คอนเซปต์หลักพอร์ต All Weather Strategy (AWS)
- Global: ลงทุนทั่วโลก ไม่จำกัดแค่ในประเทศไทย
- Long-term: สร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้น และจำกัดการขาดทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นพักฐาน
- Diversified: กระจายการลงทุนทั่วโลกผ่าน 4 สินทรัพย์
ภาพรวม AWS
- รีวิว: หุ้นปรับตัวลงในภาพกว้าง
- ผลการดำเนินงาน: สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 ที่ 8%
- น้ำหนัก: เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำ ลดน้ำหนักหุ้นตลาดพัฒนาแล้วในยุโรป
- มุมมอง: สงครามในยูเครน ความต้องการสินค้าและบริการฟื้นตัว ท่ามกลางภาวะคอขวดด้านห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และทองคำปรับตัวขึ้น
- สรุป FVMR รายภูมิภาค (พื้นฐานของหุ้น / Fundamentals, มูลค่าของหุ้น / Valuation, โมเมนตัมของหุ้น / Momentum และความเสี่ยง / Risk)
- ความเสี่ยง: เงินเฟ้อควบคุมได้ มีการปิดเมืองอีกครั้ง การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง (crash)
รีวิว: หุ้นสหรัฐฯ ขับเคลื่อนดัชนีทั่วโลก
- หุ้นโลกปรับตัวลง 2.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลง 7.3%
รีวิว: สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นได้ดี ตั้งแต่เมษายน 2020
- สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น 5.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้น 17.7%
สัดส่วนน้ำหนักสินทรัพย์นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021
- น้ำหนักการลงทุนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021
รีวิว: หุ้นสหรัฐฯ เป็นผู้นำในระยะยาวอย่างแท้จริง
สัดส่วนน้ำหนักหุ้นตามภูมิภาคนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021
- น้ำหนักการลงทุนในหุ้น แยกเป็นภูมิภาคตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021
รีวิว: เน้นหนักในตลาดหุ้นประเทศตะวันตกที่พัฒนาแล้ว
- เมื่อเดือนมิถุนายน 2021 เราปรับสัดส่วน 25% จากตลาดเกิดใหม่ และเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) มายังหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นยุโรปประเทศพัฒนาแล้ว
- เราไม่ได้ปรับสัดส่วนในเดือนกันยายน และเดือนธันวาคม
รีวิว: การขึ้นดอกเบี้ยของ FED และภาวะสงครามที่กดดันหุ้นสหรัฐฯ
- ในเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำผลงานได้น่าผิดหวังเป็นอันดับที่ 2 โดยปรับตัวลง9%
- FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2022 และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียจากกรณีสงครามในยูเครน ทำให้หุ้นสหรัฐฯ สร้างผลตอบแทนที่อ่อนแอ
- หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมูลค่าหุ้นถูกประเมินไว้สูง
รีวิว: ตลาดพัฒนาแล้วในยุโรปปรับตัวลงมากที่สุด
- ตลาดพัฒนาแล้วในยุโรปปรับตัวลงมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปรับลง9%
- ยังมีความไม่แน่นอนสูงว่า ยุโรปจะมีท่าทีต่อรัสเซียอย่างไร เนื่องจากยุโรปพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างมีนัยสำคัญ
รีวิว: หุ้นตลาดเกิดใหม่ปรับตัวลงเช่นกัน
- หุ้นตลาดเกิดใหม่ปรับตัวลง9% โดยทำผลงานได้น่าผิดหวังเป็นอันดับ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
- นักลงทุนหาแหล่งลงทุนปลอดภัย (safe havens) จากภาวะสงคราม ทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำ และเงินเหรียญสหรัฐฯ
- การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ กดดันหุ้นตลาดเกิดใหม่
ผลตอบแทนของดัชนีต่าง ๆ ทั่วโลก
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์
- ตลาดหุ้นจีน ซึ่งมีน้ำหนักมากในตลาดหุ้นเกิดใหม่ เอเชียและแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) ถูกกดดันมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- ตลาดหุ้นรัสเซียปรับตัวลงมากที่สุด โดยมีน้ำหนักประมาณ 3% ของตลาดหุ้นเกิดใหม่
