หากพูดถึงกองทุน LTF โดยทั่วไปแล้ว หลายคนคงจะนึกถึงกองทุนหุ้นระยะยาวที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ทั่วไปเป็นหลัก เป็นหุ้นที่มีชื่อเสียงคุ้นตากันใช่ไหมล่ะครับ แต่สำหรับปี 2017 นี้หากดูผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปีหรือในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาจะสังเกตได้ว่ากองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นแล้วมักจะเป็นกองทุนหุ้นไทยที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือเป็นกองทุนที่มีการผสมกันระหว่างหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และขนาดเล็กแต่มีแนวทางการคัดเลือกหุ้นด้วยสไตล์ Bottom up เลือกลงทุนในหุ้นที่มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่น และหนึ่งในนั้นก็คือกองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาวทวีกำไร หรือ Asset Plus High Growth LTF(ASP-GLTF)
ภาพผลตอบแทนกองทุน LTF ที่ผลตอบแทนสูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2017 ถึง วันที่ 13 พ.ย. 2017
ที่มา: Morningstar Thailand
นโยบายการลงทุนที่คล่องตัว
กองทุน ASP-GLTF มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ MAI และ/หรือ ตราสารแห่งทุนซึ่งผลตอบแทนของตราสารดังกล่าวอ้างอิงกับผลตอบแทนของหุ้น หรือกลุ่มหุ้นของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยจะลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกิน 35% ของ NAV เว้นแต่ ในกรณีที่สภาวะการลงทุนไม่ปกติทำให้ไม่สามารถลงทุนได้ตามสัดส่วนที่กำหนด เงินลงทุนส่วนที่เหลือจะลงทุนใน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และ/หรือ เงินฝาก โดยกองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารหนี้ที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) จากข้อมูลดังกล่าวจะสังเกตได้ว่าตัวกองทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งหุ้นที่จดทะเบียนใน SET และ MAI สะท้อนว่าสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก ซึ่งหากเข้าไปดูลักษณะหุ้นที่ทางกองทุนลงทุนจริงในปี 2017 นี้จะค่อนข้างแตกต่างจากปีก่อนๆอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกองทุนมีการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์การบริหารครั้งใหญ่ ทำให้ปีนี้มีการเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น
ภาพลักษณะหุ้นในพอร์ตของกองทุน ASP-GLTF เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและสไตล์หุ้นผสมระหว่าง Growth และ Value (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2017) ที่มา: Morningstar Thailand
กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นชั้นยอด
สำหรับกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นที่ทางผู้จัดการกองทุนใช้คือการเน้นเฟ้นหาบริษัทที่มีโมเดลในการบริหารธุรกิจที่ชัดเจนโดดเด่นและมีการเติบโตต่อเนื่อง เป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหาร มีโอกาสทำกำไรได้สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยทางทีมผู้จัดการกองทุนมีการทำการบ้านอย่างหนัก เดินสายเยี่ยมชมกิจการ หรือ Company visit อย่างต่อเนื่อง
เน้น Sector ที่เติบโตสูง
ภาพกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรกที่กองทุนลงทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2017)
ที่มา: บลจ.แอสเซทพลัส
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าทางกองทุนมีการกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นกระแส มีการเติบโตค่อนข้างสูง เช่น เงินทุนและหลักทรัพย์ ขนส่งและโลจิสติกส์ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สื่อและสิ่งพิมพ์ และอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
คัดเลือกหุ้นที่มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
กองทุนเน้นคัดเลือกหุ้นที่มีโมเดลธุรกิจที่ค่อนข้างโดดเด่น เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม มีการเติบโตที่สูง และค่อนข้างแตกต่างจากกองทุนรวมโดยทั่วไป โดยสังเกตได้จากหุ้นที่กองทุนถือครอง 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2560) ดังนี้
ภาพหุ้น 5 อันดับแรกที่กองทุนถือครอง (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 2017)
ที่มา: บลจ.แอสเซทพลัส
- JMT หรือ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ผู้นำในธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มของภาวะหนี้ครัวเรือนในระดับสูง
