แอ๊ปเปิ้ล
บริษัทที่มีเงินสด 8.7 ล้านล้านบาท
ตอนนี้ประเทศไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศ 6.1 ล้านล้านบาท
ไม่ใช่ว่าเงินสำรองระหว่างประเทศไทยไม่เยอะ..
จริงๆแล้วประเทศไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศมากสุดเป็นอันดับที่ 13 ของโลก
แต่เงินสดของแอ๊ปเปิ้ลมากเหลือเกิน..
ถ้าให้แอ๊ปเปิ้ลเป็นประเทศหนึ่งบนแผนที่โลก
แอ๊ปเปิ้ลจะมีเงินสำรองระหว่างประเทศเป็นอันดับที่ 13 แซงหน้าไทยมา 1 อันดับ
และประเทศไทยจะตกมาเป็นอันดับที่ 14
หรือเรียกได้ว่าตอนนี้แอ๊ปเปิ้ลมีเงินสำรองในสถานะที่ใกล้เคียงกับประเทศไทยทั้งประเทศ
ตอนนี้แอ๊ปเปิ้ลยังเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในโลก มีมูลค่าบริษัทมากถึง 27.5 ล้านล้านบาท
ประเทศไทยมี GDP 14 ล้านล้านบาท
บริษัทแอ๊ปเปิ้ลมีมูลค่ามากกว่าขนาดเศรษฐกิจของประเทศไทย 2 เท่า..
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา แอ๊ปเปิ้ล ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของบริษัท และได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ แอ๊ปเปิ้ล พุ่งสูงขึ้น 5.11% ในวันถัดมา
รายได้สำหรับไตรมาสนี้ ที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนการประกาศอยู่ที่ 44,900 ล้านเหรียญ แต่แอ๊ปเปิ้ลรายงานรายได้รวมที่ 45,408 ล้านเหรียญ ดีกว่าที่ตลาดคาด
จุดที่น่าสนใจคือ ตอนนี้แอ๊ปเปิ้ลกำลังก้าวจากการผลิตเครื่องไอโฟนขายไปเป็นรายได้จากการให้บริการ
แม้ว่าปัจจุบัน รายได้กว่า 80% ของ Apple นั้นมาจากการขายอุปกรณ์ อย่าง iPhone และ iPad แต่ดาวเด่นดวงต่อไปคือ Apple Services เช่น App Store และ iTunes ที่สร้างรายได้ให้ แอ๊ปเปิ้ล ในไตรมาสนี้ถึง 7.3 พันล้านเหรียญ โตขึ้นจากปีที่แล้ว 22% โดยรายได้จาก App Store นั้นมากกว่าของคู่แข่งอย่าง Google Play ถึง 2 เท่า
คาดว่าในอนาคตอันใกล้ Apple Services น่าจะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับบริษัทไม่ต่างจาก iPhone
แต่ที่น่าสนใจกว่ารายได้และกำไร คือเงินสดของ แอ๊ปเปิ้ล
แอ๊ปเปิ้ลมีเงินสด 18,571 ล้านเหรียญ มีทรัพย์สินลงทุนระยะสั้น 58,188 ล้านเหรียญ และมีทรัพย์สินลงทุนระยะยาว 184,757 ล้านเหรียญ เมื่อเอามารวมกันจะได้ว่า แอ๊ปเปิ้ลมีทรัพย์สินที่แปลงเป็นเงินสดได้มากถึง 261,516 ล้านเหรียญ
อ่านดูแล้วอาจจะงง แต่ถ้าแปลงเป็นเงินไทย สรุปได้ว่า ตอนนี้แอ๊ปเปิ้ลมีเงินสด 8.7 ล้านล้านบาท
ในขณะที่แอ๊ปเปิ้ลมีโรงงานเครื่องมืออุปกรณ์ แค่ 9.7 แสนล้านบาท และมีมูลค่าสินค้าในสต๊อกแค่ 1 แสนล้านบาท
แปลว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ของแอ๊ปเปิ้ล ไม่ใช่โรงงาน หรือ สินค้าในต๊อก แต่เป็นเงินสด..
พอเรื่องเป็นอย่างนี้ กลิ่นหอมก็เลยไปเตะจมูกนักลงทุนผู้โด่งดังอย่าง วอเร็น บัฟเฟตต์ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเขาได้ซื้อหุ้น Apple เพิ่มจำนวน 76 ล้านหุ้น ทำให้เขาถือหุ้นรวม 135 ล้านหุ้น โดยคิดเป็น 2.5% ของหุ้นแอ๊ปเปิ้ล ทั้งหมด
ณ ราคาที่วอเร็นบัฟเฟตต์ซื้อ แค่มูลค่าเงินสดที่กองไว้ในบริษัทอย่างเดียวก็ปาเข้าไปเกือบ 40% ของราคาหุ้นแล้ว
ถ้าเราลองเอาราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นในวันประกาศงบ 7.67 เหรียญ มาคูณกับจำนวนหุ้น Apple ที่ วอเร็น บัฟเฟตต์ ถืออยู่ นั่นเท่ากับว่าเขาจะได้กำไร 1,035,319,579 เหรียญ หรือ 3 หมื่นล้านบาทภายในวันเดียว..
ให้เดากันว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้านี้ ประเทศแอ๊ปเปิ้ล หรือ ประเทศไทย จะมีการเติบโตมากกว่ากัน?
ถ้ายังเดาไม่ออกให้ลองดูมูลค่าบริษัทของแอ๊ปเปิ้ล และ GDP ประเทศไทย ในอดีตที่ผ่านมาเป็นข้อมูลประกอบ
มูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล $10 billion (3.3 แสนล้านบาท) ปี 1999
GDP ประเทศไทยในปีนั้น $126.7 billion (4.2 ล้านล้านบาท)
18 ปีที่แล้ว GDP ประเทศไทยเป็น 12.7 เท่าของมูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล
มูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล $50 billion (1.6 ล้านล้านบาท) ปี 2005
GDP ประเทศไทยในปีนั้น $189.3 billion (6.3 ล้านล้านบาท)
12 ปีที่แล้ว GDP ประเทศไทยเป็น 3.9 เท่าของมูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล
มูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล $100 billion (3.3 ล้านล้านบาท) ปี 2007
GDP ประเทศไทยในปีนั้น $262.9 billion (8.7 ล้านล้านบาท)
10 ปีที่แล้ว GDP ประเทศไทยเป็น 2.6 เท่าของมูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล
มูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล $200 billion (6.6 ล้านล้านบาท) ปี 2010
GDP ประเทศไทยในปีนั้น $341.1 billion (11.3 ล้านล้านบาท)
7 ปีที่แล้ว GDP ประเทศไทยเป็น 1.7 เท่าของมูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล
มูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล $600 billion (19.9 ล้านล้านบาท) ปี 2012
GDP ประเทศไทยในปีนั้น $397.6 billion (13.2 ล้านล้านบาท)
5 ปีที่แล้ว GDP ประเทศไทยเป็น 0.7 เท่าของมูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล
มูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล $700 billion (23.3 ล้านล้านบาท) ปี 2015
GDP ประเทศไทยในปีนั้น $399.2 billion (13.3 ล้านล้านบาท)
2 ปีที่แล้ว GDP ประเทศไทยเป็น 0.6 เท่าของมูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล
มูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล $800 billion (26.6 ล้านล้านบาท) ปี 2017
GDP ประเทศไทยตอนนี้ $406.8 billion (13.5 ล้านล้านบาท)
ตอนนี้ GDP ประเทศไทยเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าบริษัทแอ๊ปเปิ้ล..
ที่มาบทความ : http://longtunman.com/1466