รีวิว: ตลาดตราสารหนี้ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ
- เรามีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่ 5% ซึ่งเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์
- จุดประสงค์ของการถือครองตราสารหนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงสำหรับตลาดขาลง (downside protection)
- ตราสารทุนทั้งหมดปรับตัวลงในเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าเราถือครองพันธบัตรมากขึ้นน่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่านี้
รีวิว: สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
- ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์สร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดใน AWS
- ทั้งนี้ การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนดีกว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยสินค้าโภคภัณฑ์ให้ผลตอบแทน 9%
รีวิว: สงครามในยูเครนทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น
- สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นถึง 9% ในเดือนกุมภาพันธ์
- รัสเซียเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิด และยูเครนเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่
- ราคาน้ำมัน (WTI) ปิดตัวที่ 96 เหรียญ/บาร์เรล ในเดือนกุมภาพันธ์
รีวิว: ทองคำสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
- เรามีเป้าหมายลงทุนในทองคำ 5% ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น5% ในเดือนกุมภาพันธ์
- ราคาทองคำปิดตัวที่ 1,909 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ในเดือนกุมภาพันธ์
- ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe havens) และนักลงทุนมักถือครองในช่วงสงคราม
3 เดือนที่ผ่านมา: AWS สร้างผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง
- AWS: สร้างผลตอบแทนเหนือพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 อยู่ 3.3%
- สินค้าโภคภัณฑ์: สร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดจากสินทรัพย์ทั้งหมด
- หุ้นตลาดพัฒนาแล้วในยุโรป: สร้างผลตอบแทนได้ดีเป็นอันดับ 2 จากหุ้นทั้งหมด
- หุ้นสหรัฐฯ: สร้างผลตอบแทนได้ดีเป็นอันดับ 3 จากหุ้นทั้งหมด
1 เดือนที่ผ่านมา: AWS สร้างผลตอบแทนดีกว่าพอร์ตแบบดั้งเดิม 0.8%
- AWS: สร้างผลตอบแทนเหนือพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 อยู่ 8%
- สินค้าโภคภัณฑ์: สร้างผลตอบแทนได้ดีเป็นอันดับ 2 จากสินทรัพย์ทั้งหมด
- หุ้นตลาดพัฒนาแล้วในยุโรป: สร้างผลตอบแทนได้แย่ที่สุด
- หุ้นสหรัฐฯ: สร้างผลตอบแทนได้แย่ที่สุดเป็นอันดับ 2
AWS สร้างผลตอบแทนเหนือพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40
- นับตั้งแต่จัดตั้ง AWS มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 45-65% และในทองคำ 25%
- AWS สร้างผลตอบแทนมากกว่าพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 5.2% นับจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2022
ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS มีความผันผวนต่ำกว่าพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40
- สัดส่วนการลงทุนในหุ้น 25-65% ช่วยลดความผันผวน
- ทองคำช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ต เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับหุ้น
ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS ขาดทุนน้อยกว่าพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 8 ครั้งจาก 10 ครั้งในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมากที่สุด
- จุดเด่นสำคัญของ AWS คือ การจำกัดการขาดทุนเมื่อตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง
- นับตั้งแต่จัดตั้ง AWS ขาดทุนน้อยกว่าพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 80% ใน 10 วันที่หุ้นโลกทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุด
ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS ทำผลงานเหนือพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40 ใน 63% ของเดือนทั้งหมด
- ในช่วง 23 เดือนจาก 36 เดือน AWS สามารถเอาชนะพอร์ตการลงทุนดั้งเดิมแบบ 60/40
น้ำหนักการลงทุน: เราเพิ่มน้ำหนักทองคำ และลดน้ำหนักหุ้น
- เราลดน้ำหนักหุ้นเหลือ 45% จาก 65%
- เราเพิ่มน้ำหนักทองคำเป็น 25% จาก 5%
- เราคงน้ำหนักสินค้าโภคภัณฑ์ที่ 25% และพันธบัตรที่ 5%
มุมมอง: เราคาดการณ์ความผันผวนระยะสั้น
- เราคาดการณ์ความผันผวนระยะสั้น จากสงครามในยูเครน
- เราลดน้ำหนักหุ้นเหลือ 45% จาก 65% และเพิ่มน้ำหนักทองคำเป็น 25% จาก 5%
น้ำหนักการลงทุน: เราลดน้ำหนักตลาดพัฒนาแล้วในยุโรปเหลือ 5%
- เราคงน้ำหนักหุ้นสหรัฐฯ ที่ 25%
- เราลดน้ำหนักหุ้นตลาดพัฒนาแล้วในยุโรปเหลือ 5% จาก 25%
มุมมอง: เราคาดหวังว่า FED จะช่วยขับเคลื่อนตลาดสหรัฐฯ เมื่อจำเป็น
- บริษัทสัญชาติอเมริกันทำผลงานได้ดีและมีอำนาจต่อรองด้านราคาทั่วโลก
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการใช้จ่ายภาครัฐ
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และพรรคเดโมแครต ต้องการให้นายเจอโรม พาวเวลช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งกลางสมัยช่วงเดือนพฤศจิกายน
มุมมอง: เราคาดหวังว่า FED จะช่วยขับเคลื่อนตลาดสหรัฐฯ เมื่อจำเป็น
- บริษัทสัญชาติอเมริกันทำผลงานได้ดีและมีอำนาจต่อรองด้านราคาทั่วโลก
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการใช้จ่ายภาครัฐ
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และพรรคเดโมแครต ต้องการให้นายเจอโรม พาวเวลช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งกลางสมัยช่วงเดือนพฤศจิกายน
- แม้ว่า FED จะเริ่มการลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์ และทยอยขึ้นดอกเบี้ย แต่เรามองว่า ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มปรับฐานรุนแรง FED อาจกลับท่าทีดังกล่าว
มุมมอง: ตลาดเชื่อมั่นว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม
- ตลาดมั่นใจ 100% ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2022
- ตลาดคาดว่ามีโอกาส 24% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 50-0.75% โดยเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ตลาดคิดว่ามีโอกาสเพียงแค่ 6%
มุมมอง: ยังไม่มีการดำเนินนโยบายแบบตึงตัว (Quantitative Tightening)
- แม้ว่า FED จะลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์ และเตรียมการขึ้นดอกเบี้ย แต่เราเชื่อว่าหากตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง FED จะเปลี่ยนท่าที
- สถานการณ์สงครามในยูเครนอาจทำให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยด้วยความเร่ง และความแรงที่น้อยลง
มุมมอง: ท่าทีของ FED จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่
- การลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์ ขึ้นดอกเบี้ยของ FED น่าจะทำให้เงินเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่า สภาพคล่องในระบบลดลง และทำให้ตลาดเกิดใหม่ได้รับผลกระทบเชิงลบได้
- เงินเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) ซึ่งนักลงทุนอาจใช้พักเงินในสถานการณ์สงครามในยูเครน
มุมมอง: ตลาดหุ้นจีนยังมีน้ำหนักมากในตลาดหุ้นเกิดใหม่
- ตลาดหุ้นเกิดใหม่ประกอบด้วยหุ้นจีนที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก
มุมมอง: ตราสารหนี้ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ
- ในระยะสั้น เราคิดว่าตราสารหนี้จะทำผลงานแย่กว่าหุ้น
- นั่นเป็นเหตุผลที่เราให้น้ำหนักการลงทุนเพียง 5%
- เราลงทุนในตราสารหนี้ไทย ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยของ FED น่าจะไม่ส่งผล หรือส่งผลน้อยต่อการลงทุนดังกล่าว
- ทั้งนี้ หากไทยมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เรามองว่าตราสารหนี้ระยะสั้นจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า
มุมมอง: ราคาพลังงานจะปรับขึ้นต่อ
