วันนี้ (18 ตุลาคม 2024) ดัชนี HSCEI หรือหุ้น H-Share ของจีน และดัชนี Hang Seng (HSI) ของฮ่องกงพุ่งแรงกว่า 3% โดยพาน กงเซิ่ง ( Pan Gongsheng) ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBoC) เปิดเผยว่าอาจปรับลด Reserve Ratio Requirement (RRR) ลงอีก 0.25% – 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงยังระบุว่าได้เริ่มดำเนินโครงการ Re-lending Program ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทางการจีนประกาศออกมา โดยมีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านหยวน (4.21 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อเสริมสร้างความความเชื่อมั่นในตลาด โดยโครงการนี้จะเสนอสินเชื่อที่ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ธนาคาร 21 แห่งเพื่อปล่อยกู้ให้กับบริษัทที่เข้าเกณฑ์
นอกจากนี้ PBoC ยังได้เริ่ม Swap Program หรือ โครงการ SFISF ซึ่งเป็นโครงการที่จะอนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ กองทุน และบริษัทประกัน สามารถเพิ่มสภาพคล่องจากธนาคารกลางเพื่อซื้อหุ้น โดย PBoC ได้เปิดเผยว่ามีมูลค่าโควต้าการสมัครชุดแรกมีมูลค่าเกินกว่า 2 แสนล้านหยวน (2.74 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และภายใต้โครงการ SFISF นั้นบริษัทที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสามารถใช้สินทรัพย์ของตนเอง เช่น พันธบัตร กองทุน ETF หุ้น และการถือครองหุ้นในดัชนี CSI300 เป็นหลักประกันเพื่อแลกกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงได้ ด้านสำนักข่าวซินหัวได้ระบุว่า ตอนนี้มีบริษัทหลักทรัพย์และกองทุนรวม 20 แห่งได้รับอนุมัติเข้าโครงการแล้ว โดยการประกาศความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นและการส่งสัญญาณลด RRR ลง เกิดขึ้นหลังจากตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 4.6% YoY ตามตลาดคาดการณ์ แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ที่ 5%
Finnomena Funds มองว่า แม้รัฐบาลจีนพยายามออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่นเพิ่มเติม ภายหลังจากตัวเลข GDP ที่ออกมาต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ 5% แต่เรามองว่าให้ใช้จังหวะในนี้การทยอยลดสัดส่วนหุ้นจีน เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น หนี้ภาคเอกชนที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การปรับตัวขึ้นของหุ้นจีนในช่วงที่ผ่านมาทำให้ Valuation ของตลาดหุ้นไม่ได้อยู่ในโซนถูก
เราจึงแนะนำทยอยลดสัดส่วนหุ้นจีนในกองทุน B-CHINE-EQ, MEGA10CHINA-A และ SCBCHAA ตามมุมมองของ Finnomena Funds และสำหรับมุมมองของ FundTalk Call แนะนำขายในกองทุน UOBSGC
จัดทำโดยบลป. เดฟินิทสำหรับบลน. ฟินโนมีนา (Finnomena Funds)