ผ่านไปแล้วสำหรับ 1 เดือนแรกของปี 2017 จากมุมมองรายปี 2560 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง” เราเริ่มเห็นภาพรวมของตลาดทุนเริ่มมีทิศทางตรงกับสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้ 2 ประเด็นใหญ่ ได้แก่ การไหลของเงินทุนจากตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดหุ้นที่ชัดเจนมากในเดือนที่ผ่านมา จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวเริ่มมีการขยับตัวขึ้นหลังจากที่เฟดเริ่มมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 16 ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายภูมิภาคมีการปรับตัวสูงขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี เช่น ตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ทำจุดสูงสุดตลอดกาล ประเด็นถัดมาที่ชัดเจน คือ ตลาดหุ้นในกลุ่ม Emerging Market เริ่มกลับมาสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า Developed Market จากทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง

1

ธีมการลงทุนของปี 2017: ที่มา INFINITI Global Investors

1. ผลตอบแทนของสินทรัพย์ชนิดต่างๆ YTD 26 ม.ค. 60

หากดูผลตอบแทนของสินทรัพย์แต่ละประเภทตั้งแต่ต้นปีก็จะเห็นได้ชัดว่า หุ้นในกลุ่ม Emerging Market และทองคำเป็น สินทรัพย์ในอันดับแรกๆที่กลับมาสร้างผลตอบแทนได้ดี จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ในขณะที่สินทรัพย์ที่โดนเทขายออกมาหนักและสร้างผลตอบแทนที่ย่ำแย่เป็นกลุ่มตราสารหนี้จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี กลับมาปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มของดอกเบี้ยขาขึ้น สะท้อนภาพการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตราสารหนี้เข้าสู่ตราสารทุนได้ค่อนข้างชัดเจนและสอดคล้องกับมุมมองของเรา

 2. ตลาดหุ้นไทยทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี พร้อมผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารท่ีออกมาดีกว่าที่คาด

3

ผลประกอบการกลุ่มธนาคารไทยเทียบกับที่ตลาดคาดการณ์: ที่มา INFINITI, Bloomberg

กลับมาดูที่ตลาดหุ้นไทยของเรา SET มีทิศทางปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน ล่าสุดได้ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี พร้อมทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรกๆที่ประกาศออกมา ซึ่งโดยรวมออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ประกอบกับ เริ่มเห็นสัญญาณการทรงตัวของอัตรา NPL ทำให้เราคงมุมมองเชิงบวกกับหุ้นกลุ่มธนาคารไทยอย่างต่อเนื่อง

3. หุ้นกลุ่ม Value Stock กำลังจะมีทิศทางที่กลับมา Outperform ตลาดหุ้นไทยในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า

4

ดัชนี SETHD/SET: ที่มา Bisnews

โดยในช่วงต้นปีนี้ เราเริ่มมีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นกลุ่ม Value Stock หรือหุ้นกลุ่มปันผล เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ Laggard จากกลุ่ม Growth Stock ในช่วงที่ผ่านมา และเริ่มกำลังมีทิศทางที่กลับมา Outperform ตลาดหุ้นไทยโดยรวมในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า สังเกตได้จากดัชนี SETHD (SET High Dividend 30 Index) เริ่มสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า SET

5

ผลตอบแทนเฉลี่ยรายเดือนของ SETHD ย้อนหลัง 5 ปี จาก 1 ก.พ. 60: ที่มา INFINITI, SET

หากเรานำสถิติในอดีตมาพิจารณา ในช่วงเดือน ก.พ. ของทุกปี มักจะเป็นช่วงเวลาที่ดีของหุ้นปันผล โดยสังเกตได้จากดัชนี SETHD (SET High Dividend 30 Index) ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 3.2%ในเดือนก.พ. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะประกาศจ่ายเงินปันผลในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า ทำให้นักลงทุนมักแห่เข้าลงทุนในหุ้นปันผล  ทำให้ช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่ให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุดสำหรับหุ้นกลุ่มนี้ ทั้งนี้กลุ่มหุ้นปันผลดังกล่าวยังสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกในช่วง 4 เดือนแรกของปีด้วยเช่นกัน

