All Weather Strategy: กระจายการลงทุนเท่า ๆ กัน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย
คอนเซปต์หลักพอร์ต All Weather Strategy (AWS)
- Global: ลงทุนทั่วโลก
- Long-term: สร้างผลตอบแทนระยะยาว และจำกัดการขาดทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐาน
- Diversified: กระจายการลงทุนทั่วโลกใน 4 สินทรัพย์
ผลการดำเนินงาน AWS
- รีวิว: นักลงทุนกังวลกับการขึ้นดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- ผลงาน: สร้างผลงานเหนือกว่าพอร์ต 60/40 อยู่ 7% ในเดือนสิงหาคม
- น้ำหนัก: 25% ในสินทรัพย์ต่าง ๆ
- มุมมอง: ธนาคารกลางกำลังขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อ โดยการเกิดภาวะ stagflation (เงินเฟ้อสูง และเศรษฐกิจชะงักงัน) เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้
- สรุป FVMR รายภูมิภาค (พื้นฐานของหุ้น / Fundamentals, มูลค่าของหุ้น / Valuation, โมเมนตัมของหุ้น / Momentum และความเสี่ยง / Risk)
- ความเสี่ยง: เงินเฟ้อควบคุมได้ นโยบายการเงินทำให้ตลาดหุ้นปรับลงอย่างรุนแรง และเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ
รีวิว: ผลตอบแทนของดัชนีต่าง ๆ ทั่วโลก
- ตลาดสหรัฐฯ อ่อนแอในเดือนที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัว ยกเว้นตลาดหุ้นจีน
- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเช่นกัน
รีวิว: นโยบายการปลดหนี้เพื่อการศึกษาของไบเดนอาจสร้างแรงจูงใจผิด ๆ
รีวิว: นโยบายการปลดหนี้ และการผ่อนปรนทางเศรษฐกิจอาจเพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อ
รีวิว: ถ้าคุณจ่ายคืนหนี้ เงินเฟ้อจะทำให้คุณจนมากขึ้น
รีวิว: ตลาดเริ่มคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงขึ้น
รีวิว: ตลาดตอบสนองทางลบต่อถ้อยแถลงของประธาน FED ในการประชุมที่ Jackson Hole
รีวิว: การช่วยเหลือของสหภาพยุโรปให้กลุ่มสมาชิกที่ต้องการความช่วยเหลือ
รีวิว: นักลงทุนค่อนข้างวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในยุโรป
รีวิว: เยอรมนีเตรียมการสำหรับสถานการณ์เลวร้ายแล้ว
รีวิว: อาจเป็นคนส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถจ่ายค่าไฟในช่วงฤดูหนาวได้
รีวิว: อัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) สูงเกินกว่าคาดการณ์
รีวิว: อัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภค (CPI) ก็ทำสถิติใหม่เช่นกัน
รีวิว: อย่างไรก็ดี ราคาพลังงานเริ่มจะค่อย ๆ ปรับตัวลดลง
- โดยก่อนหน้านี้ 1 ปี ราคาพลังงานอยู่ที่น้อยกว่า 100 ยูโรต่อเมกะวัตต์
รีวิว: สถานการณ์ราคาพลังงานในฝรั่งเศสรุนแรงกว่าเยอรมนี
รีวิว: รัฐบาลฝรั่งเศสเตือนให้ประชาชนเตรียมการสำหรับรับมือฤดูหนาว
รีวิว: วิกฤตพลังงานอาจกินเวลายาวนาน
รีวิว: OPEC+ ไม่สามารถผลิตได้ตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งกดดันด้านอุปทาน
รีวิว: ราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นอาจทำให้ผลิตผลทางการเกษตรลดลง
- ราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นทำให้การใช้และผลิตปุ๋ยไม่คุ้มต้นทุน
- การขาดแคลนปุ๋ยอาจทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง
รีวิว: ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีฐานะยากจน
รีวิว: มีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน
ข้อสรุปที่สำคัญ
- ตลาดคาดหวังว่า FED และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรง แม้ว่ามีความเสี่ยงจะทำให้เศรษฐกิจถดถอย
- วิกฤตพลังงานในยุโรปยังไม่จบ
- เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อกลุ่มประเทศยากจน
- นักลงทุนกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว
รีวิว: น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022
