ปีนี้ Finnomena Funds ได้คัดสุดยอดกองทุนลดหย่อนภาษี เลือกอย่างเข้มข้นโดย “แบงค์” สายเทคนิค Mr.Messenger The Trend Follower “เจ็ท” สายสวน FundTalk The Contrarian และ “หยง” สายถือยาว MEVT The Long-Term Growth คัดสรรแบบ Exclusive จาก 5 ธีมการลงทุนเด่นของกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2024
สำหรับลูกค้า Finnomena สามารถเข้าถึงโพยลับกองทุนภาษี 2024
ได้ที่อีเมล และการแจ้งเตือนบนแอปพลิเคชัน Finnomena
หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน
เปิดบัญชีลงทุนกองทุนรวมกับ Finnomena เพื่อดูรายชื่อโพยลับกองทุนภาษี SSF RMF และ Thai ESG คัดเน้น ๆ แบบ Exclusive! คลิกเลย
เปิด 5 ธีมการลงทุนเด่น กองทุนภาษีปี 2024
1. เติบโตทะลุเทรนด์หุ้นสหรัฐฯ โดย Mr.Messenger The Trend Follower
เทรนด์การเติบโตของกำไร สร้างโอกาสทำผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ในระยะยาว จากแนวโน้มการเติบโตของกำไรในระยะยาวของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ทั้งในอดีตที่ผ่านมาและคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อไปได้จากหลาย ๆ ปัจจัย อาทิ การเติบโตของบริษัทเทคโนโลยี, เทรนด์ AI และ Semiconductor รวมถึงวัฏจักรของอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขาลง จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนให้ยังคงเติบโตต่อไปได้
ข้อมูลเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกองทุน JPMorgan Funds – US Growth Fund เทียบกับดัชนี RUSSELL 1000 Growth และ S&P500 ย้อนหลัง 10 ปี จาก Bloomberg (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ต.ค. 2024)
จากการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ทำให้การลงทุนหุ้นเติบโตสหรัฐฯ ที่มีอัตราการเติบโตสููงมีความน่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการการเติบโตของพอร์ตใน Tax Saving Fund ตามมุมมองของ Mr.Messenger
2. หุ้นเทคโนโลยีสวนกระแส โดย FundTalk The Contrarian
ธีมเทคโนโลยียังมีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว แต่ต้องเน้นไปที่การเติบโตแบบมีกระแสเงินสดที่ดี (Quality Growth) การลงทุนในกลุ่ม Technology ยังคงเป็น Theme หลักของโลกซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม การพิจารณาในเรื่องของการเน้นไปที่การเติบโตแบบมีกระแสเงินสดที่ดี (Quality Growth) มากกว่าการเติบโตแบบ Futuristic Growth เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการลงทุนในบริษัทที่มี High Quality Growth จะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าบริษัทที่เข้าไปลงทุนเป็นบริษัทที่ยังคงมีพื้นฐานดี สามารถไปต่อได้ เนื่องจากไม่ใช่ทุกบริษัทจะมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะสามารถเป็นผู้ชนะในตลาด
จากสไตล์การลงทุนที่เน้นไปทาง Contrarian และเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตสูง จึงต้องการกองทุนที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความผันผวนที่ต่ำกว่ากองทุนหุ้นเติบโตอื่น ๆ และมูลค่าที่เหมาะสม เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนใน Tax Saving Fund ที่ FundTalk The Contrarian แนะนำ
3. คว้าโอกาสกับเศรษฐกิจอินเดียโตแรง โดย FundTalk The Contrarian
การเติบโตของอินเดียมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจาก 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
- ปัจจัยเรื่องโครงสร้างประชากร ซึ่งยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและส่วนใหญ่ยังคงเป็นวัยทำงานซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- การเข้าสู่ Digitalization ช่วยเปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- การเติบโตของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ การก่อสร้างถนนและทางรถไฟ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถและสร้างฐานที่มันคงให้กับเศรษฐกิจอินเดียในระยะยาว
จากประเด็นดังกล่าวข้างต้นเป็นปัจจัยหนุนสำคัญทั้งในด้านการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจอินเดียในระยะยาวต่อจากนี้ จึงเป็นหนึ่งในธีมการลงทุนที่ FundTalk The Contrarian แนะนำจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียที่มาจากพื้นฐานอันแข็งแกร่ง จึงมีความน่าสนใจสำหรับลงทุนระยะยาว
4. เวียดนาม The Hidden Gem แห่งเอเชีย โดย MEVT The Long-Term Growth
