม่ของผมอายุ 80 ปี ท่านมีเงินใช้จ่ายเพียงพอตลอดจนสิ้นอายุขัย พวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายการเงินแม้ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมาก ถึงแม้ฐานะทางการเงินของพวกเราอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้รวยถึงขั้นมหาเศรษฐี ตลอดจนชีวิตคู่ของพ่อแม่ผม แม่ของผมใช้ชีวิตเป็นแม่บ้าน และพ่อทำงานคนเดียว สรุปแล้ว ครอบครัวของเรามีรายได้เพียงทางเดียว
แล้วพ่อแม่ของผมทำได้อย่างไร? ผมเคยถามคำถามนี้กับแม่ ซึ่งท่านได้ตอบผมมาว่า “ก็พวกเราเก็บเงิน และเราก็ทำตามคำแนะนำทางการเงินจากบริษัท DuPont ซึ่งเป็นนายจ้างของพ่อ ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ต่อจากนั้น พวกเราก็ได้ที่ปรึกษาทางการเงินที่ใส่ใจเราจริงๆ และสามารถนำเงินเราไปลงทุนให้โตขึ้นกว่าเดิมอีก”
ผมได้สอนหลานสาวให้มีอิสรภาพทางการเงิน…
คนที่รู้จักผมจะรู้ดีว่าผมมีพี่สาวคนโตคนหนึ่งซึ่งเสียไปแล้วก่อนที่เธอจะย่างเข้าสู่อายุ 40 เธอมีลูกสาวทั้งหมด 3 คนพร้อมกับสามีที่จงรักภักดี และผมก็มีพี่สาวอีกคนนามว่า Sharron ที่มีลูกสาว 2 คน ผมก็เลยกลายเป็นน้าของหลานสาวทั้ง 5 คนที่น่าภาคภูมิใจนี้
เมื่อหลายปีที่ผ่านมา… ตอนที่แต่ละคนได้จบการศึกษาที่โรงเรียนมัธยมปลาย ผมได้ให้เงินแต่ละคนไว้ คนละ 3,000 ดอลล่าร์ และได้ช่วยพวกเธอเปิดบัญชีสำหรับการลงทุน รวมถึง ได้สอนวิธีการลงทุนให้กับพวกเธอแต่ละคนด้วย ซึ่งเป้าหมายของผมคือการรวบรวมความรู้ที่ผมได้สะสมมาทั้งหมด ไม่ว่าจะจากการเรียน การสอน และการทำงานในด้านการเงิน ไปสอนพวกเธอและหวังจะให้พวกเธอมีอิสรภาพทางการเงินให้ได้
ความเป็นจริงแล้ว การที่จะมีอิสรภาพทางการเงินได้ เราเพียงแค่ต้องลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเรื่อยๆ และไม่ต้องขายออกเลย เพียงเท่านั้นเอง มันไม่ได้ยากและเป็นเรื่องเพ้อฝันเลย หลานๆ ของผมก็เข้าใจเรื่องนี้อย่างดี ซึ่งผมก็คาดหวังว่าเมื่อพวกเธออายุ 30 ปี พวกเธอจะต้องมีเงินจากการลงทุนในบัญชีอย่างน้อย 100,000 ดอลล่าร์ (ประมาณ 3,200,000 บาท) เป็นมูลค่ามากกว่าตั้งสามเท่าเมื่อเทียบกับเงินในบัญชีของคนอายุ 60 ปีโดยทั่วไปสำหรับใช้ในการเกษียณ
แต่ผมก็ล้มเหลว… ผมมารู้ทีหลังว่า แค่ความรู้อาจไม่เพียงพอ
ข่าวร้ายก็คือ ผมล้มเหลวอย่างมาก… ณ ปัจจุบัน หลานสาวของผมมีอายุย่างใกล้ 30 ปี แต่ไม่มีใครเข้าใกล้เป้าหมายที่ผมได้วางไว้เลย จากการที่ผมได้เข้าไปคุยกับพวกเธอ ผมได้พบกับปัจจัยหลักของความล้มเหลวในครั้งนี้ ผมประเมินความช่วยเหลือที่พวกเธอต้องการต่ำเกินไป ผมเพียงคิดว่าการจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย และเล่าให้ฟังเพียงแค่ว่าลงทุนเรื่อยๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องนี้ทำให้พวกเธอสับสนแทน