- เราให้น้ำหนัก 25% ในแต่ละสินทรัพย์
- สำหรับการลงทุนในหุ้น เราให้น้ำหนักอย่างน้อย 5% ในแต่ละภูมิภาค
รีวิว: หุ้นโลกปรับตัวลงในปี 2022
- หุ้นโลกปรับตัวขึ้น 0% ในปี 2021 แต่ตั้งแต่ต้นปี 2022 ปรับตัวลง 17.5%
- ในเดือนสิงหาคม 2022 หุ้นโลกปรับตัวลง 6%
รีวิว: หุ้นสหรัฐฯ ทำผลงานได้แย่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเดือนสิงหาคม 2022
- เราให้น้ำหนัก 5% ในหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งปรับตัวลง0% ในเดือนสิงหาคม 2022
- นักลงทุนเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ
รีวิว: หุ้นยุโรปทำผลงานได้แย่ที่สุด
- เราให้น้ำหนัก 5% ในหุ้นยุโรปกลุ่มพัฒนาแล้ว ซึ่งปรับตัวลง4% ในเดือนสิงหาคม 2022
- วิกฤตพลังงาน และอัตราเงินเฟ้อยังกดดันเศรษฐกิจยุโรปต่อเนื่อง
รีวิว: ตลาดหุ้นจีนกดดันผลตอบแทนของหุ้นตลาดเกิดใหม่
- เราให้น้ำหนัก 5% ในหุ้นตลาดเกิดใหม่ ซึ่งปรับตัวลง 1% ในเดือนสิงหาคม 2022
- หุ้นไต้หวัน อินเดีย เกาหลีใต้ และบราซิลทรงตัว และถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ในการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
รีวิว: หุ้นเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น ปรับตัวลง 1.7% ในเดือนสิงหาคม 2022
- เราให้น้ำหนัก 5% ในหุ้นเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่น
- การปรับตัวลงของหุ้นจีนทำให้ผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มนี้ถูกกดดันเช่นกัน
รีวิว: ตลาดญี่ปุ่นสร้างผลตอบแทนได้ดีในเดือนสิงหาคม 2022
- เราให้น้ำหนัก 5% ในหุ้นญี่ปุ่น โดยปรับตัวขึ้นได้ 5% ในเดือนสิงหาคม 2022
- การอ่อนค่าของเงินเยนทำให้หุ้นกลุ่มส่งออก และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของญี่ปุ่นสร้างผลตอบแทนได้ดี
รีวิว: ตลาดตราสารหนี้ไทยทรงตัว
- เราให้น้ำหนัก 5% กับตราสารหนี้ไทย (แทนที่จะเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศ) ซึ่งทรงตัวในช่วงที่ผ่านมา
- วัตถุประสงค์หลักของการลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดขาลง
รีวิว: ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สร้างผลตอบแทนได้ดีเป็นอันดับ 2 ในเดือนสิงหาคม 2022
- เราให้น้ำหนัก 25% กับสินค้าโภคภัณฑ์
- ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นขาขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 และปรับตัวขึ้น 2% ในเดือนสิงหาคม 2022
รีวิว: สินค้าเกษตรสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุด
- ราคาพลังงานไม่ได้ช่วยสร้างผลตอบแทน โดยน้ำมัน WTI ปิดตลาดเดือนสิงหาคม 2022 ที่ 89 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
- ข้าวโพดและฝ้ายสร้างผลตอบแทนได้ดี เนื่องจากตลาดคาดว่าอุปทานจะลดลง
รีวิว: ทองคำปรับตัวลง
- เราให้น้ำหนัก 25% ในทองคำ
- ราคาทองคำอยู่ที่ 1,711 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในเดือนสิงหาคม หรือปรับตัวลง 0%
ใน 3 เดือนที่ผ่านมา: AWS ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าพอร์ต 60/40
- AWS ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าพอร์ต 60/40 อยู่9%
- สินค้าโภคภัณฑ์และทองคำกดดันผลตอบแทนของ AWS
เดือนสิงหาคม 2022: AWS สร้างผลตอบแทนดีกว่าพอร์ต 60/40 อยู่ 1.7%
- สินค้าโภคภัณฑ์: ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 2
- พันธบัตร: ทำผลงานได้ดีเป็นอันดับ 3
- ทองคำ: ปรับตัวลง แต่ถือว่าทำผลงานได้ดีเป็นอันดับ 4
ตั้งแต่จัดตั้ง AWS สร้างผลตอบแทนเหนือพอร์ต 60/40
- ตั้งแต่จัดตั้ง AWS สร้างผลตอบแทนมากกว่าพอร์ต 60/40 อยู่ 4% นับจนถึงเดือนสิงหาคม 2022
AWS สร้างผลตอบแทนได้ดี
