หมายเหตุ: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
MACROECONOMICS
Key Takeaways
- Core Retail Sales มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยลง
- Core PCE Price Index มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม
- Personal Income มีแนวโน้มที่จะลดลง
- Personal Spending มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
WEEKLY TONE: BUY WEEK
ในสัปดาห์นี้มีตัวชี้วัดที่สำคัญต่อตลาดคริปโตฯ ได้ออกมา เริ่มต้นด้วยการคาดการณ์ Core Retail Sales ที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น รวมไปถึง Core PCE Price Index ที่มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม และไฮไลท์ของสัปดาห์นี้คือ FED Interest Rate Decision หรือการประชุมเพื่อที่จะลดอัตราดอกเบี้ยของ FED สำหรับ Core Retail Sales แสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายในฝั่งของสินค้าและบริการที่เพิ่มมากขึ้น ส่วน FED Interest Rate และ Core PCE Price Index แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่ถูกควบคุม โดยที่ตัวอัตราเงินเฟ้อนั้นกำลังคงที่หรือกำลังชะลอตัวอย่างช้า ๆ และ FED มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งถัดไปอีกด้วย ภาพในตลาดคริปโตฯ ตอนนี้ยังสามารถเปิดความเสี่ยงได้ แต่เหรียญใหญ่ ๆ อย่าง Bitcoin แต่อาจที่จะมี Upside น้อยกว่าเหรียญอื่น ๆ สำหรับ Altcoins สามารถเปิดความเสี่ยงได้ และยังมี Potential ที่จะมี Upside มากกว่า
Important Economic Data this week :
1. Core Retail Sales
Core Retail Sales MoM หรือ ดัชนียอดค้าปลีก เป็นการวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายอดขายทั้งหมดในระดับการค้าปลีก ซึ่งเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุดที่บ่งชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับ Retail Sales ที่ไม่รวมการซื้อรถ จะเรียกว่า Core Retail Sales
คาดการณ์จาก Tradingeconomics: Core Retail Sales มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 0.4% เป็น 0.5%
การคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของ Core Retail Sales แสดงให้เห็นถึงผู้บริโภคที่ได้ใช้จ่ายในฝั่งของสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงสัญญาณบวกของเศรษฐกิจอีกด้วย การเพิ่มขึ้นของ Core Retail Sales ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงแก่นักลงทุนอีกด้วย เศรษฐกิจที่ดีจะทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น หรือนักลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอยู่แล้ว ก็อาจจะมีการมองเข้ามายังสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อหาผลตอบแทนที่มากกว่า
2. FED Interest Rate Decision
สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งสหรัฐฯ หรือ FOMC ได้มีการลงคะแนนเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ย นักเก็งกำไรต่างเฝ้าติดตามคำพูดของเขาอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดค่าเงินตราและความผันผวนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ
คาดการณ์จาก Tradingeconomics: Interest Rate มีแนวโน้มที่ลดจาก 4.50% – 4.75% เหลือ 4.25% – 4.50%
การคาดการณ์ในการลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 4.25% – 4.50% แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่กำลังคงที่หรือชะลอตัวลง อีกทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยยังทำให้ผู้บริโภคนั้นได้นำเงินฝากออกมาลงทุนเพิ่มมากขึ้น นักลงทุนจะเริ่มมองหาสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
3. Core PCE Price Index
United States Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures Price Index) คือดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการที่บรรจุในการบริโภคของประชากรในสหรัฐอเมริกา โดยไม่รวมราคาของอสังหาริมทรัพย์ และค่าประกันสุขภาพ และราคาของสินค้า และบริการที่เป็นผลมาจากราคาของพลังงาน และอาหารที่มีความผันผวนมาก
คาดการณ์จาก Tradingeconomics: Core PCE Price Index มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 0.3%
การคาดการณ์การคงที่ของ Core PCE Price Index แสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่โดนควบคุมไม่ให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังชะลอตัวลงอย่างช้า ๆ อัตราเงินเฟ้อที่คงตัวหรือชะลอตัวสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้อย่างมากโดยเฉพาะในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
18 ธันวาคม
- FED ตัดสินใจทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ย
- $SOPHON – เปิดตัว Mainnet
19 ธันวาคม
- BoJ ตัดสินใจทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ย
- $WBTC – ถูกถอนออกจากกระดานเทรด Coinbase
Weekly Crypto Must Watch
ในส่วนของ Funding Rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการ Liquidate ครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2021 โดย Bitcoin ได้มีการล้างสถานะไปกว่า 1.6 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม ตลาดสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึง Demand ของนักลงทุนที่สูงมาก เหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ Funding Rate มีการปรับฐานในรูปแบบที่ทำให้สภาพตลาด Healthy มากยิ่งขึ้น
Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest
ในฝั่งของ Bitcoin Futures Open Interest มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนทะลุ All Time High อย่างต่อเนื่อง แสดงถึงการเก็งกำไรของนักลงทุนผ่านสัญญา Futures ที่เพิ่มขึ้น ตลาดมีความร้อนแรงหลังจากข่าวดีเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพราะนักลงทุนหลายกลุ่มต้องการเพิ่ม Exposure กับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
Source : https://farside.co.uk/?p=997
ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,167.1 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นสัปดาห์ที่มีแรงซื้อสุทธิต่อเนื่องกันทุกวัน จนผลักดันให้ราคาของ Bitcoin พุ่งทะลุ $100,000 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นตัวเลขทางจิตวิทยาที่สำคัญ ถึงแม้ว่าช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นที่ผ่านมา นักลงทุนระยะยาวจะมีการเทขายออกมาบ้าง แต่แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันก็ยังเป็น Demand ที่สำคัญในการผลักดันราคาต่อไป
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลเข้าทั้งสิ้น 854.8 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแรงซื้อมหาศาลจากนักลงทุนสถาบัน จนทำให้ปัจจุบันเม็ดเงินสุทธิที่ไหลเข้ามาใน Spot Ethereum ETF ทะลุ 2,000 ล้านเหรียญแล้ว ส่งผลให้ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา Ethereum มีผลตอบแทนที่แข็งแกร่งกว่า Bitcoin และเหรียญอื่นๆ
Navigating the Cycle
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin พุ่งทะลุ $100,000 ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขสำคัญทางจิตวิทยา โดยหลังจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ราคา Bitcoin ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่า 45% ในเดือนพฤศจิกายนเลยทีเดียว ส่งผลให้เกิดคำถามที่ตามมาว่า ตลาดในตอนนี้ถึงจุด Top แล้วหรือยัง ถึงแม้ว่าราคาในอนาคตจะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ แต่ข้อมูลในอดีตและข้อมูล On-chain สามารถที่จะบ่งชี้ถึงสภาพตลาดปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
หากพิจารณาจาก Short-Term Holder Supply หรือปริมาณ Bitcoin ที่นักลงทุนระยะสั้นถือ จะพบว่า ปัจจุบันมีค่าอยู่ที่เพียง 16.6% ของอุปทานทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งสามารถตีความได้ว่า เมื่อเทียบกับนักลงทุนทั้งหมด มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเพียงเล็กน้อย และหากสังเกตจาก Cycle รอบก่อนๆ จะพบว่า
- ปี 2017 ราคาถึงจุดพีค เมื่อนักลงทุนระยะสั้นถือ 70% ของอุปทานทั้งหมด
- ปี 2021 ราคาถึงจุดพีค เมื่อนักลงทุนระยะสั้นถือ 25% ของอุปทานทั้งหมด
WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS
by Cryptomind Advisory
BTC/USDT
$BTC ยังคงเป็นการ Sideway Up ขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ ถึงแม้ว่า RSI จะมีการสร้าง Bearish Divergence แล้วแต่ก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก โดยรวม Momentum ยังคงเป็นขาขึ้นอยู่ โดย $BTC จะมีแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ $110,000 และ $120,000 ตามลำดับ การเล่นระยะสั้นยังต้องระวังการย่อตามแนวต้านต่าง ๆ อยู่ในช่วงนี้
แนวต้าน : $100,000 | $120,000 | $150,000
แนวรับ : $91,500 | $86,000 | $83,000
ETH/USDT
$ETH ในระยะสั้นเป็นมุมมองการ Sideway สร้างชุดสะสมในบริเวณแนวต้าน $4,000 โดยจุดที่สำคัญคือการ Breakout ในบริเวณนี้ หาก $ETH มีการ Breakout ขึ้นไปยืนเหนือ $4,000 ได้ จะมีแนวโน้มที่สูงมากที่ $ETH จะไปทำ All-time High ใหม่ได้ แต่หาก $ETH มีการทำราคาลงด้านล่าง Momentum ขาขึ้นจะเกิดการพักตัวลงและอาจเกิดการกลับตัวลงได้เช่นกัน
แนวต้าน : $4,000 | $4,800 | $6,000
แนวรับ : $3,700 | $3,450 | $3,000
ASSET ALLOCATION
by Cryptomind Advisory
ตลาดกำลังมองเห็นโอกาสของเกิด Soft landing ของเศรษฐกิจสหรัฐหลังจากการลดดอกเบี้ยของ FED ทำให้ตลาดเริ่มเปิดความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทโดยโดนัล ทรัมป์ และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
BITCOIN 40%
SELECTIVE LARGE MARKET CAP (30-35%)
SELECTIVE SMALL-MID MARKET CAP ALTCOINS (10-15%)
STABLECOINS 15%
Merkle Capital
ที่มา: https://merkle.capital/articles/Merkle-Weekly-Snapshot-16th-20th-December-2024
คำเตือน
สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ | ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต | ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเสนอการลงทุนหรือการจัดการใด ๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล | เนื้อหาข้างต้นเป็นการรวบรวมเนื้อหาโดยใช้ข้อมูลในอดีตอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจก่อนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล