เพิ่งจะเป็นสัปดาห์แรกของปี 2016 นี้ ที่ตลาดหุ้นโลกปิดลบในแดนบวกได้บ้างในบางตลาด หลังจากบทความสัปดาห์ที่แล้ว ผมมาบอกทุกคนว่า 10 วันทำการแรกของปีนี้ แย่ที่สุดตั้งแต่ที่ตลาดสหรัฐฯเปิดเทรดมาทีเดียว และตลาดหุ้นอื่นๆก็ไม่ฟื้นซักที
อ้าว แล้วสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นมันดีดขึ้นมาได้เพราะอะไร?
จริงๆ ก็เพิ่งจะวิ่งแรงๆวันพฤหัสฯ และวันศุกร์นี้เองครับ Catalyst ที่ส่งสัญญาณเชิงบวก ก็คือ ถ้อยแถลงของนาย Mario Draghi ส่งสัญญาณว่า อาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือน มี.ค. ที่จะถึง โดยมองว่า ‘Downside Risk’ เพิ่มขึ้น หลังความผันผวนของตลาดทุนเพิ่มขึ้น, การชะลอการเติบโตของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยุโรป และอาจทำให้ ECB มีความจำเป็นต้องออกมาตรการการเงินเพิ่มเติม เพื่อต่อสู้กับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปเอง … โดยสรุปคือ ตลาดกำลังคาดหวังว่า ECB อาจจะมี QE เพิ่มในการประชุมครั้งถัดไปเดือน มี.ค. นั้นเอง
ภาพประกอบ Global Index Macromap
ที่มา : market.ft.com
แค่นี้นะหรอ ตลาดหุ้นก็วิ่งแล้ว?
เรียกว่ารีบาวน์ระยะสั้นก่อนดีกว่าครับ เพราะเพิ่งบวกได้แค่ 2 วัน เรายังคงต้องไม่ประมาทอยู่ดี แต่สิ่งที่เริ่มเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีบ้าง ผมเห็นอยู่ 2 อย่าง
- เมื่อคืน ตลาดหุ้นสหรัฐฯรีบาวน์ โดยมีปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นกว่าในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปี (Price Up + Volume Up = Strong Rebound)
- ราคาน้ำมัน WTI ดีดแรงเหลือเกิน บวกไปถึง 9% ปิดยืนเหนือ +$32 ทีเดียว ซึ่งน่าจะช่วยให้หุ้นกลุ่มพลังงาน และ Commodities ทั้งหลาย มีความหวังขึ้นมาได้บ้าง อย่าง S&P energy index เมื่อคืนนี้บวกขึ้นไปถึง 4.3%
ต้องดูอะไรต่อจากนี้?
ผมจะเลือกดูการส่งไม้ต่อของธนาคารกลางต่างๆบนโลกนะครับ ว่ามีความเห็นเช่นเดียวกับ ECB หรือไม่ เพราะตอนนี้ ตลาดเหมือนจะคิดแบบนั้นไปแล้วว่า ถ้า ECB จะมีมาตรการเพิ่มเติมในเดือน มี.ค. ก็แปลว่า BOJ (ธนาคารกลางญี่ปุ่น) จะมีด้วยหรือเปล่า เลยทำให้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Nikkei225 ดีดขึ้นมาได้ถึง 5.8% และสัปดาห์หน้าก็จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC Meeting) ในวันที่ 27-28 ม.ค. ตอนนี้นักลงทุนก็เหมือนหวังลึกๆว่า สหรัฐฯ อาจจะเลื่อนพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยออกไป หรือ ส่งสัญญาณว่า จะขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าเดิม (อันนี้คงต้องไปดู Dot Plot ประกอบอีกที)
มุมมองทางเทคนิคละ เป็นอย่างไร?
