Business DNA: สัมภาษณ์คุณกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ แห่ง K.E. Group - สร้างธุรกิจอสังหาฯ ให้เติบโต ด้วยทีมที่เป็นมืออาชีพ

หลังทำงานในฝั่งที่ปรึกษาด้านธุรกิจที่บริษัท Anderson Consulting และทำงานด้านวาณิชธนกิจอยู่ 10 ปีที่ Phatra และ Merrill Lynch คุณกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ก็ได้ตัดสินใจเข้าสู่แวดวงธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ด้วยที่ดินที่คุณพ่อของเขาได้สะสมไว้

ระหว่างปี 2001-2002 คุณกวีพันธ์ได้นำบริษัท K.E. Group ในการเริ่มต้นโครงการบ้าน บริษัทประสบความสำเร็จในฐานะน้องใหม่แห่งแวดวงพัฒนาอสังหาฯ ด้วยการมุ่งเน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

ในวันนี้ K.E. Group คือบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่เจาะกลุ่มบ้านหรู ค้าปลีก และตอนนี้ก็กำลังพัฒนา REIT ของตัวเอง ที่ผ่านมา K.E. Group ได้สร้างโครงการหรูมากมายในเมืองไทย รวมถึงพัฒนาศูนย์การค้ากลางแจ้งในกรุงเทพฯ อีกด้วย

ดาวน์โหลดบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม (ภาษาอังกฤษ)

Company DNA: K.E. Group

บทสัมภาษณ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำความเข้าใจ DNA ของบริษัท เนื่องจากเราได้รู้เบื้องหลังของบริษัทไปบ้างแล้ว ตอนนี้เราจึงอยากเจาะลึกไปถึงจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของ K.E. Group

คุณกวีพันธ์และภรรยาคือผู้ริเริ่มสร้าง K.E. Group

ภรรยาและผมเริ่มก่อตั้ง K.E. Group ช่วงปี 2000 ต้นๆ ด้วยพันธกิจเพียงหนึ่งเดียว: เพื่อสร้างธุรกิจที่มีจุดศูนย์กลางเป็นครอบครัวและทายาทรุ่นต่อ ๆ ไป การที่เรามุ่งไปยังครอบครัวและชุมชนนั้นเกิดจากการที่ภรรยาและผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ในฐานะผู้ปกครอง พวกเรามักจะใช้เวลาทำกิจกรรมกับลูกในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนนี้ลูก ๆ เริ่มค่อย ๆ มีส่วนร่วมกับธุรกิจของเราแล้วครับ

มุ่งเน้นการสร้างบ้านหรู

K.E. Group มุ่งเน้นสร้างบ้านหรูในพื้นที่ที่ใกล้กับตัวเมืองที่สุด เพื่อให้ผู้อาศัยสามารถเข้าถึงระบบคมนาคมและพื้นที่หลัก ๆ ของกรุงเทพฯ ได้ บริษัทพัฒนาตลาดเฉพาะกลุ่มด้วยการให้ความสำคัญกับการร่วมมือของชุมชน ความสัมพันธ์กับลูกค้า และการสร้างบ้านแบบกำหนดได้ (Customized Housing) บ้านของเราไม่ใช่แค่อยู่ในพื้นที่ที่สำคัญเท่านั้น แต่ยังมีการออกแบบที่สร้างสรรค์ หรูหรา และใช้งานได้จริง การออกแบบของเราจะให้ความสำคัญกับครอบครัว ไม่เหมือนเจ้าอื่นที่เน้นบ้านไทยดั้งเดิมที่ตั้งแยกห่างจากกัน เราต้องหาความเฉพาะกลุ่มของเราด้วยการมอบสิ่งใหม่ๆ กับตลาดครับ

