การช้อปปิ้ง และการลงทุน

“Price is what you pay. Value is what you get”

“ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย. มูลค่าคือสิ่งที่คุนจะได้รับ”

เชื่อหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วทุกๆ คนล้วนมีความรู้และความสามารถที่จะเป็นนักลงทุนด้วยกันแทบทั้งสิ้น ผมอยากขอยกตัวอย่างใกล้ตัวสักตัวอย่างหนึ่ง

ปกติรถเบ็นซ์ ราคาคันละเท่าไหร่ รุ่น c class 2.5 ล้าน? E class 3.5 ล้าน? สมมุติคุณต้องการรถยนต์คันหนึ่งและตั้งงบไว้ที่ประมาณ 1 ล้าน คุณอาจจะพบว่ามีรถยนต์ที่จะเข้าข่ายที่คุณสนใจ เช่น civic, altis, mazda 3 และอื่นๆอีกมากมาย แต่ช้าก่อน! ถ้าเกิดรถยนต์เบ็นซ์ c class ลดราคามีอยู่ที่ 1.3 ล้านบาท. คำถามคือคุณยังจะจำกัดงบไว้ที่ 1 ล้าน หรือยอมเพิ่มงบอีกสามแสน แต่ได้รถที่มีมูลค่า 2.5 ล้าน?

นี่แหละคือการลงทุน ทุกคนที่เข้าใจสิ่งที่ผมจะสื่อแปลว่าเข้าใจการลงทุนแล้ว เรารู้ว่า c class มูลค่าเท่าไหร่ หากแพงไปเราก็ไม่สนใจแน่ๆ แต่หากถูกมากเมื่อเทียบกับตัวเลขในใจของเรามันก็จะน่าสนขึ้นมาทันที

กระเป๋า chanel เราจ้องมันมานานจนรู้ว่ารุ่นไหนราคาเท่าไหร่ ถ้าเกิดวันหนึ่งมันถูกมากกับราคาเราที่คิดไว้ มันก็น่าสนใจ

นาฬิกา rolex เราคิดว่าราคามันหลักแสนขึ้นไปโดยปกติ แต่ถ้าบังเอิญมีคนร้อนเงินขายมาสักหลักหมื่น มันก็ดูเข้าท่า

โดยปกติแล้วผมจะไม่ค่อยชอบซื้อของโดยที่ต้องจ่ายเต็มราคาเท่าไหร่นัก เหตุผลก็เพราะมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีหากจ่ายเต็มราคา

เมื่อผมต้องการซื้อแชมพูหรือสบู่ ผมมักจะมองหาสินค้าที่ลดราคาหรือมีการแถม หากยี่ห้อที่ผมต้องการไม่มีการลดราคาหรือแถม ผมก็อาจจะเลือกยี่ห้ออื่นที่คุณสมบัติคล้ายๆกันและก็อาจจะดูไปอีกว่าปริมาณของสินค้าที่ได้มานั้นจะต้องไม่น้อยไปกว่าสินค้าที่ไม่ลดราคา

เวลาผมต้องการซื้อหนังสือสักชุดหนึ่งผมก็มักจะรอโอกาสที่จะมีงานหนังสือซึ่งสามารถทำให้ซื้อได้ในราคาถูกลงหลายสิบเปอร์เซนต์

ผมยังจำได้ตอนที่ผมต้องการที่จะซื้อโน้ตบุ้คเครื่องใหม่ ผมมองหา mac ที่ตกรุ่นแต่ยังมีสเปคที่ผมต้องการ ผมสามารถหาเครื่องมือสองที่มีสเปคมากกว่าที่ผมต้องการแต่ได้ในราคาเพียง 25,000 เท่านั้นในขณะที่ราคามือ 1 รุ่นนี้มีราคาสูงถึง 50,000 บาท เหตุผลก็เพราะสินค้ามีตำหนิในจุดที่ไม่ส่งผลต่อการใช้งานของผม เพราะฉะนั้นนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก

เมื่อผมอยากได้รองเท้าคู่ใหม่เพราะคู่เก่าเริ่มจะสภาพไม่ดี ผมมักจะมองหารองเท้าที่ตกรุ่นมากกว่ารุ่นออกใหม่ เหตุผลก็คือรุ่นเก่านั้นมักจะลดราคา และจริงๆแล้วการใส่รุ่นใหม่กับรุ่นเก่านั้นความรู้สึกแทบจะไม่ต่างกัน ผมชอบซื้อรองเท้าในราคาที่ถูกกว่าหลายสิบเปอร์เซนต์

จะสังเกตุว่าจริงๆแล้วเหตุการณ์เหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับเราในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ทุกคนมีความเป็นนักลงทุนอยู่ในตัว แต่พอมาเรื่องการลงทุนเรากลับหลงลืมความเป็นนักลงทุนในตัวเอง เรายอมซื้อหุ้นที่เราชอบโดยไม่เกี่ยงราคาทำให้เรามักจะได้ของแพง แต่พอหุ้นราคาตกลงแทนที่เราจะดีใจเพราะมีโอกาสได้สิ่งเดิมในราคาที่ถูกลงเรากลับกลัวและขายมันไป