All Weather Strategy ธันวาคม 2021: "โอไมครอน" อาจไม่ส่งผลต่อหุ้น

คอนเซปต์หลักพอร์ต All Weather Strategy

  • Global – ลงทุนทั่วโลก ไม่จำกัดเพียงแค่ในประเทศไทย
  • Long-term – สร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้น และลดการสูญเสียในช่วงที่ตลาดหุ้นพักฐาน
  • Diversified – กระจายการลงทุนทั่วโลกผ่าน 4 สินทรัพย์

ภาพรวม All Weather Strategy

รีวิว: 

  • หุ้นสหรัฐฯ ทำผลงานได้ดีที่สุด
  • ผลการดำเนินงาน: ทำผลงานได้พอกันกับพอร์ตการลงทุนแบบ 60/40
  • น้ำหนักการลงทุน: สัดส่วนคงเดิม
  • มุมมอง: ธนาคารกลางฝั่งตะวันตกยังคงมีนโยบายการเงินเชิงรุก โภคภัณฑ์มีปัจจัยหนุนจากวิกฤตพลังงานและปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลก
  • สรุป FVMR รายภูมิภาค
  • ความเสี่ยง: เงินเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว เกิดการล็อกดาวน์ครั้งใหม่และสหรัฐฯ ล้มละลาย

รีวิว: หุ้นสหรัฐฯ ผลักดันหุ้นโลก 

 

รูปที่ 1: รูปเปรียบเทียบผลตอบแทนสินทรัพย์

ข้อมูล ณ วันที่ 30.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

รีวิว: เน้นหนักในตลาดพัฒนาแล้วฝั่งตะวันตก

  • ความกังวลและความกลัวเกี่ยวกับการล็อกดาวน์กลับมาอีกครั้ง หลังข่าวเรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่  “โอไมครอน” ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
  • ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงในช่วงสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้ผลตอบแทนที่ทำได้ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้าถูกทดแทน
  • มีเพียงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีราคาปิดเป็นบวก

รีวิว: ข่าวโอไมครอนเขย่าตลาดหุ้น

  • ในการอัปเดตครั้งก่อนหน้า เราคาดการณ์ว่าสภาสหรัฐฯ จะปรับเพิ่มเพดานหนี้ซึ่งอาจทำให้หุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว
  • สภาสหรัฐฯ ปรับเพิ่มเพดานหนี้เป็นจำนวน 4.8 แสนล้านเหรียญ จนทำให้หุ้นสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดใหม่และทำผลงานได้ดีที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม 2021

รีวิว: ตลาดหุ้นยุโรปพัฒนาแล้วทำผลงานเป็นอันดับ 3 ในหมวดหุ้น

  • เราปรับสัดส่วนไปยังยุโรปจากการเปิดเมือง และการที่ธนาคารกลางยุโรปยังไม่ต่อกรกับเงินเฟ้อ
  • ท่ามกลางความกังวลและความกลัวเรื่องการล็อกดาวน์ที่อาจกลับมาส่งผลต่อตลาด หุ้นยุโรปพัฒนาแล้วทำผลงานได้ดีหากเทียบกับตลาดเกิดใหม่และเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น

รีวิว: หุ้นตลาดเกิดใหม่และเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นทำผลงานได้ไม่ดี

  • ความกังวลเกี่ยวกับการล็อกดาวน์จากโอไมครอน หรือการเปิดเศรษฐกิจที่ดำเนินการได้ช้าส่งผลต่อผลการดำเนินงาน
  • การแทรกแซงของรัฐบาลจีนเกี่ยวกับ “Evergrande” ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของหุ้นจีน
  • จีนมีสัดส่วนเป็นหลักในตลาดเกิดใหม่และเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น

รีวิว: คงสัดส่วนตราสารหนี้ในระดับต่ำที่ 5%

  • เรามีสัดส่วนลงทุนในตราสารหนี้ที่ 5% เนื่องจากมีความน่าสนใจน้อยกว่าหุ้น
  • กลยุทธ์ คือ ถือครองเพียงพันธบัตรรัฐบาลไทยเพียงเท่านั้น มากกว่าการถือพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้เอกชนทั่วโลก
  • นอกเหนือจากหุ้นสหรัฐฯ สินทรัพย์อื่น ๆ ปรับตัวลงในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น การปรับสัดส่วนมายังตราสารหนี้มากขึ้นอาจส่งผลที่ดีกว่า

