โลกปั่นป่วนเงินจะหายไปใหน??? ว่ากันที่เรื่องเศรษฐกิจทั่วทุกมุมโลกสั้นๆง่ายๆกันก่อนเลยครับ
ตลาดการเงินทั่วทุกมุมโลกผันผวน ต้องใช้คำว่า ปั่นป่วน และยากที่จะคาดเดาเหลือเกิน แต่ละสิ่งล้วนเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดที่วางเป้าหมายลดขนาดงบดุลในช่วงต้นปี เนื่องจากเศรษฐกิจส่อแววฟื้นตัวดี แต่โชคไม่ดีที่ เงินเฟ้อที่เริ่มจะส่อแววไม่เป็นไปตามเป้าหมาย “นางเยลเลน” ประธานเฟด อาจจะต้องกลับมาทบทวนแผนระยะยาวที่วางไว้
ตอกย้ำด้วยยุโรปที่ยังมีความเสี่ยงหลังธนาคารกลางยุโรปประกาศ “เงินแข็งค่าคือความเสี่ยง” ส่อแววให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป อีกทั้งการที่ไปคว่ำบาทรัสเซีย แต่กลับซวยเสียเอง น่าสงสารเขานะครับ อเมริกาใต้ ก็ตกถังข้าวสารกันไป แถมมีช็อตหล่อๆของรัสเซียให้เป็นสีสันตอกหน้าชาวยุโรปกันอีกด้วย เอาสิครับ เดินเกมพลาดก็เศร้ากันไป
ยิ่งไปกว่านั้นเกาหลีเหนือ “ผีเข้า ผีออก” ทดสอบขีปนาวุธสร้างความปั่นป่วนและหวาดกลัวให้คนทั่วโลก จะกลัวหรือจะขำกับเหตุการณ์นี้ยังตัดสินใจไม่ถูก
และทุกคนคงไม่ลืม นาย “โดนัล ทรัมป์” ที่อาจจะได้ชื่อว่า เป็นบุคคลที่โลกจะจดจำตลอดกาล หลังสร้างความกังวลต่างๆมากมาย จนบางกลุ่มได้กล่าวว่า “ธรรมเนียบขาวไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป” แม้แต่นักลงทุนชื่อดังอย่าง “เรย์ ดาลิโอ” ล่าสุดออกมาบอกว่าตอนนี้เขา “tactically reducing risk” และกังวลต่อความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกจากประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจ
แต่เป็นที่น่าเหลือเชื่อว่าความผันผวนไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับการลงทุนในสินทรัพย์เสียงเลย ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง DJIA และ S&P500 ทยอยทำ all-time-high อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสภาวะภาพรวมกำไรของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ จะไม่ได้ดีดังที่คาดการณ์ไว้นัก แต่หลายสำนักคงเชื่อกันว่า “Too Big Too Fall” อาจจะอธิบายอารมณ์ของนักลงทุนที่ยังเชื่อมั่น และซื้อตลาดดังกล่าวได้ “แต่จะอีกนานแค่ใหนกับตลาดที่แพงแสนแพงในครั้งนี้”
Cryptocurrency กลับสร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาดในปีนี้ หลังนับตั้งแต่ ช่วงต้นปีใหม่ ราคาได้ทะลุเกิน 4000 USD ไปแล้วอย่างน่าตกใจ ผลตอบแทนสูงถึง 4 เด้ง!! เป็นการปรับตัวขึ้นที่รุนแรง ซึ่งแม้ว่าสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวจะเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่าทั่วโลกยังไม่มีการเปิดใช้สกุลเงินกลุ่มดังกล่าวอย่างจริงจัง “นี่เป็นเพียงแรงเก็งกำไรมหาศาลของกลุ่มนักลงทุนเท่านั้น” ขึ้นเพราะมูลค่าหรือความโลภนั้นต้องไปคิดทบทวนกันดีๆก่อนเข้าไปตามแล้วกันครับ
ไม่เพียงแค่ 2 สินทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น แต่สภาพตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ทยอยกันฟื้นตัวสดใสสวนทางเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ Real Sector บูด แต่ Money Sector เติบโตกระจาย แม้ว่าความไม่สงบต่างๆ ก็ยังไม่คลี่คลาย ภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนก็เรียกได้ว่าอาจจะต้องติดแฮชแทค “ต่ำตมไม่หยุด” ไปตามๆข่าวดังช่วงก่อนหน้านี้กันได้เลย จะมีก็เพียงตลาดเอเชียที่ยัง ออกแนว “อินดี้” แต่อินดี้แบบนี้ไม่ดีต่อนักลงทุนบ้านเราเสียเลย เพราะตลาดบ้านเราฟื้นตัวไม่เด่นนัก บางตลาดถึงกับทรุดลงเสียด้วยซ้ำ เป็นการยอมรับความจริงต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สมควรแก่เวลาเสียเลย “น่าจะตามๆรุ่นพี่ไปบ้างก็ดีนะครับ”
ความคาดหวัง ความโลภ และแรงเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อไรก็ตามที่มีความหวังมาก หากเผชิญกับความผิดหวัง ความเจ็บปวดมักรุนแรงเสมอ “ไม่เชื่อทุกท่านลองเปรียบเทียบกับชีวิตจริง หากท่านหวังอะไรมากๆ พอสิ่งที่ฝันไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ความเจ็บปวดมักมีรสชาติขมมากๆเสมอ แล้วถ้าเกิดขึ้นกับหุ้นล่ะครับ น่ากลัวดีเดียวเลยล่ะ”
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะ Overvalue ซื้ออะไรก็ดูจะแพงไปเสียหมด “ทองคำ” ที่ถึงแม้ว่าผลตอบแทนอาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่โดดเด่นนัก แต่ทองคำยังไงก็ยังเป็นทองคำเสมอ หากนักลงทุนเริ่มรู้สึกกลัว ทองคำเป็นเพื่อนแท้ในยามวิตกกังวลตลอดกาล นั่นคือลักษณะของ Safe Heaven ที่ดี ที่เป็นเอกลักษณ์เสมอมา หากเกิดความผิดหวังของนักลงทุน เม็ดเงินที่ตะลุมบอนในสินทรัพย์เสี่ยงและสกุลเงินดิจิตอลในช่วงเวลานี้ อาจไหลกลับมาดันทองคำให้ผงาดเหนือ 1300 usd/oz ได้อีกครั้งอย่างไม่ยากเย็นนัก แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่า เศรษฐกิจจะโตจริงหรือไม่ นักลงทุนทุกท่านคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นจริงอย่างที่คาดการณ์กันหรือไม่ ทองคำจะกลับมาเด่นในสภาวะความไม่แน่นอนดังกล่าว DJIA/S&P500 และ Cryptocurrency จะยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องสวนทางเศรษฐกิจที่ยังส่อแววไม่ดีอย่างต่อเนื่องเช่นเดิมหรือจะเป็นตลาดเอเชียเกิดใหม่ที่ยังไม่เด่นในปีนี้ ก็ยังเป็นทางเลือกที่อาจจะดูรวมๆแล้วน่าจับตามองของนักลงทุนเช่นกัน…
โดย น้องกระทิง – EconfinInvestment