การประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี PEG โดยใช้หลัก 3F

PEG คือวิธีมูลค่าของหุ้นโดยอ้างอิงระหว่าง PE และ G (การเติบโตของกำไรสุทธิ) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Peter Lynn

PEG เป็นวิธีการประเมินมูลค่าที่เรียบง่าย กล่าวสั้นๆ คือ บริษัทมีการเติบโตในอนาคตเท่าไหร่ก็สมควรซื้อเท่านั้น เช่น หุ้นจะเติบโต 20% ก็ควรจะซื้อที่พีอี 20

แต่หลายครั้ง PEG ถูกใช้อย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก วันนี้ลงทุนศาสตร์จึงเสนอหลัก 3F เพื่อใช้ PEG อย่างสมเหตุสมผล

1. Fast growing company

PEG เหมาะกับหุ้นโตเร็ว สำหรับลงทุนศาสตร์ G ควรมากกว่า 10 หากน้อยกว่านั้น วิธีแบบ PEG จะไม่ค่อยใช้ได้อย่างสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก

2. Forward growth for five years

ค่า G ที่ใช้ต้องเป็น forward G หรือ G ในอนาคต 5 ปีข้างหน้า ห้ามนำ G ในอดีตมาใช้ แน่นอนว่า G ในอนาคตเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น การจะวิเคราะห์ต้องศึกษาธุรกิจให้มากเพื่อประมาณการณ์ให้ใกล้เคียงที่สุด G จึงต้องค่อนข้างจะเชื่อถือได้ โดย G ที่ใช้ควรใช้ค่าที่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งค่า G เป็นค่าการเติบโตเฉลี่ยทบต้นเป็นเวลา 3 – 5 ปีข้างหน้า

3. Fair bases of earning and growth

ค่า earning ที่นำมาคำนวณพีอีต้องเป็นกำไรปรกติ หักลบ one time gain and loss ออก และการเติบโตที่ใช้ต้องเป็นการเติบโตปรกติ ไม่ควรใช้การเติบโตแบบ one time ด้วยเช่นกัน

เช่น หุ้น xxx ปัจจุบันมีกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการเคลมประกัน 20 ล้านบาท และมีความเสียหายจากน้ำท่วม 70 ล้านบาท นักลงทุนประมาณการณ์เติบโตของกำไรสุทธิจากกิจการอยู่ที่ 40% 25% 15% 10% 10% 5% 5% ไล่ไป 7 ปีตามลำดับ โดยคาดว่าปีที่ 5 จะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เก่า 100 ล้านบาท มูลค่า xxx ควรอยู่ที่เท่าไหร่ตามวิธี PEG

วิธีคิด หาการเติบโตของกำไรทบต้นเฉพาะ 5 ปีแรกอยู่ที่ 19.5% กำไรปรกติของกิจการอยู่ที่ 100 ล้านบาท ดังนั้นมูลค่าของกิจการของ xxx โดยวิธี PEG อยู่ที่ 1,950 ล้านบาท

ตัดกำไรขาดทุนครั้งเดียวออก ตัดการเติบโตครั้งเดียวออก และคิดเฉพาะการเติบโต 5 ปีแรก

การเติบโตของกำไรทบต้นหาจากแอพ financial ez calculator หัวข้อ ROI calculator

ลองศึกษากันดู วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมมากติด 1 ใน 5 ของวิธีการประเมินมูลค่า ได้แก่ NAV DDM DCF PE และ PEG

ไว้คราวหน้ามาเล่าวิธีอื่นให้ฟัง

ลงทุนศาสตร์ – Investerest