พาไปดูกราฟ S&P500 ก่อนนะครับ จะเห็นว่า ลงมาตั้งเยอะ เพิ่งเด้งได้สองวันทำการ แต่การเด้งขึ้นมา หลังจาก RSI Oversold ครั้งนี้ ค่อนข้างน่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสัญญาณจาก MACD และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีก็ยังไม่เคยขึ้นมาเทรดพ้นเส้นค่าเฉลี่ย 15 วัน (MA15 เส้นสีน้ำเงิน) ที่ตอนนี้อยู่ที่ 1,933.34 จุด ผมให้ตรงนี้เป็นแนวต้านระยะสั้นครับ ถ้าสัปดาห์หน้าผ่านได้ ก็อาจหวังการรีบาวน์ในตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ไกลกว่านี้
ภาพประกอบ Daily Chart S&P 500 Index
ที่มา : stockcharts.com
ย้อนกลับมาดูหุ้นไทย ผมขอดูภาพใกล้ ใช้กราฟ 60 นาทีในการวิเคราะห์ตรงนี้ เพราะระยะยาวเคยบอกไปแล้วนะครับ ว่า SET Index อยู่ในแนวโน้มขาลง จะเห็นว่า SET Index ทะลุกรอบ Flag Pattern ขึ้นมาได้ มีแนวต้านระยะสั้นๆต่อไปคือ 1,280 จุด ซึ่งถ้าคิดจะไปต่อ ก็ควรทำ Higher High ให้ได้ในสัปดาห์หน้าที่จะถึง และก็มีแนวต้านถัดไปที่ 1,295 จุด หรือตีไปกว้างๆเลยก็คือ 1,300 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านจิตวิทยา ถามว่ามีโอกาสหรือไม่ ก็บอกเลยว่า น่าจะมีโอกาสสูง หากราคาน้ำมันยืนเหนือ $30 ได้จริงๆ หรือยังวิ่งต่อ พวกหุ้นกลุ่มพลังงานก็ลาก Index ขึ้นมาได้ไม่ยากครับ
ภาพประกอบ 60 mins Chart SET Index
ที่มา : BISNEWS
ต้องไปดู ราคาน้ำมัน Crude Oil อีกตัว ที่น่าจะเป็นตัดสินชี้ชะตากรรมของตลาดหุ้นโลก ณ ชม. นี้
การดีดขึ้นมาวันเดียว 5.88% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ชนแนวต้านย่อ Fibonacci Retracement 23.6% ของคลื่นปรับฐานย่อย (นับยอดคลื่นจาก $51) ทั้งนี้ ถ้าจะรีบาวน์อย่างแข็งแรงจริง ก็มีแนวต้านข้างบนที่ $36 อีกที่ เอาตรงๆ นะครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะไปถึงไหม แต่จากที่ตามบทวิเคราะห์ดู เห็นอีกมุมหนึ่งที่ว่า พวกเทรดเดอร์ที่สหรัฐฯ Short Position บนราคาน้ำมันดิบไว้หนักกันมากๆ พอราคามันเด้งแรง มันก็บีบให้เหล่าเทรดเดอร์พวกนี้ต้องทำ Short Covering หรือไล่ปิดความเสี่ยง เลยยิ่งทำให้ขาเด้ง มันอาจจะเด้งแรงก็ได้ ทั้งๆที่อาจไม่มีปัจจัยบวกอะไรเข้ามากระตุ้นเพิ่มเติม
ภาพประกอบ Daily Chart Light Crude Oil
ที่มา : BISNEWS
แต่ยังไงก็ตาม ยังไม่อยากให้หวังยาวๆนะครับ ค่อยๆดูกันดีกว่า ว่า งบไตรมาส 4/2015 ออกมาเป็นอย่างไร Sentiment เชิงบวก จะยังมีต่อไหม FOMC Meeting จะส่งสัญญาณให้เราฟัง แล้วพี่จีนเนี่ย จะยังออกมาตรการประหลาดๆอะไรให้ตลาดไม่ชอบใจหรือเปล่า ช่วงนี้ ผันผวนจริงๆครับ ใครมาเล่นๆนี่ อยู่ยากนะครัช สำหรับ SET Index ถ้าร่วงลงมาอยู่ในกรอบ ก็มีแนวรับใกล้ๆแถวๆ 1,245 จุด ที่ถ้ารับไม่อยู่ ก็แปลว่า น่าจะลงต่อได้อีก
ปล. Tradernomics เป็นมุมมองเพื่อการเทรดในระยะสั้น ในกรอบระยะเวลา 1 สัปดาห์ ถึง 1 เดือนข้างหน้า โดยอาศัยดัชนีและการวิเคราะห์ทางเทคนิดและมุมมอง Macro เป็นแกนหลักในการวิเคราะห์ ไม่ได้หมายถึงการเข้าเลือกหุ้นรายตัว ซึ่งอาจมีหรือไม่มีความสัมพันธ์กับดัชนีก็ได้