Executive Summary
- ระดับ Valuation ของหุ้นในสหรัฐอเมริกาสูง เหมาะสมสำหรับการทยอยทำกำไร
- คาดการณ์ตลาดมีความผันผวนจากการเลือกตั้งและการประกาศงบการเงิน
- แนะนำลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงบางส่วนและเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้โลกหรือเอเชีย
- สับเปลี่ยนออกจากกองทุนตลาดเงินเข้ากองทุนตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากทิศทางดอกเบี้ยและภาพรวมตลาดหุ้นกู้ที่กลับมาเป็นปกติ
ภาพรวมคำแนะนำ
พอร์ต All Balance
- ลดสัดส่วน AFMOAT-HA 5% และ B-INNOTECH 5%
- เพิ่มสัดส่วน KKP PLUS 10%
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 24/10/2024
Finnomena Funds มองว่าระดับ Valuation ปัจจุบันของหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการทยอยทำกำไร ทั้งนี้ ในอนาคตตลาดอาจมีความผันผวนมากขึ้นจากประเด็นการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และการประกาศงบการเงิน จึงแนะนำให้ปรับพอร์ตโดยลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม และเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้โลกหรือเอเชีย นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ย้ายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศไทย เพื่อเพิ่ม Yield ในภาพรวมให้สอดคล้องกับบริบทอัตราดอกเบี้ยที่กำลังปรับตัวลง
มุมมองสำหรับพอร์ต All Balace
สำหรับภาพรวมพอร์ต All Balance ทาง Finnomena Funds แนะนำให้ลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุน Satellite หรือกองทุนที่ทำหน้าที่สร้าง Alpha ระยะสั้น โดยหลังการปรับลดดังกล่าว พอร์ตทั้ง 3 จะยังคงรักษาสัดส่วนการลงทุนตามกรอบ SAA ระยะยาวที่ได้วางไว้
แนะนำให้ทำกำไรในกองทุนหุ้น 2 กอง ได้แก่ AFMOAT-HA และ B-INNOTECH จากระดับ Valuation ที่สูง โดยการลดสัดส่วนดังกล่าวจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐฯ และฤดูกาลประกาศงบที่กำลังเกิดขึ้น และแนะนำให้พักเงินในกองทุน KKP PLUS เพื่อรอโอกาสในการลงทุนในอนาคต
รายละเอียดกองทุนที่แนะนำ
KKP PLUS
- กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและบริษัทเอกชนที่มีความมั่นคง พร้อมทั้งให้ผลตอบแทนที่ดี โดยกองทุนจะรักษาอายุถัวเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก (Portfolio Duration) ไม่เกิน 1.5 ปี โดยเฉลี่ยตลอดปีบัญชี นอกจากนี้ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ณ วันที่ลงทุนจะต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป
- กลยุทธ์การลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
- ดัชนีชี้วัด ประกอบด้วย:
- 30% ผลตอบแทนรวมของดัชนีพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
- 35% ดัชนีผลตอบแทนรวมตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (ThaiBMA Commercial Paper Index) ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในระดับ A- ขึ้นไป ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
- 5% ผลตอบแทนรวมสุทธิของดัชนีตราสารหนี้ภาคเอกชน Mark-to-Market ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในระดับ BBB+ ขึ้นไป อายุ 1 – 3 ปี ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
- 10% อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน สำหรับวงเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท เฉลี่ยของ 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ หลังหักภาษี
- 20% ของ Overnight Indexed Swap (OIS) 3 เดือน หลังหักภาษี ปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทน
Source: am.kkpfg.com as of 24/10/2024
จัดทำโดยบลป.เดฟินิท สำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)
สามารถเข้าถึงรายละเอียดกองทุนต่าง ๆ และ Fund Fact Sheet ได้จาก Link บนชื่อกองทุน
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299