6

Trailing P/E ของ SETHD: ที่มา Bisnews

ประกอบกับหากเราพิจารณาในมุมมองของ valuation แล้ว หุ้นกลุ่ม Value Stock ยังมี P/E ที่ยังไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับตัวเองในอดีต และเทียบกับ SET โดย SETHD มี valuation ที่วัดโดย Trailing P/E ที่ประมาณ 12 เท่า ซึ่งถูกกว่า SET ที่มีระดับ Trailing P/E ที่ 19 เท่า

4. อินเดียมาพร้อมกับข่าวดีของการเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ

มาดูที่อินเดียซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Top Pick ของหุ้นกลุ่ม Emerging Market ที่เราแนะนำในปีนี้ ดัชนีหุ้นอินเดียเริ่มทยอยฟื้นตัวหลังปัญหาการเปลี่ยนธนบัตรเริ่มคลี่คลาย พร้อมกับข่าวดีของการเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐของอินเดีย

อย่างไรก็ตาม ประเทศในกลุ่ม Emerging Market อาจตกอยู่ในความเสี่ยงจากนโยบาย Protectionism ของสหรัฐฯ  ซึ่งเมื่ออ้างอิงจากข่าวและนโยบายที่ออกมาแล้ว อินเดียเป็นประเทศในกลุ่ม Emerging Market ที่น่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนักจากนโยบาย Protectionism

5. ยังคง Wait & See สำหรับหุ้นกลุ่ม Healthcare

8

ภาพ iShares Global Healthcare ETF: ที่มา StockCharts.com

ส่วนหุ้นต่างประเทศอีกกลุ่มที่เราได้แนะนำไปคือกลุ่ม Global Healthcare  โดยเรายังคงให้คำแนะนำให้ Wait & See จากความชัดเจนของนโยบาย Trump ทั้งในส่วนของนโยบายประกันสุขภาพที่จะมาแทน Obamacare ที่ถูกยกเลิกไป (-) และนโยบายด้านราคายา (-) แต่ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดที่จะปรับลดนโยบายภาษีซึ่งจะเป็นผลดีให้บริษัทเหล่านี้มีเงินสดในการลงทุนพัฒนาธุรกิจมากขึ้น (+) รวมถึงอาจมีการผ่อนคลายกฎระเบียบในการขึ้นทะเบียนยาที่ง่ายขึ้นในอนาคต (+)

6. ทองคำกลับมาแล้ว

9

ราคาทองคำ: ที่มา Bisnews

ในส่วนของราคาทองคำ ปีนี้เริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น หลังค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อน ประกอบกับปัจจัยในเรื่องเงินเฟ้อทำให้ทองคำกลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น

สำหรับคำแนะนำพอร์ตการลงทุนแบบ Global Absolute Return Portfolio ของ INFINITI Global Investors ซึ่งเป็นคำแนะนำการลงทุนแบบ Absolute Return ซึ่งมีความยืดหยุ่นต่อการปรับเปลี่ยนพอร์ตตามมุมมองภาวะตลาด มีเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนต่อปีประมาณ 8 – 10% ซึ่งต่ำกว่าผลตอบแทนระยะยาวของตลาดหุ้นเล็กน้อย และมีเป้าหมายความผันผวนของพอร์ตในระดับที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นจากการกระจายการลงทุน โดยกลยุทธ์นี้จะพยายามลดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญในยามที่พื้นฐานการลงทุนไม่ดี ทั้งนี้สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เราแนะนำการจัดพอร์ตดังนี้

screen-shot-2560-02-03-at-14-17-04

Global Absolute Return Portfolio Model เดือน ก.พ. 60: ที่มา FINNOMENA, INFINITI Global Investors

ในเดือนกุมภาพันธ์นี้เราได้คงสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ที่ 70% โดยแนะนำให้ทำกำไรกลุ่มกองทุนหุ้นไทย Big Cap และย้ายไปที่หุ้นกลุ่มธนาคารไทย และกลุ่มหุ้นไทย Value Stock จาก Valuation ที่น่าสนใจและพื้นฐานของกลุ่มที่กลับมาฟื้นตัว เรายังคงมุมมองเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โลก และไทยโดยรวมกลับมาเติบโตอีกครั้ง ทำให้ปัจจัยโดยรวมเอื้อต่อการลงทุนในตราสารทุน โดยเราเชื่อว่าปี 2017 น่าจะยังเป็นปีที่ดีต่อพอร์ตการลงทุน Global Absolute Return

FundTalk รายงาน

TSF2024