การลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องมีหลักการที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายแต่ละบุคคล การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การลงทุนไปเรื่อย ๆ ตามกระแสหรือข่าวลือที่ได้รับมา เปรียบเสมือนการขับรถโดยไม่มีแผนที่หรือเข็มทิศนำทาง อาจทำให้หลงทางและไม่สามารถควบคุมทิศทางการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่ตามมาคือพอร์ตการลงทุนยากที่จะแก้ไขในระยะยาว บทความนี้จึงขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “FVMR Framework” โมเดลการลงทุนที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์สินทรัพย์รอบด้าน เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งได้อย่างยั่งยืน
รู้จัก FVMR Framework
“FVMR Framework” คือการวิเคราะห์สินทรัพย์รอบด้าน ทั้ง Fundamental, Valuation, Momentum และ Risk โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Fundamental (พื้นฐานของสินทรัพย์) เช่น เทรนด์การเติบโตของผลกำไร ศักยภาพการทำกำไร
- Valuation (มูลค่าของสินทรัพย์) เช่น Price to Book, PE to EPS Growth (PEG)
- Momentum (โมเมนตัมของสินทรัพย์) ดูแนวโน้มการทำกำไร ราคาสินทรัพย์ เพื่อป้องกันการเผชิญ Value Trap
- Risk (ความเสี่ยง) เช่น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) ความเสี่ยงของตลาด (Market Risk)
ข้อดีของ FVMR Framework
- ครอบคลุมทุกมิติของการลงทุน: FVMR Framework ช่วยให้นักลงทุนมองภาพรวมของสินทรัพย์ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานของธุรกิจ มูลค่าที่เหมาะสม แนวโน้มราคา และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้น
- ลดความเสี่ยงในการลงทุน: การวิเคราะห์รอบด้านตาม FVMR Framework จะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่ดูเหมือนมีมูลค่าถูก (Value Trap) แต่ในความเป็นจริงอาจมีปัญหาพื้นฐานที่ซ่อนอยู่
- เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ: การนำข้อมูลจากทั้ง 4 ด้านมาวิเคราะห์ร่วมกัน ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและมีเหตุผลมากขึ้น ลดความผิดพลาดจากการตัดสินใจที่อาศัยข้อมูลเพียงด้านเดียว
- กรอบการวิเคราะห์เป็นระบบ: FVMR Framework เป็นกรอบการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ ทำให้นักลงทุนสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ และช่วยสร้างวินัยในการลงทุนให้เป็นระบบมากขึ้น
- ปรับใช้ได้กับทุกประเภทสินทรัพย์: แม้ว่า FVMR Framework จะถูกพัฒนามาเพื่อใช้กับหุ้น แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ได้ เช่น กองทุนรวม หรือตราสารหนี้
FVMR Framework เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ การนำ FVMR Framework ไปปรับใช้จะช่วยให้สามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งและทำให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับใครที่อยากลงทุนแบบวิเคราะห์ให้ครบรอบด้านตามโมเดล FVMR Framework แต่ไม่มีเวลาหรือความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สินทรัพย์ พอร์ต All Weather Strategy (AWS) คือคำตอบ! พอร์ตกองทุนที่พร้อมลุยทุกสภาวะตลาด ใช้โมเดล FVMR Framework เป็นกลยุทธ์ในการลงทุน มีการกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ตอบโจทย์คนที่ต้องการลงทุนแบบนอนหลับสบาย เพราะมีอดีตนักวิเคราะห์อันดับ 1 ของประเทศไทยอย่างคุณ Andrew Stotz มาช่วยดูแลพอร์ตให้คุณ
นโยบายการลงทุนของพอร์ต All Weather Strategy
พอร์ต All Weather Strategy (AWS) เป็นพอร์ตการลงทุนที่ทางทีมงานของ Dr. Andrew Stotz จับมือร่วมกับ Finnomena Funds สรรค์สร้างขึ้นมา โดยพอร์ต AWS นี้ มุ่งหวังที่จะเพิ่มพูนและปกป้องความมั่งคั่งระยะยาวผ่านการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ เพื่อช่วยปกป้องพอร์ตให้พร้อมลุยทุกสภาวะตลาด (All Weather) นอกจากนี้พอร์ต AWS ยังเน้นลงทุนในกองทุน Passive ที่มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและสมเหตุสมผล เพื่อเน้นสะท้อนผลตอนแทนเทียบกับตลาด และไม่ฉุดรั้งผลตอบแทนระยะยาวของนักลงทุน โดยพอร์ต AWS จะมีการปรับพอร์ต (Rebalance) ปีละ 2-4 ครั้ง
จุดเด่นพอร์ต All Weather Strategy
- ใช้ ‘FVMR Framework’ เป็นกลยุทธ์ในการลงทุน ซึ่งประกอบไปด้วย Fundamental (พื้นฐานของสินทรัพย์), Valuation (มูลค่าของสินทรัพย์), Momentum (โมเมนตัมของสินทรัพย์) และ Risk (ความเสี่ยง)
- กระจายการลงทุนไปทั่วโลก ไม่จำกัดเพียงแค่ในประเทศไทย
- มีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลายประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ เพื่อช่วยลดความผันผวน พร้อมเฟ้นหาโอกาสลงทุนใหม่ ๆ ตามสภาวะตลาดอยู่เสมอเพื่อให้ผลตอบแทนเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
- สร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้น และจำกัดการขาดทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นพักฐาน
- ใช้หลักการวิเคราะห์ทั้งเชิงประมาณ (Quantitative) ที่ใช้สูตรและโมเดลทางคณิตศาสตร์ และเชิงคุณภาพ (Qualitative) ที่ใช้ประสบการณ์และความรู้ของทีมงาน เพื่อให้ได้พอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมที่สุด
- ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท และไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการจัดพอร์ตลงทุน
All Weather Strategy เหมาะกับใคร?
- คนที่ต้องการให้เงินเติบโตไม่เน้นปันผล
- คนที่ต้องการการลงทุนที่ยืดหยุ่น ปรับพอร์ตตามสถานการณ์เสมอ
- คนที่มีเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 500,000 บาท
- คนที่พร้อมลงทุนระยะกลาง 3 ปีขึ้นไป
สามารถติดตามมุมมองการลงทุนรายละเอียดการปรับพอร์ตอย่างใกล้ชิดได้ที่
https://www.finnomena.com/tag/guruport-aws/
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน All Weather Strategy สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >> แอปฯ Finnomena
ผ่านคอมพิวเตอร์ >> เว็บไซต์ Finnomena
**All Weather Strategy พอร์ตกองทุนรวมจัดโดย A. Stotz Investment Research ซึ่งจะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนจากหุ้นในระยะยาว ในขณะที่ลดความรุนแรงของการขาดทุนในช่วงภาวะตลาดขาลง หากสนใจสร้างแผนการลงทุน สามารถคลิกที่นี่ https://finno.me/plan-guruport-aws-ws หรือแบนเนอร์ข้างล่างได้เลย
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”