หมายเหตุ: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
MACROECONOMICS
Key Takeaways
- Core PPI MoM มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม
- Core CPI MoM มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม
- Core Retail Sales มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
- Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
WEEKLY TONE: MONITOR WEEK
ในสัปดาห์นี้มีตัวชี้วัดที่สำคัญอย่าง Core CPI ออกมา แต่ด้วยการที่ตอนนี้ตลาดได้มีการอยากให้ตัวเลขของ Core CPI ออกมาแย่ เพื่อเป็นแรงกดดันต่อ FED ในการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในปลายเดือน ส่งผลให้พอมีตัวชี้วัดที่ออกมาดี ตลาดนั้นได้มีการ React ในด้านของราคาที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หาก FED ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในปลายเดือน ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือคริปโทฯ เองก็มีแนวโน้มที่จะมีการปรับตัวของราคาเช่นเดียวกัน ในสัปดาห์นี้ควรที่จะรอตัวเลขของ Core CPI ออกมาก่อน เพื่อที่จะตัดสินใจในการทำธุรกรรมในภายหลัง
Important Economic Data this week :
1. Core PPI MoM
Core PPI หรือ Core Producer Price Index คือ จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในราคาขายสำหรับสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ผู้ผลิตได้ขายโดยที่ไม่รวมถึงสินค้าประเภทอาหารและพลังงาน ดัชนีราคาผู้ผลิตจะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในราคาจากมุมองของผู้ขาย เมื่อผู้ผลิตมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับการผลิตสินค้าและบริการนั้นก็น่าจะเป็นไปได้มากว่าผู้ผลิตจะให้ผู้บริโภคแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนั้นแทน ดังนั้นดัชนีราคาผู้ผลิตนี้จึงเชื่อว่าเป็นดัชนีสำคัญที่จะชี้วัดภาวะเงินเฟ้อของผู้บริโภค
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core PPI MoM มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 0.2%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/core-producer-prices-mom
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การคงตัวของ Core PPI แสดงให้เห็นถึงการไม่เปลี่ยนแปลงในด้านของสินค้าและบริการที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน ในฝั่งของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงก็อาจจะช่วยเรื่องของความผันผวนได้บ้าง เพราะด้วยความที่ Core PPI ไม่ได้มีการส่งผลโดยตรงต่อสินทรัพย์เสี่ยงและผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก Core PPI อาจไม่ได้มีมากเท่าตัวชี้วัดอื่น
2. Core CPI MoM
Core CPI หรือ Core Consumer Price Index จะสามารถใช้ชื่อเรียกอีกอย่างได้คือ Core Inflation Rate หรือแปลว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ที่หักสินค้าในหมวดอาหารสดและพลังงานออก เนื่องจากเป็นหมวดที่มีความเคลื่อนไหวขึ้นลงตามฤดูกาล และอยู่นอกเหนือการควบคุมของนโยบายการเงิน เหลือแต่รายการสินค้าที่ราคาเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core CPI มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 0.3%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/core-inflation-rate-mom
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์ในการที่ Core CPI มีแนวโน้มที่จะเท่าเดิม แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่กำลังคงที่ หรือเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างช้า ๆ จริง ๆ แล้วการที่ Core CPI มีการคงที่จะสร้างผลดีให้กับนักลงทุน แต่ด้วย Sentiment ของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงตอนนี้ทำให้ตลาดนั้นยังไม่ดี
3. Core Retail Sales
Core Retail Sales MoM หรือ ดัชนียอดค้าปลีก เป็นการวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายอดขายทั้งหมดในระดับการค้าปลีก ซึ่งเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุดที่บ่งชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับ Retail Sales ที่ไม่รวมการซื้อรถ จะเรียกว่า Core Retail Sales