- AWS ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพอร์ต 60/40 ในช่วงเวลาส่วนใหญ่
- ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่ AWS เริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2022
AWS มีความผันผวนต่ำกว่าพอร์ต 60/40
- สัดส่วนการลงทุนในหุ้น 25-65% ช่วยลดความผันผวน
- ทองคำช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ต เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับหุ้น
AWS ขาดทุนน้อยกว่าพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 9 ครั้งจาก 10 ครั้งในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมากที่สุด
- จุดเด่นสำคัญของ AWS คือ การจำกัดการขาดทุนเมื่อตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง
- นับตั้งแต่จัดตั้ง AWS ขาดทุนน้อยกว่าพอร์ต 60/40 อยู่ 9 วันถ้านับจากใน 10 วันที่หุ้นโลกทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุด
AWS ทำผลงานเหนือพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 ใน 62% ของเดือนทั้งหมด
- AWS สามารถสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าพอร์ต 60/40 ใน 26 เดือนจาก 42 เดือน
การปรับน้ำหนักการลงทุนใหม่
น้ำหนัก: ไม่มีการปรับน้ำหนักการลงทุนใหม่
- เราคงน้ำหนักการลงทุนที่ 25% ในสินทรัพย์ต่าง ๆ
- เราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นในแต่ละภูมิภาคอย่างน้อย 5%
มุมมอง: ราคาน้ำมันเป็นตัวผลักดันเงินเฟ้อ
- น้ำมันเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับการเกษตร การผลิต และการคมนาคม
- ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาอาจช่วยชะลออัตราเงินเฟ้อ หรือทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงได้
มุมมอง: แนวทางการแก้ไขปัญหาของแพง ก็คือราคาที่แพงนั่นเอง
- ราคาสินค้าและบริการที่แพงขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งจะทำให้ความต้องการลดลง
- ฐานเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะแสดงระดับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง
- ดังนั้น เงินเฟ้ออาจเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว แม้ว่าธนาคารกลางยังไม่ได้เข้าแทรกแซง
มุมมอง: ประธาน FED เหมือนจะพร้อมแล้วที่ต้องชะลอเศรษฐกิจ
- “แม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ย การเติบโตที่ช้าลง และตลาดแรงงานที่ลดความร้อนแรงจะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ แต่ว่าจะนำพามาซึ่งความเจ็บปวดต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ”
- “อย่างไรก็ดี เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นผลจากการสู้กับอัตราเงินเฟ้อ แต่ถ้าเราไม่ชะลออัตราเงินเฟ้อ ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่า”
มุมมอง: การขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายนได้ถูกตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว (priced in)
- ตลาดมั่นใจ 100% ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
- โดยเชื่อมั่น5% ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เข้าสู่ระดับ 3.00-3.25%
มุมมอง: ตั้งแต่เดือนมีนาคม ตลาดคาดว่า FED จะดำเนินนโยบายเข้มงวดมากขึ้น
- ตลาดเชื่อว่าดอกเบี้ยนโยบายจะสูงสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023
- FED จำเป็นต้องหาสมดุลระหว่างการชะลออัตราเงินเฟ้อ กับการหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
มุมมอง: การกลับทิศของกราฟอัตราส่วนผลตอบแทนพันธบัตร (inverted yield-curve) เป็นเครื่องมือคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ดี
