สรยุทธ เคยเป็นบุคคลที่ดังมากสุดในไทย
ตอนนี้กำลังอยู่ในเรือนจำ
ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เป็นอย่างไร
จากเด็กเกเร สมัยมัธยมจนต้องเข้าไปอยู่บ้านเมตตา 15 วัน แต่มากลับตัวได้ จนจบนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เกียรตินิยมอันดับ 1 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ถ้าตั้งใจก็ทำจนสำเร็จ
คุณสรยุทธเริ่มงานข่าวที่ เนชั่นส์ และออกทีวีโดยจัดรายการกับคุณสุทธิชัย หยุ่น คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ต่อมาทำรายการในช่อง 9 อสมท ด้วย และสุดท้ายย้ายมาช่อง 3 ด้วยบุคลิกการเล่าข่าวที่กระชับ รวดเร็ว ทำให้ทุกรายการที่จัด ได้เรตติ้ง และ สปอนเซอร์มากมาย
คุณสรยุทธจึงทำทั้งหน้าที่ผู้อ่านข่าว และมาเป็นผู้จัดรายการเองด้วย โดยเปิดบริษัท ไร่ส้ม และ บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด
ตั้งแต่ ปี 2547 ถึง ปี 2559 ทั้ง 2 บริษัท รวมกำไรสุทธิ 2,928.4 ล้านบาท จากรายได้ 5,572.8 ล้านบาท บริษัทยังคงผลิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ และ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์
ช่วงปี 2548 เป็นช่วงที่พีคสุดของชีวิตของคุณสรยุทธ ด้วยพรสวรรค์ ความสามารถที่โดดเด่น ทำให้มีรายการเกิดขึ้นมากมาย เช่น รายการคุยคุ้ยข่าว ถึงลูกถึงคน เรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องเด่นเย็นนี้ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ จับเข่าคุย
ตอนนั้นเราจะได้เห็นคุณสรยุทธทั้งเช้า บ่าย เย็น ทุกวัน นับนาทีที่ออกอากาศมากกว่า ดาราซุปเปอร์สตาร์ทุกคน
กระแสความนิยมของสังคมในตัวคุณสรยุทธมีสูงมาก แม้กระทั่ง ถึงลูกถึงคน เป็นรายการเดียวที่ คุณทักษิณ ชิณวัตร เลือกมาให้สัมภาษณ์ เพื่อเคลียร์ตัวเองช่วงปมการเมือง ก่อนที่จะมีเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน
20 ปี ที่คุณสรยุทธจัดรายการทีวี แรกจาก รายการวิเคราะห์ข่าว ของเนชั่นส์ ปี 2539 จนรายการสุดท้าย เรื่องเล่าเช้านี้ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559 เมื่อภาคสื่อมวลชน และ สังคมกดดันให้ยุติบทบาท
ประเด็นของเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนคุณ สรยุทธ ทำรายการในช่อง 9 อสมท และคุณสรยุทธ คงลืมไปว่า ช่อง 9 อสมทเป็นรัฐวิสาหกิจ ถ้ามีความผิดจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ที่ผ่านมาคือ คุณ วิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่โตในวงการตลาดการเงินไทย แต่ตอนนี้ต้องนอนอยู่ในเรือนจำเช่นกัน
คุยคุ้ยข่าว คือ รายการที่บริษัทไร่ส้มของคุณสรยุทธ ใช้เวลาโฆษณาเกิน
บริษัทไร่ส้มได้เงินจากเอเจนซี่เข้าบริษัท แต่ไม่แจ้งทางอสมท
เงินที่ต้องจ่ายอสมทคือ 138 ล้านบาท โดยบริษัทไร่ส้มจ่ายเงินพนักงาน อสมท คนหนึ่งด้วยเงิน 7 แสนบาทเพื่อปกปิดการได้เวลาโฆษณาเกิน เหตุการณ์เกิดขี้นระหว่าง กุมภาพันธ์ 2548 ถึง มิถุนายน 2549
ถ้าบริษัทไร่ส้ม ทำถูกขั้นตอน จ่ายเงิน 138 ล้านบาทเมื่อ 12 ปีก่อน คงไม่เกิดคดีนี้ขึ้น
และเงิน 138 ล้านบาท นี้ เทียบไม่ได้เลยกับกำไรที่บริษัทไร่ส้มทำได้รวมกัน 2,928.4 ล้านบาท
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณสรยุทธคงไม่เลือกทำแบบนั้น
แต่.. เวลา ย้อนกลับไม่ได้
คุณสรยุทธ น่าจะมีความสุขมากกับการทำงาน เพราะมาออกรายการทุกวันตลอด 365 วัน โดยไม่เคยลาหยุด หรือพักร้อน
คุณสรยุทธ น่าจะรู้ตัวว่า เป็นคนมีพรสวรรค์ที่ทำให้ทุกคนรักและชื่นชอบ มีแฟนคลับที่ให้กำลังใจเหนียวแน่น เพราะไม่เคยมีผู้ประกาศช่าวคนไหน ลุยพื้นที่น้ำท่วม หรือหาเงินบริจาคให้ได้มากเท่าคุณสรยุทธ
คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่า ไม่มีผู้ทำข่าว คนไหน ทำให้คนติดตามข่าวได้มากเท่าคุณสรยุทธ และเป็นคนทำข่าวที่ร่ำรวยที่สุด โดยเริ่มมาจากการเป็นพนักงานบริษัท
บิลเกตส์ เคยกล่าวไว้ว่า
“Success is lousy teacher. It seduces smart people into thinking they can’t lose”
“ความสำเร็จเป็นครูที่แย่มาก มันทำให้คนที่เคยประสบความสำเร็จยึดติดกับคำว่า ห้ามแพ้ หรือ สูญเสียไม่เป็น”
หากเรามองย้อนไปว่า
ความสำเร็จของคนอยู่ที่ การทำกำไรจากธุรกิจ เพิ่มขี้นทุกปี
หรือ
ความสำเร็จของคน อยู่ที่การมีความสุขในการดำเนินชีวิต
ถ้าเงื่อนไขของความสำเร็จ อยู่ที่กำไร เราคงใช้ชีวิตทุกทางที่หาทางทำกำไร ไม่งั้นคงไม่มีความสุข
ถ้าเงื่อนไขของความสำเร็จ อยู่ที่การได้ทำในสิ่งที่ที่มีความสุข เราคงให้เงื่อนไขรายได้มาเป็นอันดับรอง ได้มาก ใช้มาก ได้น้อย ใช้น้อย เราก็จะเห็นความสุขอยู่กับเราทุกที่ ทุกเวลา
หากเรามองว่า การอ่านข่าวให้ผู้ฟังได้รับข่าวที่ถูกต้อง โดยทั้งสนุกมีสาระ และเสนอข่าวอย่างมีจรรยาบรรณ คือนิยามความสำเร็จของคุณสรยุทธ ตอนนี้เราคงเปิดหน้าจอ เห็นคุณสรยุทธทุกวัน
หากการทำข่าวเพื่อธุรกิจให้ได้ผลกำไร คือนิยามความสำเร็จของคุณสรยุทธ วิถีทางเดินของการไปสู่ความสำเร็จก็จะต่างกัน
และ คดีไร่ส้ม คือ ผลของวิถีทางเดิน ที่คุณสรยุทธได้เลือก
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนมีความไม่ perfect ซ่อนอยู่
ไม่ว่าคนเราจะเก่งแค่ไหน มีชื่อเสียงแค่ไหน สุดท้ายก็ล้มได้..
ที่มาบทความ : http://longtunman.com/1782