ตลาดหุ้นอินเดียเปิดสัปดาห์อย่างร้อนแรง หลังจากพรรคภารติยะชนตะ (BJP) ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi คว้าชัยชนะครั้งสำคัญในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติที่รัฐมหาราษฏระ ซึ่งเป็นรัฐที่มั่งคั่งที่สุดของอินเดีย และมีเมืองมุมไบเป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตลาดทุนและเศรษฐกิจของอินเดีย
การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติ (Assembly Election) ของอินเดีย คือการเลือกตั้งเพื่อเลือกสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐ ซึ่งทำหน้าที่ออกกฎหมายและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในแต่ละรัฐในอินเดีย โดยจะเกิดขึ้นทุก ๆ 5 ปี และมีจำนวนสมาชิกแตกต่างกันไปตามขนาดของรัฐนั้น ๆ
ทั้งนี้ดัชนี NSE Nifty 50 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% แตะระดับ 24,312.50 จุด ขณะที่ดัชนี BSE Sensex เพิ่มขึ้น 1,290 จุด หรือ 1.63% แตะ 80,407 จุดในช่วงเปิดตลาดวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2024) ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่วันศุกร์ตลาดหุ้นอินเดียมีการฟื้นตัวดีที่สุดในรอบ 5 เดือน
ปัจจัยบวกหนุนตลาดอินเดีย
นักวิเคราะห์มองว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้ช่วยรักษาความต่อเนื่องของนโยบายในรัฐมหาราษฏระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ
โดย Palka Arora Chopra ผู้อำนวยการบริษัท Master Capital Services กล่าวว่า
“ผลการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะในภาคโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเมือง และการผลิต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรค BJP”
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากปัจจัยภายนอก ทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และความคาดหวังเชิงบวกต่อการแต่งตั้ง Scott Bessent เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาล Trump 2.0 ซึ่งอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านอัตราดอกเบี้ยและภาษี
มุมมองทางเทคนิค
หุ้นอินเดียปรับตัวแรงที่สุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน | Source: Bloomberg
ในเชิงเทคนิค ดัชนี Nifty 50 มีแนวโน้มปรับตัวต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ระดับ 24,800 จุด และแนวรับที่ 23,800 จุด ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่รายชั่วโมง (Hourly Moving Average) และแนวรับในระยะยาวที่บริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (200-Day Moving Average) โดยนักวิเคราะห์จาก Reliance Securities คาดว่าดัชนี Nifty 50 จะสามารถแตะระดับ 24,500 จุดในไม่กี่วันข้างหน้า
ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (BSE) เพิ่มขึ้นถึง 855,000 ล้านรูปี (ประมาณ 350,000 ล้านบาท) ภายในวันเดียว
กลุ่มหุ้นที่ปรับตัวโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มธนาคาร พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ โดยดัชนี Nifty PSU Bank เพิ่มขึ้นกว่า 3% ส่วนหุ้น Bharat Electronics Ltd เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่ Shriram Finance Ltd และ Bharat Petroleum Ltd ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.75%
อย่างไรก็ตาม หุ้นบางตัวในกลุ่ม Nifty 50 เช่น JSW Steel, Infosys Ltd และ Dr Reddy’s Laboratories Ltd กลับมีการปรับตัวลดลง โดยหุ้นที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นได้แก่ IFCI Ltd, J Kumar Infraprojects Ltd และ Sobha Ltd ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 – 14%
ความเชื่อมั่นฟื้นตัว
นักลงทุนทั่วโลกเริ่มกลับมามีมุมมองที่ดีต่ออินเดีย ท่ามกลางข่าวเชิงลบเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท Adani Group แม้ก่อนหน้านี้จะมีแรงขายออกไปกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 483,000 ล้านบาท) ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หุ้นของ Adani Enterprises Ltd. ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 4.1% หลังการประกาศแผนพัฒนาโครงการมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 100,000 ล้านบาท) ในมุมไบ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล Modi
สรุปแล้วชัยชนะในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติของพรรค BJP ที่รัฐมหาราษฏระส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นอินเดียในหลายมิติ ทั้งการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ การดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับสภาวะตลาดโลกที่เอื้ออำนวย ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มเติบโตในระยะถัดไป
กองทุนหุ้นอินเดีย แนะนำโดย Finnomena Funds
Finnomena Funds แนะนำกองทุน B-BHARATA กองทุนรวมหุ้นอินเดีย ที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย และมีน้ำหนักการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น ตามคำแนะนำ Mr.Messenger Call
และกองทุน TISCOINA-A กองทุนรวมหุ้นอินเดียซึ่งเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management และคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up โดยลงทุนผ่าน 3 กองทุนหลักในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ตามคำแนะนำ FundTalk Call และ Mr.Messenger Call
โดย 3 กองทุนหลักที่ TISCOINA-A เข้าลงทุนได้แก่
- Nomura Funds Ireland plc India Equity Fund คัดเลือกหุ้นจากพื้นฐานเป็นหลัก ประมาณ 25-30 ตัว จาก Universe ประมาณ 240 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่
- FSSA Indian Subcontinent Fund เน้นลงทุนในบริษัที่ประกอบธุรกิจในอินเดีย, ศรีลังกา, ปากีสถาน และบังคลาเทศ โดยเน้นลงทุนประมาณ 50 ตัว กระจายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
- Goldman Sachs India Equity Portfolio เลือกหุ้นประมาณ 70-100 ตัว จาก Universe ประมาณ 700 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
อ้างอิง: Bloomberg, Business Today
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299