- ตั้งแต่ปี 1970 inverted yield-curve จะเกิดขึ้นก่อนภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- หลังจากเกิด inverted yield curve จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยโดยเฉลี่ยภายใน 1 ปี
รีวิว: ECB ทำตาม FED
- การขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม 2022 ทำให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 0% แทนที่จะติดลบ ซึ่งเป็นสถานการณ์ตั้งแค่ปี 2014
- ECB มุ่งมั่นในการสู้กับเงินเฟ้อเหมือนกับ FED
- ตลาดคาดว่าในเดือนกันยายน ECB จะขึ้นดอกเบี้ย50-0.75%
- ECB ต้องขึ้นดอกเบี้ยให้ใกล้เคียงกับ FED มิเช่นนั้นค่าเงินยูโรจะอ่อนตัวลงอีก ทำให้เกิดภาวะขาดดุลทางการค้า
มุมมอง: ยังไม่มีการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัว (QT) เท่าไรนัก
- งบดุลของธนาคารกลางไม่โตขึ้นแล้ว หมายความว่าไม่ได้มีการอัดฉีดเงินเข้ามาใหม่
มุมมอง: การกระตุ้นเศรษฐกิจก็เหมือนกับการติดเฮโรอีน ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ต้องเลิกอยู่ดี
มุมมอง: FED จะเริ่ม QT เฟสใหม่ในเดือนกันยายน 2022
- FED ไม่ได้จะขายสินทรัพย์ แต่จะไม่ซื้อกลับ (reinvest) เมื่อสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) หมดอายุ
- FED วางแผนที่จะลดงบดุลประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2023
- เมื่อพิจารณารวมกับการขึ้นดอกเบี้ย น่าจะกดดันราคาหุ้น และทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก
- แต่ใครจะซื้อพันธบัตรรัฐบาล ถ้าไม่ใช่ FED
มุมมอง: เราเชื่อว่าธนาคารกลางจะกลับทิศนโยบายในอนาคต
- ธนาคารกลางสื่อสารว่าจะควบคุมให้เงินเฟ้อลดลง และนักลงทุนดูเหมือนว่าจะเชื่อเช่นนั้น
- เราเชื่อว่าธนาคารกลาง และนักการเมืองพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบาย หากมีความเสียหายเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ
มุมมอง: Stagflation จะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น
- ถ้าธนาคารกลางชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถหยุดเงินเฟ้อได้ จะเกิดภาวะ stagflation
- ภาวะ stagflation ส่งผลเสียต่อหุ้นและพันธบัตร
- สินค้าโภคภัณฑ์มักสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงเงินเฟ้อ และทองคำมักสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วง stagflation
- เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง เราเชื่อว่าการกระจายความเสี่ยงในหลาย ๆ สินทรัพย์เป็นกลยุทธ์ที่ดี
มุมมอง: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่อนข้างแข็งแกร่ง
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีบทบาทมากต่อตลาดการเงินโลก
- เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเหมือนสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยและการทำ QT จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นอีก
- เราเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความยืดหยุ่นต่อความเสี่ยงได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่น
- เรายังให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นในแต่ละภูมิภาคอย่างน้อย 5% เนื่องจากเราเชื่อว่าตลาดหุ้นยังอ่อนแอ
มุมมอง: ECB ก็ต้องสู้กับเงินเฟ้อเช่นกัน
- ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะกดดันการบริโภค และการผลิต
- เราคงน้ำหนัก 5% ในการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปกลุ่มพัฒนาแล้ว
มุมมอง: การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลลบต่อตลาดเกิดใหม่
- การขึ้นดอกเบี้ยของ FED น่าจะทำให้เงินเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่า สภาพคล่องในระบบลดลง และทำให้ตลาดเกิดใหม่ได้รับผลกระทบเชิงลบได้
- เงินเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) ซึ่งนักลงทุนอาจใช้พักเงินในช่วงที่สถานการณ์โลกมีความไม่แน่นอนสูง
มุมมอง: ตลาดเกิดใหม่ที่มีรายได้น้อย และตลาดเอเชียอาจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงานยุโรป
- เนื่องจากยุโรปต้องตามหาแหล่งพลังงานใหม่ ทำให้ราคาพลังงานน่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
- ประเทศที่รวยกว่าจะได้เปรียบในการให้ราคาสูงกว่าในการนำเข้าพลังงาน ซึ่งทำให้ประเทศที่จนกว่าได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงาน
มุมมอง: การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนยังเป็นข้อกังวล
- การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้การชำระหนี้ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำได้ยากขึ้น เนื่องจากจะต้องใช้เงินสกุลท้องถิ่นมาแลกมากขึ้น
- เรายังไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว
- รัฐบาลจีนยังคงสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ทำอย่างระมัดระวังไม่ให้มากจนเกินไป
มุมมอง: หุ้นจีนยังคงกดดันผลตอบแทนหุ้นตลาดเกิดใหม่ และตลาดเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น
- หุ้นจีนน่าจะยังคงกดดันผลตอบแทนหุ้นตลาดเกิดใหม่ และตลาดเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นต่อไป
- เราให้น้ำหนัก 5% ในหุ้นตลาดเกิดใหม่ และ 5% ในหุ้นตลาดเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น
มุมมอง: เงินเยนน่าจะอ่อนค่าต่อไป
- ข้อมูลภาคการผลิตของญี่ปุ่นยังคงอ่อนแอจากราคาพลังงาน และราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
- เราให้น้ำหนัก 5% ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
มุมมอง: เราให้น้ำหนัก 25% ในพันธบัตร
มุมมอง: พันธบัตรมักจะเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงนี้
- ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล มักให้ผลตอบแทนดี
- อย่างไรก็ดี ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำ อาจทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (real return) ติดลบ
- เราไม่ได้ใช้พันธบัตรในการเก็งกำไร เพื่อสร้างผลตอบแทน แต่เรามองว่าพันธบัตรสามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดี
มุมมอง: เราให้น้ำหนักสินค้าโภคภัณฑ์ที่ 25%
มุมมอง: ราคาพลังงานจะทรงตัวในระดับสูง
- การที่ยุโรปพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซียจะมีผลต่อราคาพลังงานในตลาด
- OPEC+ ผลิตต่ำกว่าเป้าหมาย ทำให้กดดันอุปทาน
มุมมอง: ปัจจัยพื้นฐานยังสนับสนุนราคาน้ำมัน
- สงครามในยูเครนน่าจะก่อให้เกิดปัญหาการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานต่อไปอีกระยะหนึ่ง
- ราคาพลังงานน่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป จากการลงทุนที่ไม่เพียงพอในโครงการใหม่ ๆ
- นอกจากพลังงานแล้ว รัสเซียยังเป็นผู้ส่งออกโลหะอุตสาหกรรมหลายชนิด รวมถึงรัสเซีย และยูเครนยังเป็นผู้ส่งออกสำคัญของสินค้าทางการเกษตร
- การเปิดเมืองอีกครั้งของจีนอาจทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขี้น
มุมมอง: ราคาพลังงานที่สูงขึ้น ส่งผลต่อราคาอาหาร แต่ราคาธัญพืชปรับตัวลง
- ก๊าซธรรมชาติใช้ในการทำปุ๋ย และราคาที่เพิ่มขึ้นของปุ๋ยทำให้เมล็ดพันธุ์ต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วย
- บริษัทผลิตปุ๋ยรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลกลดกำลังการผลิตปุ๋ยลง 50%
- ข้าวโพดถูกใช้เป็นอาหารของสัตว์ ซึ่งราคาข้าวโพดที่แพงขึ้นทำให้ราคาเนื้อสัตว์ปรับขึ้นตาม
มุมมอง: รัสเซียและยูเครนมีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 25% ของการค้าธัญพืชโลก