รีวิว: กลุ่มพลังงานส่งผลต่อการปรับตัวลงของโภคภัณฑ์

 

รูปที่ 2: เปรียบเทียบผลตอบแทนสินค้ากลุ่มโภคภัณฑ์

ข้อมูล ณ วันที่ 30.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

  • กลุ่มพลังงานปรับตัวลง 17% ในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลเชิงลบเล็กน้อยต่อกลุ่มโภคภัณฑ์

รีวิว: ทองคำปรับตัวลงเล็กน้อย

  • เรามีสัดส่วนลงทุนในทองคำอย่างน้อย 5%
  • การดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อเนื่องของนาย เจอร์โรม พาวเวล ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
  • ราคาทองคำปิดตัวที่ 1,774 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ในเดือนพฤศจิกายน

3 เดือนที่ผ่านมา:  มีเพียงหุ้นสหรัฐฯ และตราสารหนี้ที่ปรับตัวขึ้น

 

รูปที่ 3: ภาพแสดงผลตอบแทนพอร์ต AWS เทียบสินทรัพย์อื่น ๆ

ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

  • AWS: ทำผลงานตามหลังพอร์ตการลงทุนแบบ 60/40 อยู่ 0.1%
  • หุ้นสหรัฐฯ: ทำผลงานได้ดีที่สุด
  • หุ้นยุโรปพัฒนาแล้ว: ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ในหมวดหุ้น
  • โภคภัณฑ์: ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ในหมวดสินทรัพย์

ทำผลงานได้ต่ำกว่าพอร์ตการลงทุนแบบ 60/40 ดั้งเดิมเล็กน้อย

 

รูปที่ 4: ผลดำเนินงานพอร์ต AWS เทียบกับพอร์ตดั้งเดิมแบบ 60/40

ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

  • นับตั้งแต่จัดตั้งกลยุทธ์ AWS มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 45-65% เป็นส่วนใหญ่และมีสัดส่วนในทองคำ 25%
  • ลดความเสี่ยงขาลงหากเทียบกับกลยุทธ์การลงทุนผ่านหุ้นเพียงอย่างเดียว

ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS มีความผันผวนต่ำกว่าพอร์ตดั้งเดิมแบบ 60/40 

 

รูปที่ 5: เปรียบเทียบความผันผวนพอร์ต AWS กับสินทรัพย์ต่าง ๆ

ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

  • สัดส่วนลงทุนในหุ้น 25-65% ช่วยลดความผันผวน
  • ทองคำช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับหุ้น

ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS มีการสูญเสียน้อยกว่าพอร์ตดั้งเดิมแบบ 60/40 ในช่วง 8 ใน 10 วันที่หุ้นโลกทำผลงานย่ำแย่ที่สุด

 

รูปที่ 6: พอร์ต AWS มีการสูญเสียน้อยกว่าหุ้นโลกในช่วง 8 ใน 10 วันที่หุ้นโลกทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุด

ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

  • จุดเด่นสำคัญของพอร์ต AWS คือ การลดความสูญเสียเมื่อตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง
  • นับตั้งแต่จัดตั้งพอร์ต AWS สูญเสียน้อยกว่าพอร์ตดั้งเดิมแบบ 60/40 คิดเป็น 80% ของจำนวนวันทั้งหมด 10 วันที่หุ้นโลกทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุด

ตั้งแต่ก่อตั้ง: AWS ทำผลงานเหนือพอร์ตดั้งเดิมแบบ 60/40 จาก 61% ของเดือนทั้งหมด

 

รูปที่ 7: เปรียบเทียบผลการดำเนินงาน AWS และพอร์ตดั้งเดิมแบบ 60/40 จาก 61% ของเดือนทั้งหมด

ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

  • ในช่วง 20 เดือนจาก 33 เดือน พอร์ต AWS สามารถเอาชนะพอร์ตดั้งเดิมแบบ 60/40

สัดส่วนน้ำหนัก: สัดส่วนสินทรัพย์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