เมื่อพวกเธอได้ลองเข้าไปดูบัญชีของตนเอง ทุกอย่างมันดูสับสน… ตอนที่พวกเธอได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นไม่ว่าจะขึ้นหรือลง… มันก็ยังดูสับสน… และเมื่อพวกเธอได้รับเงินโบนัสจากการทำงานและคิดว่าจะนำเงินส่วนนี้เข้าไปในบัญชีการลงทุน มันก็ดูสับสนยิ่งขึ้นไปอีก ความสับสนมันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเวลาเมื่อคนหลายๆ คนได้เข้าไปหาพวกเธอและบอกเล่าเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในหลายๆ รูปแบบ ความสับสนนี้ประเดประดังเข้ามาและทำให้พวกเธอรู้สึกไม่กล้าที่จะเข้าไปทำอะไรต่อ
จากประสบการณ์นี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า เพียงแค่ความรู้อาจไม่พอ ลองเทียบเรื่องการลงทุนกับหนังสือลดน้ำหนักสิ ความรู้มันมีอยู่ในนั้นแล้ว แต่พอเราได้อ่านไป รูปร่างของเราผอมลงจริงๆ ไหม?
ผมไม่อยากล้มเหลวอีกต่อไปแล้ว
ผมเริ่มต้นการสร้างกลุ่มที่ชื่อว่า ‘Build Your Wealth Mentorship Group’ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ในกลุ่มนี้ ผมได้สอนเรื่องการลงทุนขั้นพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่ควรจะรู้ เป้าหมายของผมคือการช่วยให้คนเหล่านี้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ได้และสามารถเริ่มลงทุนได้ด้วยตัวเอง ส่วนเป้าหมายสูงสุดคือการช่วยให้คนเหล่านี้สามารถมีอิสรภาพทางการเงินได้ และมีการเกษียณอย่างสุขสบาย
ผมพยายามฝึกสอนผู้คนให้ผ่านความสับสนเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถเริ่มต้นการลงทุนและสร้างฐานะของตนเองได้ โปรแกรมให้คำปรึกษานี้จะสอนสิ่งที่อยู่ในหนังสือของผมและอื่นๆ แต่สิ่งอื่นใดที่สำคัญกว่าความรู้ ผมโค้ชให้สมาชิกในกลุ่มของผมสามารถเอาชนะกับความสับสนต่างๆ ให้ได้ ถ้าพูดให้ชัด ผมไม่ได้ทำหน้าที่ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน แต่ผมเป็นผู้ให้การศึกษา รวมไปถึงเป็นโค้ชที่ช่วยเหลือพวกคุณในการเรียนรู้ที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องด้วยตนเอง
ตอนนี้ผมกำลังเปิดโปรแกรมนี้ครั้งที่ 3 ในอีกสองสามสัปดาห์ต่อจากนี้ และผมเสนอส่วนลดให้ 50 ดอลล่าร์ให้กับพวกคุณ จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562 (Code: bywmg-group3-April)
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมนี้ สามารถติดตามได้ที่ https://www.astotz.com/byw
แต่ถ้าใครสนใจพอร์ตการลงทุนของผม ‘All Weather Strategy’ เพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน รวมไปถึงการเกษียณอย่างสุขสบาย สามารถอ่านต่อได้ที่ https://www.finnomena.com/port/andrew
ถ้าคุณรู้ว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับใครที่อยู่ใกล้ตัวของคุณ โปรดแชร์บทความและส่งต่อสิ่งเหล่านี้เพื่อให้เขาได้รับประโยชน์ต่อๆ ไป…
ที่มาบทความ: https://becomeabetterinvestor.net/blog/we-arent-all-skinny-nor-financially-independent/