Nvidia เบียด Intel หลุด Dow Jones

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์กำลังเกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อ Nvidia (NVDA) ผู้นำด้านชิป AI จะเข้ามาแทนที่ Intel (INTC) อดีตผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก ในดัชนี Dow Jones Industrial Average โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนนี้

Dow Jones ดัชนีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ดัชนี Dow Jones มีชื่อเต็มว่า Dow Jones Industrial Average (DJIA) เป็นดัชนีทางการเงินเก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ยังคงมีการเผยแพร่อยู่ในปัจจุบัน โดยถือกำเนิดขึ้นในปี 1896 จาก Charles Dow และ Edward Jones สองนักหนังสือพิมพ์ด้านการเงิน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือวัด “สุขภาพ” ของเศรษฐกิจอเมริกา

ในช่วงเริ่มต้นดัชนี Dow Jones ประกอบไปด้วยด้วยหุ้น 12 บริษัท และต่อมาในปี 1928 ก็ได้ขยายตัวเป็น 30 บริษัทจนถึงปัจจุบัน

ดัชนี Dow Jones คัดเลือกหุ้นยังไง?

ดัชนี Dow Jones มีการเกณฑ์ที่เข้มงวดในการคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนี โดยจะต้องเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำ

โดยบริษัทที่จะเข้าสู่ดัชนี Dow Jones ต้องมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง โดยทั่วไปบริษัทได้รับการพิจารณามักมี Market Cap มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.38 ล้านล้านบาท)

นอกจากนี้ ยังต้องมีประวัติการดำเนินงานที่ยาวนาน มีความมั่นคงทางการเงิน และมีกำไรติดต่อกันมาหลายไตรมาส ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้น Blue Chip ในกลุ่มเทคโนโลยี การเงิน และค้าปลีกที่สะท้อนโครงสร้างเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นที่สำคัญของดัชนี Dow Jones คือการถ่วงน้ำหนักด้วยราคา (Price-weighted) ไม่ใช่ Market Cap เหมือนดัชนีอื่น ๆ เช่น S&P 500 หรือ Nasdaq 100 นั่นหมายความว่าหุ้นที่มีราคาสูงจะส่งอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากกว่า แม้ว่าบริษัทดังกล่าวอาจมี Market Cap น้อยกว่า

วิธีการคำนวณดัชนี Dow Jones นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา คือ นำราคาปิดของหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในดัชนีมาบวกกัน แล้วนำผลรวมนั้นไปหารด้วยตัวเลขที่เรียกว่า “Dow Divisor” ซึ่งตัวหารนี้จะถูกปรับเปลี่ยนอยู่เสมอเพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น การแตกหุ้น การรวมกิจการ หรือการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของดัชนี

ตลอด 128 ปีที่ผ่านมา Dow Jones มีการปรับเปลี่ยนหุ้นในดัชนีมาแล้วกว่า 50 ครั้ง สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านจากยุคอุตสาหกรรมหนักสู่ยุคดิจิทัล และการที่ Nvidia เข้ามาแทนที่ Intel ในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณของการก้าวสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว

Intel อำลา Dow Jones

หลังจากอยู่ในตำแหน่งมากว่า 25 ปี Intel จะต้องอำลาดัชนี Dow Jones ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ขณะที่ Nvidia ได้ก้าวขึ้นเป็นสมาชิก “3 Trillion Dollar Club” กลุ่มบริษัทชั้นนำที่มี Market Cap เกิน 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 100 ล้านล้านบาท) ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Apple

ปี 2024 นับเป็นปีทองของ Nvidia เมื่อราคาหุ้นพุ่งทะยานกว่า 180% และหากนับตั้งแต่ต้นปี 2023 ราคาหุ้นของ Nvidia ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า โดยมีแรงหนุนหลักจากกระแส AI ที่กำลังร้อนแรงไปทั่วโลก

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 พฤศจิกายน 2024) ราคาหุ้น Nvidia ปิดที่ 135.37 ดอลลาร์สหรัฐ ตรงข้ามกับ Intel ที่เผชิญภาวะซบเซามากว่าหนึ่งปี และยังคงดิ้นรนกับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดชิป AI โดยราคาหุ้นของ Intel ได้ปรับตัวลงมากว่า -50% ในปีนี้

และในไตรมาส 3/2024 Intel ได้รายงานผลขาดทุนมหาศาลถึง 16,600 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าหุ้นจะฟื้นตัวขึ้น 8% หลังประกาศคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4/2024 ก็ตาม

ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตารอผลประกอบการไตรมาส 3/2024 ของ Nvidia ที่จะประกาศในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งกระแส AI Boom ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของ Nvidia โดยบริษัทได้เร่งกำลังการผลิตชิป AI รุ่นใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันตลาดยังคงผันผวนจากปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ โดย Apple บริษัท Big Tech ที่มี Market Cap สูงสุดในโลก เผชิญกับแรงเทขายจนราคาร่วง 2% แม้รายได้จะดีกว่าคาด แต่กำไรไตรมาส 4/2024 กลับดิ่งลงถึง 36% เทียบปีก่อน จากเหตุถูกปรับภาษีในยุโรปกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 338,000 ล้านดอลลาร์)

กองทุนหุ้นอเมริกา ลงทุนตามดัชนี Dow Jones

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนล้อไปตามดัชนี Dow Jones ปัจจุบันมีกองทุนให้เลือกคือ SCBDJI(A) และ SCBDJI(SSF) ซึ่งเป็น Passive Fund ที่ลงทุนผ่าน SPDR Dow Jones Industrial Average ETF Trust

ด้วยการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวของอเมริกา โดยมีส่วนผสมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม และหุ้นเติบโตแห่งอนาคต


อ้างอิง: Edge Middle East, Finnomena, Settrade

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

TSF2024