ภาพข้อมูลงบการเงินของ JMT (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2017) ที่มา: SET
- AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย ผู้นำในธุรกิจสนามบิน มีความสามารถในการแข่งขันสูง ค่อนข้างผูกขาด เนื่องจากบริหารสนามบินหลัก 6 แห่งในประเทศ ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศที่เติบโตสูง
ภาพข้อมูลงบการเงินของ AOT (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2017) ที่มา: SET
- TKS หรือ ที.เค.เอส. เทคโนโลยี ผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายแบบพิมพ์ธุรกิจ แบบพิมพ์ซีเคียวริตี้ บริการพิมพ์ระบบดิจิตอลกระดาษพิมพ์ต่อเนื่องสำหรับคอมพิวเตอร์ และบริการคลังสินค้าแบบพิมพ์ รวมถึงถือหุ้นใน SYNEX 38.5% ที่เป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และมือถือ เช่น ยี่ห้อ Huawei
ภาพข้อมูลงบการเงินของ TKS (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2017) ที่มา: SET
- CBG หรือ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด ผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ตราคาราบาวแดง ที่มีการเติบโตสูง จนตอนนี้ไปเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษและกำลังขยายธุรกิจไปต่างประเทศเข้าสู่ยุโรปและจีน
ภาพข้อมูลงบการเงินของ CBG (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2017) ที่มา: SET
- WORK หรือ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ผู้นำในธุรกิจบันเทิงกลุ่มทีวีดิจิตอล ที่มีจุดแข็งจากการสร้าง Content รายการทีวียอดนิยม เช่น The Mask Singer จนเรตติ้งขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ท้าชิงผู้นำเจ้าเก่าอย่างช่อง 3 และช่อง 7 ได้อย่างม้ามืด
ภาพข้อมูลงบการเงินของ WORK (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2017) ที่มา: SET
จะเห็นได้ว่าในสัดส่วนของหุ้นที่เป็น Top Holding มีการผสมกันระหว่างหุ้นขนาดใหญ่อย่าง AOT และ CBG หุ้นขนาดกลางอย่าง WORK และหุ้นขนาดเล็กอย่าง JMT และ TKS ที่มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นได้อย่างลงตัว
ค่าธรรมเนียมในระดับปานกลาง
ภาพตารางค่าธรรมเนียมที่กองทุนเรียกเก็บ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2017)
ที่มา: บลจ.แอสเซทพลัส
สำหรับค่าธรรมเนียมที่กองทุนเรียกเก็บจริง ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2017 อยู่ที่ประมาณ 1.675% ซึ่งถือว่าไม่ได้แพงเมื่อเทียบกับกองทุน LTF กลุ่ม Mid Small Cap ที่สร้างผลตอบแทนในระดับใกล้เคียงกัน
ดาวเด่นที่เพิ่งเริ่มฉายแสง
ในด้านผลตอบแทนของกองทุน จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนเอาชนะ SET ได้อย่างโดดเด่นต่างจากในอดีต จนติดอันดับต้นๆของกอง LTF เนื่องจากกองทุนมีการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์การบริหารครั้งใหญ่ ในขณะที่ด้านความผันผวนยังอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสไตล์การบริหารที่มาถูกทิศถูกทาง
ภาพผลตอบแทนและความผันผวนของกองทุนในแต่ละช่วงเวลา (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2017)
ที่มา: Finnomena และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน
ภาพผลตอบแทนของกองทุนเทียบกับ SET 1 ปีย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พ.ย. 2017)
ที่มา: Bisnews
ASP-GLTF เหมาะกับนักลงทุนแบบใด
จากข้อมูลดังที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่ากองทุน ASP-GLTF เหมาะกับนักลงทุนที่กำลังมองหากองทุน LTF ที่มีลักษณะ
- บริหารแบบเชิงรุก เน้นลงทุนในหุ้นที่มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่น มีความสามารถการแข่งขันสูง และมีการเติบโตในระดับสูง
- เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นหลัก แต่มีนโยบายที่มีความคล่องตัวสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก
- สามารถยอมรับความเสี่ยง ทนต่อความผันผวนในระยะสั้น-กลางได้ โดยมีความเชื่อว่าหุ้นที่มีธุรกิจที่ดี จากโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นแข็งแกร่งในระยะยาวจะนำมาซึ่งผลกำไรและผลตอบแทนที่ดี แม้จะเจอความผันผวนของราคาในระยะสั้น
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลคร่าวๆสำหรับกองทุน LTF ดาวเด่นดวงใหม่ที่แจ้งเกิดในปี 2017 ที่เป็นตัวเลือกในการลงทุนได้อย่างน่าสนใจ
เขียนโดย Vorayuth