พนักงานขายภายใน คือความได้เปรียบด้านการแข่งขัน

ในส่วนของบ้านหรูนั้น การที่เราใช้ทีมพนักงานขายภายในของเรา แทนที่จะจ้างตัวแทนขายจากข้างนอก ทําให้เราได้สร้างชุมชนที่เหนียวแน่น ด้วยการสนับสนุนความร่วมมือกัน ในช่วงแรก ๆ การหาตลาดเฉพาะกลุ่มได้พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง หลังจากที่โครงการบ้านโครงการแรกของเราสำเร็จในปี 2001-2002 เราค้นพบว่าสไตล์บ้านของเราสามารถสู้กับคู่แข่งรายใหญ่ ๆ ได้ แม้เราจะไม่ได้ทำโฆษณามากมายนัก ตอนนี้ก็เช่นกัน เรายังสามารถสร้างและปิดการขายบ้านทั้งหมด 60 หลังได้ภายในหนึ่งปี เราขายบ้านหมดเร็วมาก ๆ ชัดเลยว่าเราให้ความสำคัญกับความต้องการและการเติมเต็มของลูกค้าครับ

K.E. Group ได้ขยับขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ

ตอนนี้ K.E. Group ได้ขยับขยายไปยัง 3 ธุรกิจ: บ้านหรู ศูนย์การค้า และ REITs ลูกชายผมตอนนี้กำลังดูแลในฝั่งของการบริหารสินทรัพย์ ซึ่งพ้องไปกับจุดมุ่งหมายของเราที่จะเปลี่ยน K.E. Group ให้กลายเป็นธุรกิจของรุ่นถัดไป

ในแต่ละภาคส่วนของธุรกิจ เราได้สร้างความแตกต่างออกมาจากที่อื่น ๆ ในส่วนของโครงการบ้านหรู จุดโฟกัสของเราคือดีไซน์ที่เน้นความเป็นครอบครัวและบริการที่ตอบโจทย์รายบุคคล สำหรับศูนย์การค้า ผู้เช่าของเราได้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผน และสำหรับ REITs เราให้เงินทุน เราบริหาร และเราทำให้มันเติบโตครับ

Leader DNA: คุณกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์

Business DNA: Professional Teamwork to Build Growth in Real Estate

ช่วยแชร์ได้ไหมครับว่าอะไรคือแรงจูงใจของคุณ? เมื่อคุณเจอช่วงยากลำบาก คุณหาแรงบันดาลใจจากไหน? ช่วยลองนึกถึงช่วงเวลาที่คุณต้องค้นลึกและพึ่งพาแรงบันดาลใจนี้หน่อยครับ

คุณกวีพันธ์:  สิ่งที่ช่วยให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลาที่ทุกข์ยากไปได้คือความเชื่อว่าจะต้องมีทางออกสำหรับทุกปัญหาครับ เมื่อคุณเชื่อในสิ่งนี้อย่างจริงจัง คุณจะสามารถหาทางออกให้กับทุกปัญหาได้ ในส่วนของแรงบันดาลใจ สำหรับผมคือวิสัยทัศน์ที่จะสร้างอาณาจักรธุรกิจสำหรับรุ่นต่อไปครับ สิ่งนี้ย้อนกลับไปสมัยที่พ่อของผมเริ่มสะสมที่ดินในขณะที่เป็นหุ้นส่วนกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้ว่าคุณพ่อจะเป็นที่ปรึกษาให้ K.E. Group แต่ท่านก็ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงสิ่งที่เรากำลังทำ แทนที่จะทำอย่างนั้น ท่านมอบการสนับสนุน ปล่อยให้เราตัดสินใจด้วยตัวเอง และบางทีก็ท้าทายเราด้วย นั่นช่วยให้ผมมีอิสระในการคิดถึงไอเดียธุรกิจใหม่ ๆ ผมเองก็อยากจะทำอะไรคล้าย ๆ แบบนี้กับลูกของผม ด้วยการสร้างฐานที่แข็งแรงให้พวกเขาดูแลจัดการครับ

การสร้างความแตกต่าง คือความท้าทายเสมอมา

คุณกวีพันธ์: หนึ่งในความท้าทายที่สุดของผมคือการทำให้ทั้งสามธุรกิจดำเนินการอย่างแตกต่างกัน หลายครั้งที่ผู้คนเห็นบ้าน ศูนย์การค้า หรือแม้กระทั่ง REITs ของเราแล้วคิดว่าพวกเรามีความมุ่งมั่นเฉพาะสิ่ง ๆ นี้ แต่แท้จริงแล้วแรงจูงใจของผมคือเราต้องการที่จะแตกต่าง เราต้องการจุนเจือชุมชนของเราต่อไป ไม่ใช่เพียงแค่ทำเงินเท่านั้น

อีกหนึ่งความท้าทายคือการถอนตัวเองออกมาจากกระบวนการตัดสินใจทุกอย่าง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกชายผมแทน เหมือนที่พ่อผมท่านเคยทำกับผม บางครั้งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับว่าพวกลูก ๆ เขากำลังทำอะไร แต่ผมเชื่อว่าผมได้ส่งต่อ DNA ธุรกิจที่ดีให้พวกเขา

อะไรคือสถานการณ์ที่ยากที่สุดที่คุณเคยเผชิญ? หรืออะไรคือข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดที่คุณเคยทำ?

คุณกวีพันธ์: ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมตอนนี้คือการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เราก่อตั้ง K.E. Group ในแบบธุรกิจครอบครัว แต่ตอนนี้เราต้องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมืออาชีพมากขึ้นในออฟฟิศ เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมนี้จะช่วยให้คนของเรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจมากขึ้นครับ

การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมกำลังจะมา

คุณกวีพันธ์: เรากำลังอยู่ในกระบวนการนั้นครับ และผมเชื่อว่าเราไม่สามารถโตได้มากหากยังเป็นธุรกิจครอบครัวอยู่ ถ้าคุณต้องการเติบโต ก็ต้องเปลี่ยนแปลงจากภายใน ลูกชายผมเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว และเขาก็เห็นภาพว่าบริษัทจะโตขึ้นอีกเยอะหากเราทำการพัฒนาความเป็นมืออาชีพในองค์กรต่อไป อย่างไรก็ตาม ความยากคือกระบวนการตัดสินใจครับ เพราะบางครั้งคนก็ชอบสิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้มากกว่า

จับประเด็นจากประสบการณ์ของคุณกวีพันธ์

  • สร้างความแตกต่างให้ตัวเอง และหากลุ่มเฉพาะของคุณ – K.E Group ต้องหาตลาดเฉพาะกลุ่มของตัวเองผ่านการสร้างสิ่งใหม่ๆ ออกไปสู่ตลาด และยังใช้นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีมาช่วยการบริหารรายได้และค่าใช้จ่าย
  • สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเสมอ – จริงอยู่ที่การใช้ตัวแทนขายจากข้างนอกนั้นง่ายกว่า แต่การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้านั้นต้องใช้ทีมขายในองค์กร รวมถึงต้องเจอกับลูกค้าด้วยตัวเอง ตัวคุณในอนาคตจะขอบคุณตัวคุณวันนี้ที่สร้างทีมขายภายในองค์กรขึ้นมา
  • เส้นทางสู่ความสำเร็จต้องทำกันเป็นทีม – ความสำเร็จของคุณกวีพันธ์เกิดจากไอเดียและประสบการณ์ของเขา นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับภรรยา รวมถึงอิทธิพลของคุณพ่อและลูกชายที่มีต่อธุรกิจ ชีวิต และการทำงาน
  • พัฒนาฝั่งการลงทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโต – K.E. Group มีแผนกบริหารสินทรัพย์ คล้ายๆ กับที่ Blackstone และไม่ได้เจาะเน้นแค่ Community mall ในเมืองไทย/ต่างประเทศ แต่ยังขยับขยายไปยังสินทรัพย์อื่นๆ เช่น โรงแรมและออฟฟิศ
  • ความเป็นมืออาชีพนั้นจำเป็นต่อการเติบโต – เมื่อถึงจุดหนึ่ง ธุรกิจต้องมีความเป็นมืออาชีพและกระบวนการที่แข็งแรงเพื่อจะได้เติบโตต่อไป การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมนี้คือข้อจำกัดด้านการเติบโตอันดับหนึ่งสำหรับ K.E. Group

Andrew Stotz

เรียนรู้เกี่ยวกับคุณกวีพันธ์และ K.E. Group ได้ในบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม (ภาษาอังกฤษ)

ที่มาบทความ: https://becomeabetterinvestor.net/business-dna-professional-teamwork-to-build-growth-in-real-estate/


**สนใจลงทุนพอร์ต All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย Andrew Stotz ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจดูข้อมูลและลงทุนในพอร์ตนี้ สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/port/andrew/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ

TSF2024