รูปที่ 8: ภาพแสดงสัดส่วนสินทรัพย์พอร์ต AWS

ข้อมูล ณ วันที่ 3 ธ.ค. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

  • คงสัดส่วนหุ้นที่ 65% และโภคภัณฑ์ที่ 25%
  • คงสัดส่วนตราสารหนี้และทองคำไว้อย่างละ 5%

สัดส่วนน้ำหนัก: สัดส่วนภูมิภาคยังไม่เปลี่ยนแปลง

 

รูปที่ 9: ภาพแสดงสัดส่วนภูมิภาคที่ลงทุนพอร์ต AWS

ข้อมูล ณ วันที่ 3 ธ.ค. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

  • คงสัดส่วนในสหรัฐฯ และยุโรปพัฒนาแล้วที่ 25%

มุมมอง: ตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

  • ในขณะที่ข่าว “ไอไมครอน” สร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดการเงิน แต่การประเมิน ณ ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าเพียงแต่แพร่ระบาดได้เร็วกว่า
  • หากสมมติฐานดังกล่าวถูกต้องไวรัสอาจไม่ส่งผลเชิงลบต่อตลาด
  • ดังนั้น ตลาดหุ้นควรฟื้นตัวได้จากความยุ่งยากที่เผชิญ

มุมมอง: Fed อาจยังไม่ลดการเข้าซื้อสินทรัพย์

  • “ผมคิดว่ามันถึงเวลาปรับลดวงเงิน QE แต่ยังไม่ถึงเวลาของการลดดอกเบี้ย” เจอร์โรม พาวเวลล์ กล่าว ณ วันที่ 22 ต.ค. 2021
  • นับตั้งแต่นาย เจอร์โรม พาวเวล ดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง เขาเริ่มสื่อสารว่ามาตรการสนับสนุนในช่วงโรคระบาดควรลดลงในอัตราที่เร็วขึ้นและเงินเฟ้ออาจไม่เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว
  • ประธานเฟดยืนยันความคาดหวังของเราที่ Fed อาจลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ในปีนี้ แต่จะยังไม่ทำการปรับขึ้นดอกเบี้ย

มุมมอง: Fed จะสนับสนุนตลาดหุ้นสหรัฐ ต่อไป

  • ภาระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สูงอาจทำให้ Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระดับที่เร็วหรือมากเกินไป
  • ตลาดกำลังให้ความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยที่ 70% ในเดือน มิถุนายน 2022 เทียบกับในเดือนตุลาคมที่ 50%
  • เราคาดว่า Fed จะสนับสนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เท่าที่ทำได้ ดังนั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ควรฟื้นตัวจากการปรับฐานในช่วงล่าสุด

มุมมอง: ยุโรปอาจยังไม่ลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ในปีนี้เช่นเดียวกัน

  • คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB เชื่อว่าเงินเฟ้อเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเช่นเดียวกับ เจอร์โรม พาวเวลล์
  • คริสติน ลาการ์ด เปิดเผยถึงการหยุดมาตรการกระตุ้นฉุกเฉินในช่วงโรคระบาด (PEPP) ในเดือน มีนาคม ปี 2022 แต่ยังคงการอัดฉีดอื่น ๆ ต่อเนื่อง
  • ดังนั้นการไม่ลดวงเงินอัดฉีด การผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และเงินเฟ้อ เป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นยุโรปพัฒนาแล้ว

มุมมอง: จีนยังคงเผชิญความไม่แน่นอน

  • นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการควบคุมและสถานการณ์อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
  • ความกังวลต่อเนื่องเป็นผลลบต่อจีน รวมถึงสัดส่วนน้ำหนักที่มากของจีนในดัชนีตลาดเกิดใหม่และเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น อาจทำให้ดัชนีดังกล่าวมีผลงานที่แย่ลง

มุมมอง: ตราสารหนี้ยังไม่น่าสนใจ

  • เราคาดว่าตราสารหนี้จะทำผลงานได้ไม่ดี ดังเช่นการที่เราคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้น
  • สิ่งนี้สะท้อนผ่านสัดส่วน 5%

มุมมอง: ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อโภคภัณฑ์

  • เราคาดว่าราคาพลังงานจะฟื้นตัว หลังความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานยังคงอยู่
  • สภาพอากาศที่ย่ำแย่และราคาก๊าสธรรมชาติที่สูงอาจส่งผลให้ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลมายังสินค้าโภคภัณฑ์เกษตร
  • ภาวะห่วงโซ่อุปทานโลกที่หยุดชะงักจากการปิดเศรษฐกิจของรัฐอาจมีผลในระยะยาวที่ยาวกว่านี้

มุมมอง: ปัญหาห่วงโซ่อุปทานอาจทำให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

  • คาดว่าการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจตะวันตกและจีนจะช่วยสนับสนุนโภคภัณฑ์
  • ปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกจากการปิดเศรษฐกิจของรัฐอาจเป็นมากกว่าปัญหาชั่วคราว

มุมมอง: ทองคำยังไม่มีปัจจัยหนุน

  • ในระยะยาว หากเรื่องราวด้านเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อเนื่อง ประเด็นดังกล่าวอาจนำไปสู่ความคาดหวังเรื่องผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนราคาทองคำ
  • เราไม่คิดว่า Fed และ ECB จะมีถ้อยแถลงเหนือความคาดหมาย เราจึงไม่เห็นการสื่อสารที่จะช่วยผลักดันราคาทองคำไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

สรุป FVMR แต่ละภูมิภาค

 

รูปที่ 10: สรุป FVMR หุ้นแต่ละกลุ่มประเทศ

ข้อมูล ณ วันที่ 30.ย. 2021 (ที่มา: A.Stotz Investment Research, Refinitiv)

  • พื้นฐาน (Fundamentals): หุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ROE (Return on Equity) สูงที่สุด
  • มูลค่า (Valuation): ตลาดเกิดใหม่มี PE (Price-to-Earnings) ต่ำสุด และญี่ปุ่นมี PB (Price-to-Book) ต่ำสุด
  • แนวโน้ม (Momentum): หุ้นสหรัฐฯ ขึ้นเยอะสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
  • ความเสี่ยง (Risk): ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และญี่ปุ่น มีอัตราหนี้สินต่อทุน (Gearing) ต่ำที่สุด

ความเสี่ยง: เงินเฟ้ออาจเป็นเรื่องชั่วคราว

  • พอร์ต AWS ถูกปรับให้ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
  • มีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยชั่วคราว และอาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานของเรา
  • นอกจากนั้น ความคาดหวังต่อผลตอบแทนในภาวะเงินเฟ้อ ตั้งอยู่บนพื้นฐานการปรับขึ้นดอกเบี้ย
  • แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงปลายปี 2022

ความเสี่ยง: ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่อาจนำไปสู่การล็อกดาวน์

  • หากรัฐบาลในประเทศพัฒนาแล้วที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับสูงทำการล็อกดาวน์อีกครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อตลาดดังกล่าว
  • หากประเทศส่วนใหญ่ในโลกปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ความต้องการโภคภัณฑ์อาจได้รับผลกระทบ

ความเสี่ยง: การล้มละลายของสหรัฐฯ

  • ในขณะที่สภาอเมริกันซื้อเวลาผ่านการขยายเพดานหนี้ แต่ประเด็นดังกล่าวอาจกลับมาอีกครั้งอย่างเร็วที่สุดในเดือนธันวาคม
  • หากสหรัฐฯ ล้มละลาย หุ้นสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และอาจรวมไปถึงหุ้นโลก

สรุป รีวิวพอร์ต All Weather Strategy ประจำเดือนพฤษจิกายน 2021

  • พอร์ต AWS ทำผลตอบแทนได้พอกันกับพอร์ตสัดส่วน 60/40 ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การไม่ปรับลดวงเงินอัดฉีดของ Fed และ ECB อาจทำให้หุ้นไปต่อ
  • โภคภัณฑ์ได้รับการขับเคลื่อนจากวิกฤตพลังงานและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
  • ความเสี่ยง: เงินเฟ้อเป็นเรื่องชั่วคราว การล็อกดาวน์ครั้งใหม่เกิดขึ้นและสหรัฐฯ เกิดการล้มละลาย

Andrew Stotz

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้

ผ่านมือถือ/Tablet >>แอปฯ FINNOMENA
ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ FINNOMENA

**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย Andrew Stotz ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://www.finnomena.com/guruport-andrew-all-weather-create/ หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลยครับ


คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน  | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”

TSF2024