เวียดนามระยะยาวปัจจัยหนุนรอบด้าน The Hidden Gem of ASEAN ด้วยขนาดและลักษณะของตลาดที่ยังคงเป็น “ตลาดชายขอบ (Frontier Market)” ทำให้นักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่อาจจะมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการลงทุนในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่ของการเติบโตและปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ เวียดนามเป็นอีกหนึ่งประเทศที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “Hidden Gem” ที่อาจจะสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างคาดไม่ถึงสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยความน่าสนใจของการลงทุนในเวียดนามมีอยู่หลากหลายมิติ อาทิ
- การขยายตัวทางเศรษฐกิจและโครงสร้างที่น่าสนใจต่อการลงทุน เวียดนามถูกคาดการณ์ว่าการขยายตัวของ GDP ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตอยู่ที่ระดับประมาณ 7% ต่อปี ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก ซึ่งมีปัจจัยสนับลสนุนมาจากตัวเลขการลงทุนตรงจากต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง (FDI), โครงสร้างประชากรส่วนใหญ่ที่คนส่วนใหญ่ยังคงเป็นวัยทำงาน และโครงสร้างภาษีนิติบุคคลที่น่าดึงดุดต่อการลงทุน
- การเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทที่สูง ซึ่งไม่สอดคล้องกับ Valuation ของตลาดหุ้นเวียดนามที่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่เวียดนามยังคงเป็นตลาด Frontier Market ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศยังคงมีข้อจำกัด
- แนวโน้มจากกระแสเงินลงทุนไหลเข้าจากการ Upgrade ตลาด เวียดนามมีแผนที่จะอัพเกรดตัวเองเป็นตลาด Emerging Market ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่าน่าจะมีความเป็นไปได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งจะสนับสนุนทำให้กระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศทั้งกองทุนประเภท Active และ Passive พิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทเวียดนามมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อราคาหุ้นของเวียดนามในระยะต่อไป
ข้อมูลแสดงความเคลื่อนไหวดัชนี VN Index, Earning Momentum และ Bloomberg Estimate P/E Ratio ย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ต.ค. 2024) สะท้อนว่า Earning Momentum ในช่วงที่ผ่านมายังคงเติบโต แต่ดัชนีเวียดนามยังอยู่ในระดับที่ถูก
จากโอกาสการเติบโตระยะยาวทั้งในแง่ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจและบริษัท รวมถึง Valuation ที่อยู่ในระดับน่าสนใจ เวียดนามน่าสนใจทั้งในมิติ Macroeconomic, Earning และ Valuation สอดคล้องกับกรอบการวิเคราะห์ MEVT ที่ทาง Finnomena ใช้สำหรับการวิเคราะห์การลงทุนในระยะยาว
5. ลดหย่อนเต็มที่ โอกาสล็อก Yield ตราสารหนี้ โดย MEVT The Long-Term Growth
เปิดโอกาสล็อก Yield ตราสารหนี้ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยไทยที่สูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี เนื่องจากปลายปี 2022 จนถึงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (BOT) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง จากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของหลาย ๆ ประเทศในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างแรงกดดันต่อเสถียรภาพของค่าเงิน จึงมีความจำเป็นที่แบงก์ชาติต้องดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวเพื่อรักษาระดับของเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนและควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและการลงทุนในตราสารหนี้ในตลาดมีความน่าสนใจมากขึ้นโดยภาพรวม
ข้อมูลแสดงความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยย้อนหลัง 10 ปี จาก Trading Economics (ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ย. 2024) ชี้ให้เห็นว่าระดับของอัตราดอกเบี้ยไทยในปัจจุบันอยู่สูงกว่าในอดีต
จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มปรับลดลงตามเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ทำให้กองทุน Thai ESG ตราสารหนี้ มีความน่าสนใจเนื่องจากรับโอกาสจากการล็อก Yield ที่สูง และโอกาสในเรื่องของราคาตราสารหนี้ในพอร์ตที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ
เปิดบัญชีลงทุนกองทุนรวมกับ Finnomena เพื่อดูรายชื่อโพยลับกองทุนภาษี SSF, RMF และ Thai ESG คัดเน้น ๆ แบบ Exclusive! คลิกเลย
จัดทำโดยบลป. เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299