(ที่มา: https://www.facebook.com/read.global.news/posts/1897960586924210?__tn__=K-R โดยอ่านข่าวนอก)
สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนมักเจอเมื่อโดนคนชวนลงทุนก็คือคำพูดที่ว่า “LTF ลงทุนไปเถอะ ยังไงก็กำไร ได้ทั้งลดหย่อนภาษี ได้ทั้งกำไรจากกองทุน สองต่ออย่างนี้พลาดได้อย่างไร” แต่จะจริงหรือไม่ วันนี้เรามาลองดูกัน
5 ปี คือขั้นต่ำในการลงทุนในกองทุน LTF … หลายๆ คนคงถามว่าเอ๊ะ ไม่ใช่ 7 ปีหรือ
ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่นะครับ เพราะกฏการถือครองของ LTF คือ 7 ปีปฏิทิน ซึ่งนั่นหมายถึงหากเราทำการซื้อกองทุน LTF วันสุดท้ายของปี ซึ่งอาจจะเป็นวันที่ 29 หรือ 30 ธันวาคม นั่นก็นับเป็น 1 ปีปฏิทินแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องการขาย เราก็สามารถทำรายการขายกองทุน LTF ได้นับตั้งแต่วันแรกที่ย่างเข้าปีที่ 7 ในทันที
ซึ่งนั่นจะทำให้ระยะเวลาที่เราถือครองจริงๆ นั้นคิดเป็นสั้นที่สุดประมาณ 5 ปี กับ 3 วัน เท่านั้นเอง
แต่จริงหรือ ที่ถือครอง 5 ปีดังกล่าว จะช่วยให้กำไรได้อย่างแน่นอน
จะซื้อตอนต้นปี, ซื้อตอนปลายปี ซื้อตอนหุ้นทำ new high, ซื้อตอนหุ้น bottom, ซื้อก่อนวิกฤติซับไพรม์, ซื้อหลังเกิดซับไพรม์, ซื้อตอนปฏิวัติ, ซื้อตอนไฟไหม้ . . .
ซื้อ LTF ตอนไหนก็กำไร ขอแค่ซื้อและถือไว้อย่างน้อย 5 ปี จริงหรือ?
จาก LTF ทั้งหมด 78 กองทุนที่มีอยู่ในตลาด ณ ตอนนี้ ทาง FINNOMENA ได้มีระบบ BIC หรือที่ย่อมาจาก Best-in-Class ทำให้ได้กองทุน LTF ที่ดีที่สุด เรียงลงมาตามลำดับ ซึ่งการเลือก BIC นี้ก็มิใช่เลือกแต่ผลตอบแทนเท่านั้น เพราะ FINNOMENA ได้ทำการเลือกจากปัจจัย 2 ด้าน ทั้งความเสี่ยงและผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการลงทุน
ซึ่งในการเลือกข้อมูลกองทุนที่ขึ้นชื่อว่า Best-in-Class นั้น สามารถอ่านเต็มๆ ได้ที่
https://www.finnomena.com/bic/
ทำให้ได้ออกมา 2 กองทุน คือกองทุนที่ดีที่สุด กับ กองทุนที่น่าพอใจน้อยที่สุด ซึ่งกองทุน LTF ที่เป็น Best-in-Class ณ ตอนนี้ คือ UOBLTF ส่วน Worst-in-Class นั้น ขอละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจกัน
แต่ผลที่น่าสนใจคือ เพียงแค่คุณถือครองเอาไว้ประมาณ 5 ปีพอดีเป๊ะ ถึงแม้เราจะเลือกลงทุนในกองทุน LTF กองไหนก็ตาม ไม่ว่าจะดีที่สุด หรือ น่าพอใจน้อยที่สุด หรือจะหลับหูหลับตาซื้อโดยไม่ได้ดูจังหวะใดๆ เลย ผลที่ออกมาคือ ไม่มีผลตอบแทนครั้งใดเลยที่ผลตอบแทนเป็นติดลบ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนทั้ง 2 ขึ้นมา
โดยในส่วนของกองทุน UOBLTF ที่เป็น Best-in-Class ซึ่งเปิดขายครั้งแรกวันที่ 4 พฤศจิกายน 2004 โอกาสที่จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่า 0% หรือขาดทุนนั้นเป็น 0% กล่าวง่ายๆ เลยคือไม่มีการขาดทุนแม้แต่ครั้งเดียว โดยที่แบ่งออกเป็นให้ผลตอบแทนน้อยที่สุดอยู่ที่ 3.85% ต่อปี มากที่สุดอยู่ที่ 31.33% ต่อปี และให้ผลตอบแทนอยู่ที่ช่วง 10-15% ต่อปีมีโอกาสถึง 38% รองลงมาคือ 5-10% มีโอกาสอยู่ที่ 27%
ขณะที่กองทุนที่เป็น Worst-in-Class นั้น ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้ง หากถือครอง 5 ปีอยู่ที่ 2.06% ต่อปี มากที่สุดคือ 28.20% ต่อปีและช่วงที่กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนบ่อยที่สุดคือ 5-10% มีโอกาสอยู่ที่ประมาณ 41% เลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่า LTF นั้นหากถือครองเอาไว้อย่างใจเย็น ผลตอบแทน 2 ต่อทั้งจากภาษี และกำไรกองทุนนั้นได้ค่อนข้างแน่นอน หากแต่ว่า ถ้าพลาดซื้อกองทุนที่ไม่ได้ดีที่สุดแล้ว ผลตอบแทนที่ได้ต่อปี ก็หายไปหลายบาทเลยทีเดียว เห็นอย่างนี้แล้ว ซื้อเถอะครับ LTF เพื่อลดหย่อนภาษี แต่หากต้องการกองดีๆ ปรึกษา FINNOMENA ได้ครับ
หมายเหตุ: ตอนนี้ยังไม่มีบริการซื้อ LTF ผ่าน FINNOMENA นะครับ หากสนใจซื้อ โปรดติดต่อทาง บลจ. ครับ
ดูกองทุน LTF อื่นๆ ที่ติดโผ FINNOMENA Best-in-Class ได้ที่นี่
https://www.finnomena.com/z-admin/bic-ltf/
——————-
Vithan Minaphinant
Securities Investment Analyst (IA)
ตรวจทานบทความ
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้เขียนบทความนี้มิได้รับค่าตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่กล่าวถึงในบทความนี้แต่อย่างใด | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้