- ความไม่สมดุลระหว่างความต้องการ และกำลังการผลิตของสินค้าประเภทพลังงาน (ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน) จะทำให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น
- การที่ยุโรปพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซียจะมีผลต่อราคาพลังงานในตลาด
มุมมอง: ความชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน
- นอกจากพลังงานแล้ว รัสเซียยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ในโลหะอุตสาหกรรม
- ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิด
มุมมอง: ผลกระทบอาจมีต่อเนื่องในอนาคต
- การชะงักงันของอุปทานจากสงคราม และการคว่ำบาตรอาจจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
- การฟื้นตัวของอุปสงค์ เงินเฟ้อ และสงครามในยูเครนทำให้เราให้น้ำหนักการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ 25%
มุมมอง: ความไม่แน่นอนจะผลักดันราคาทองคำ
- สงครามในยูเครนทำให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ได้รับความสนใจมากขึ้น
- ความคาดหวังของเงินเฟ้ออาจปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน และสินค้าโภคภัณฑ์
- เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนทองคำเป็น 25% จาก 5% เพื่อสร้างพอร์ตเชิงรับมากขึ้น
สรุป FVMR แต่ละภูมิภาค
- พื้นฐาน (Fundamentals): หุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ROE (Return on Equity) สูงที่สุด
- มูลค่า (Valuation): หุ้นตลาดเกิดใหม่มี PE (Price-to-Earnings) ต่ำสุด และหุ้นญี่ปุ่นมี PB (Price-to-Book) ต่ำสุด
- แนวโน้ม (Momentum): หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
- ความเสี่ยง (Risk): หุ้นญี่ปุ่นมีอัตราหนี้สินต่อทุน (Gearing) ต่ำที่สุด
ความเสี่ยง: เงินเฟ้อถูกควบคุมได้อย่างรวดเร็ว
- AWS ถูกปรับให้ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2022
- มีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยชั่วคราว และอาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานของ AWS
- การคลี่คลายของสงครามในยูเครนน่าจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำปรับตัวลง
ความเสี่ยง: ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจนำไปสู่การล็อกดาวน์
- แม้ว่าเรามองว่าความเสี่ยงในการกลับไปปิดเมืองอีกครั้งค่อนข้างน้อย แต่ความไม่แน่นอนยังมีสูงอยู่
- COVID-19 สายพันธุ์ใหม่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่ประเทศต่าง ๆ อาจกลับไปใช้มาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งจะเป็นผลลบต่อตลาดหุ้น
ความเสี่ยง: การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง (Crash)
- ถ้าสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง และมากกว่าที่ตลาดคาด อาจทำให้หุ้นปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และน่าจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนตามไปด้วย
สรุป รีวิวพอร์ต All Weather Strategy ประจำเดือนมีนาคม 2022
- AWS ทำผลตอบแทนได้เหนือกว่าพอร์ตสัดส่วน 60/40 อยู่ 8% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
- การที่ FED ไม่ต้องการให้ตลาดปรับฐานรุนแรงอาจทำให้หุ้นปรับตัวสูงขึ้น
- ภาวะสงคราม อุปสงค์ที่ฟื้นตัว และปัญหาห่วงโซ่อุปทานจะช่วยขับเคลื่อนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ
- ความเสี่ยง: เงินเฟ้อควบคุมได้อย่างรวดเร็ว การล็อกดาวน์ครั้งใหม่เกิดขึ้น และ FED ขึ้นดอกเบี้ยทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง
Andrew Stotz
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >>แอปฯ FINNOMENA
ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ FINNOMENA
**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย Andrew Stotz ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/guruport-andrew-all-weather-create/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”