มุมมอง: ดัชนีราคาอาหารโลกปรับขึ้นสูงที่สุดในเดือนมีนาคม 2022 ที่ 160 และปัจจุบันอยู่ที่ 141 ในเดือนกรกฎาคม 2022
- การห้ามการส่งออกอาหารของบางประเทศทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและทำให้ราคาอาหารสูงขึ้น
- ราคาน้ำมันพืชและธัญพืชที่ปรับตัวลงทำให้ดัชนีราคาอาหารปรับตัวลง โดยน้ำมันพืชปรับตัวลง 19% และธัญพืชปรับตัวลง 11%
มุมมอง: ราคาสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะยังปรับขึ้นต่อได้
- “ห่วงโซ่อุปทานของโลกทำงานได้ดีในช่วงสงบสุข แต่ถ้าเกิดสงครามมักจะไม่ทำงาน” – Zoltan Pozsar
- การฟื้นตัวของความต้องการ (อาหารและพลังงาน) ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับสงครามจะผลักดันให้สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น
- ถ้าเกิดภาวะ stagflation คาดว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะสร้างผลตอบแทนได้ดี
มุมมอง: เราให้น้ำหนักทองคำที่ 25%
มุมมอง: ทองคำจะเป็นเหมือนหลักประกันป้องกันความเสี่ยง
- สงครามในยูเครนทำให้เกิดความไม่แน่นอน ผลักดันความคาดหวังอัตราเงินเฟ้อ ทำให้สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ได้รับความสนใจมากขึ้น
- อย่างไรก็ดี ความคาดหวังการขึ้นดอกเบี้ย และภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจกดดันราคาทองคำ
สรุป FVMR แต่ละภูมิภาค
- พื้นฐาน (Fundamentals): หุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ROE (Return on Equity) สูงที่สุด
- มูลค่า (Valuation): หุ้นตลาดเกิดใหม่มี PE (Price-to-Earnings) ต่ำที่สุด และหุ้นญี่ปุ่นมี PB (Price-to-Book) ต่ำที่สุด
- แนวโน้ม (Momentum): หุ้นญี่ปุ่นสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดในปีที่ผ่านมา
- ความเสี่ยง (Risk): หุ้นเอเชียแปซิฟิก และหุ้นญี่ปุ่น มีอัตราหนี้สินต่อทุน (Gearing) ต่ำที่สุด
ความเสี่ยง: เงินเฟ้อถูกควบคุมได้อย่างรวดเร็ว
- AWS ถูกปรับให้ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จากการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
- ถ้าธนาคารกลางสร้างความแปลกใจให้กับตลาดด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง พร้อมกับการดึงสภาพคล่องออกจากตลาด อาจจะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง
- เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแออาจลดความต้องการของสินค้าโภคภัณฑ์ กดดันทำให้ราคาต่ำลงได้
- ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นอาจปรับตัวลงพร้อมกับราคาพลังงาน เนื่องจากพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการผลิต
ข้อสรุปที่สำคัญ
- AWS สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าพอร์ต 60/40 อยู่ 7% ในเดือนสิงหาคม 2022
- ธนาคารกลางกำลังขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อ โดย stagflation เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้
- ความต้องการสินค้าจำเป็น (อาหารและพลังงาน) ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาห่วงโซ่อุปทานจะทำใหราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น
- พันธบัตรและทองคำใช้ในการลดความเสี่ยง
- ความเสี่ยง: เงินเฟ้อควบคุมได้ นโยบายการเงินทำให้ตลาดหุ้นปรับลงอย่างรุนแรง และเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ
Andrew Stotz
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >>แอปฯ FINNOMENA
ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ FINNOMENA
**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย Andrew Stotz ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/guruport-andrew-all-weather-create/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”