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core Retail Sales มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 0.2% เป็น 0.4%
Source : https://tradingeconomics.com/united-states/retail-sales-ex-gas-and-autos-mom
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การเพิ่มขึ้นของ Core Retail Sales แสดงให้เห็นถึงสภาพตลาดที่ยังคงมีการเติบโต โดยที่ยอดค้าปลีกนั้นเพิ่มขึ้นสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้ แต่ด้วยการที่ Core Retail Sales นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดคริปโทฯ ทำให้อาจไม่มีผลต่อราคาอย่างมีนัยสำคัญ
CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK
Credit from LayerGG
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
13 มกราคม
- $FTM – รีแบรนด์เหรียญ $FTM เป็น $S
14 มกราคม
- การประกาศค่า U.S. CPI
15 มกราคม
- การประกาศค่า U.S. PPI
- $DRV – เปิดตัวเหรียญโปรเจกต์ Derive
- $STRK – ปลดล็อกเหรียญ 2.83% ของอุปทานหมุนเวียน
16 มกราคม
- $ARB – ปลดล็อกเหรียญ 2.20% ของอุปทานหมุนเวียน
18 มกราคม
- $ONDO – ปลดล็อกเหรียญ 134% ของอุปทานหมุนเวียน
Weekly Crypto Must Watch
Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap
ในส่วนของ Funding Rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดมีความกังวลเรื่องของเงินเฟ้อ ที่อาจจะส่งผลให้การลดอัตราดอกเบี้ยของ FED สามารถทำได้น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งการล้าง Funding Rate จากที่เคยร้อนแรงในช่วงหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ถือว่าเป็นการปรับฐานที่ค่อนข้างดีต่อตลาด
Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest
ในฝั่งของ Bitcoin Futures Open Interest มีการปรับฐานลงจากยอด All Time High ซึ่งสอดคล้องกับราคาและข้อมูลอื่น ๆ กล่าวคือ นักลงทุนมีการ Risk-off หรือปิดสถานะลงไปบ้าง เนื่องจากตลาดเกิดการปรับฐาน อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพใหญ่ Open Interest ของ Bitcoin ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก
Source : https://farside.co.uk/?p=997
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิ 312.8 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นสัปดาห์ที่มี Inflow ค่อนข้างน้อย และมีการขายของนักลงทุนกลุ่มนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากมีการประกาศตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ที่บ่งบอกว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่งผลให้ตลาดลงทุนกังวลเรื่องของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยิ่งขึ้นไปอีก เพราะอาจจะส่งผลให้ FED ลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง
Source : https://farside.co.uk/?p=1518
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 186 ล้านเหรียญ แสดงถึงแนวโน้มเชิงลบต่อ Ethereum เล็กน้อย ซึ่งเป็นภาพเดียวกันกับ Bitcoin Spot ETF และตลาดคริปโทเคอร์เรนซีโดยรวม ที่ยังอยู่ในช่วงของการ Sideways และรอคอยปัจจัยบวกที่จะทำให้นักลงทุนกลับมา Risk-On มากขึ้น
Entering Phase 2
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีโดยรวมมีการปรับฐานเล็กน้อยในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปี 2025 จากข่าวเรื่องการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ และการประกาศตัวเลขแรงงาน ที่ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลเรื่องของเงินเฟ้อที่อาจจะเร่งตัวกลับขึ้นมา และส่งผลกระทบให้ FED ไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปีนี้ เหมือนกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้
สภาพตลาดดังกล่าวทำให้นักลงทุนหลายคนเกิดคำถามว่า ช่วง Bull Run ของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจบลงแล้วหรือไม่ แต่หากพิจารณาจากข้อมูลในอดีต จะพบว่าปัจจุบันเพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Phase 2 เท่านั้น โดยตลาดคริปโทเคอร์เรนซีสามารถถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ
1.) Bitcoin ให้ผลตอบแทนมากกว่า Altcoins
2.) Altcoins ให้ผลตอบแทนมากกว่า Bitcoin
หากสังเกตจากกราฟ จะพบว่า Phase 2 จะเป็นช่วงที่ราคาของ Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้น หากแต่ Altcoins ปรับตัวขึ้นในอัตราส่วนที่มากกว่า
ตัวเลขในปัจจุบันเริ่มแสดงให้เห็นถึง Momentum การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคา Altcoins แล้ว โดยที่ Altcoin มีสัดส่วนในการเติบโตคิดเป็น 52% ของทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวสามารถพุ่งขึ้นไปได้ถึง 67% ใน Cycle ก่อน ๆ เลยทีเดียว ประกอบกับการที่ราคาของ Bitcoin ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะเดียวกัน ทำให้โอกาสในการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซียังมีอีกมาก
ส่วนการปรับฐานที่เกิดขึ้นจากการคาดการณ์ของตลาด มองว่าเป็นแค่ปัจจัยในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากหากมองเรื่องของ Global Liquidity ในปี 2025 จะพบว่า US Treasury จำเป็นต้องทำการ Refinance 1 ใน 3 ของหนี้สินทั้งหมด ซึ่งจำเป็นต้องทำในสภาพเศรษฐกิจที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ประกอบกับการที่ปริมาณหนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะถึงขีดจำกัดเพดานหนี้ในเดือนมกราคม ทำให้มีโอกาสที่จะเกิด Emergency Liquidity Injection
นอกจากนี้ ความกังวลในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ FED ยังคงมีเครื่องมืออย่าง Reverse Repo Facility หรือการทำ QE ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินเข้าไปในตลาด ที่สามารถควบคุม Bond Yield ดังกล่าวไม่ให้ปรับตัวเพิ่มสูงจนเกินไป และไปกดดันสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ
WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS
by Cryptomind Advisory
BTC/USDT
$BTC ในภาพรวมอยู่ในรูปแบบ Sideway Down โดยแนวรับที่สำคัญอยู่ที่บริเวณ $92,000 ซึ่งจากแนวต้าน Trendline ใน RSI ที่กดต่ำลงก็มีแนวโน้มว่าราคาจะลงไปต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวได้ในช่วงเวลาข้างหน้า อย่างไรก็ตามหากราคานั้นไม่ลงไปต่ำกว่า $92,000 ก็มีแนวโน้มที่จะกลับตัวสร้างชุดสะสมเพื่อขึ้นต่อได้ในช่วงเวลาข้างหน้านี้แต่อาจจะเริ่มจากการ Sideway ออกไปก่อนในช่วงแรก
แนวต้าน : $96,000 | $100,000 | $108,000
แนวรับ : $92,000 | $87,000 | $84,000
ETH/USDT
$ETH มีการทำ Lower Low และเคลื่อนที่เป็นขาลงต่อในตอนนี้ โดยแนวรับถัดไปนั้นจะอยู่ที่บริเวณ $3,000 และ $2,800 ในส่วนของ RSI นั้นยังไม่มีสัญญาณกลับตัวเด่นชัดทำให้ในระยะสั้นอาจจะยังคงดำเนิน Trend ขาลงต่อไปได้ มุมมองในการจะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้งคงต้องรอการพักตัวของราคาซึ่งอาจเกิดขึ้นตามแนวรับ รวมถึงสัญญาณการกลับตัวของราคาที่จะสร้างโอกาสขึ้นต่อได้ต่อไป
แนวต้าน : $3,250 | $3,400 | $3,700
แนวรับ : $3,000 | $2,800 | $2,400
ASSET ALLOCATION
by Cryptomind Advisory
Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมาก ๆ ต่อตลาดคริปโทฯ โดยโดนัลด์ ทรัมป์ และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้และสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังไม่สู้ดีนัก จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
BITCOIN 50%
SELECTIVE LARGE MARKET CAP 30%
SELECTIVE SMALL-MID MARKET CAP ALTCOINS 10%
STABLECOINS 10%
Merkle Capital
ที่มา: https://merkle.capital/articles/Merkle-Weekly-Snapshot-13th-17th-January-2025
คำเตือน
สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ | ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต | ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล | เนื้อหาข้างต้นเป็นการรวบรวมเนื้อหาโดยใช้ข้อมูลในอดีตอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล