โพยกองทุนลดหย่อนภาษี SSF RMF Thai ESG อัปเดตใหม่ พ.ย. 2024

ลดหย่อนภาษีปีนี้ ซื้อกองทุนอะไรดี? สรุปมาให้แล้วแบบครบ ๆ ทั้งกองทุน SSF กองทุน RMF และกองทุน Thai ESG จากหลากหลาย บลจ. ด้วยคำแนะนำการลงทุนที่เป็นกลาง

สารบัญ SSF รายกอง (คลิกชื่อกองที่สนใจได้เลย)

  1. หุ้นโลก: KKP GNP-SSF
  2. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี: B-INNOTECHSSF
  3. หุ้นกลุ่มสุขภาพ:  KT-HEALTHCARE-SSF
  4. หุ้นสหรัฐฯ คุณค่า: AFMOAT-HSSF
  5. หุ้นสหรัฐฯ เติบโต: B-USALPHASSF
  6. หุ้นเอเชียตลาดเกิดใหม่: B-ASIASSF และ UOBSA-SSF
  7. หุ้นจีน: SCBMLCA(SSF)
  8. หุ้นเวียดนาม: K-VIETNAM-SSF
  9. หุ้นอินเดีย: KKP INDIA-UH-SSF
  10. หุ้นไทย: ASP-SMESSF
  11. กองทุนผสม: UGBF-SSF
  12. ตราสารหนี้โลก: UGIS-SSF
  13. ตราสารหนี้ไทย: KKP ACT FIXED-SSF
  14. ทองคำ: SCBGOLDH-SSF

สารบัญ RMF รายกอง (คลิกชื่อกองที่สนใจได้เลย)

  1. หุ้นโลก: KKP GNP RMF-UH
  2. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี: B-INNOTECHRMF
  3. หุ้นกลุ่มสุขภาพ: SCBRMGHC
  4. หุ้นสหรัฐฯ คุณค่า: AFMOATHRMF
  5. หุ้นสหรัฐฯ เติบโต: B-USALPHARMF
  6. หุ้นเอเชียตลาดเกิดใหม่: B-ASIARMF
  7. หุ้นอินเดีย: B-INDIAMRMF
  8. หุ้นจีน: SCBRMMLCA
  9. หุ้นเวียดนาม: PRINCIPAL VNEQRMF
  10. หุ้นไทย: ASP-SMERMF
  11. กองทุนผสม: UGBFRMF
  12. ตราสารหนี้โลก: UGISRMF 
  13. ตราสารหนี้ไทย: KKP INRMF 
  14. ทองคำ: BGOLDRMF

สารบัญ Thai ESG รายกอง (คลิกชื่อกองที่สนใจได้เลย)

  1. หุ้นไทย: ASP-ThaiESG
  2. กองทุนผสม: KTAG70/30-ThaiESG
  3. ตราสารหนี้ไทย: KKP GB ThaiESG

โพยกองทุน SSF แนะนำ

โพยกองทุนลดหย่อนภาษี SSF อัปเดตใหม่ พ.ย. 2024

มุมมองการลงทุนโดย Finnomena Funds ณ เดือนพฤศจิกายน 2024

หุ้นโลก: KKP GNP-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Capital Group – New Perspective Fund ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ซึ่งมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของโลกอนาคต
  2. มีสไตล์การลงทุนที่สร้าง Alpha ในระยะยาว พร้อมกับรักษาความผันผวนของพอร์ตให้ไม่สูงเกินไป โดยที่ผลตอบแทนมีความสัมพันธ์กับหุ้นโลก MSCI ACWI
  3. ทีมผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ประสบการณ์สูง โดย Portfolio Turnover ค่อนข้างต่ำเฉลี่ยที่ 25% และมีหุ้นกว่า 60% ถือครองมานานกว่า 5 ปี
  4. เลือกหุ้นแบบ Bottom-Up และไม่ได้มี High Conviction มากเกินไปจนทำให้มีการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรมผิดเพี้ยนไปจากดัชนีอ้างอิง 
  5. KKP GNP-SSF ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ซึ่งในระยะสั้นช่วยลดต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูง

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี: B-INNOTECHSSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Technology ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก 
  2. บริหารโดยผู้จัดการกองทุน ‘Hyun Ho Sohn’ มากว่า 11 ปี และร่วมงานกับ Fidelity มากว่า 18 ปี 
  3. คัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up เน้นหุ้นเติบโต มูลค่าไม่แพง จัดออกมาเป็นพอร์ตหุ้นเทคโนโลยี P/E ต่ำ และมีความผันผวนน้อยกว่ากองทุนหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ 
  4. เหมาะกับการเป็นกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเพื่อลงทุนระยะยาว จากผลตอบแทนที่โดดเด่นนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่มสุขภาพ: KT-HEALTHCARE-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Janus Henderson Global Life Sciences Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมสุขภาพทั่วโลก 
  2. บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติการศึกษาในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ และมีประวัติการบริหารกองทุน Healthcare มานานกว่า 20 ปี 
  3. มีการลงทุนหุ้น Healthcare หลากหลายธีม เช่น ผู้ผลิตยา ธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ผู้ให้บริการด้านประกันสุขภาพ และมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนให้เหมาะสมอยู่เสมอ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นสหรัฐฯ แบบเน้นคุณค่า: AFMOAT-HSSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก VanEck Morningstar Wide Moat ETF เน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง ทนทานทุกสภาวะตลาด และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม 
  2. มีการควบคุมความเสี่ยงด้วยวิธีการเชิง Valuation และการกระจายน้ำหนักลงทุนแบบให้น้ำหนักรายหุ้นเท่ากัน (Equal Weight) ซึ่งช่วยให้ความเสี่ยงของพอร์ตอยู่ในระดับต่ำ 
  3. ผลตอบแทนในระยะยาวเหนือกว่าดัชนี S&P500 จากการรักษา Drawdown ให้ต่ำ และได้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงตลาดขาขึ้น

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นสหรัฐฯ แบบเน้นเติบโต: B-USALPHASSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Growth Fund โดยเน้นเอาชนะดัชนี Russell 1000 Growth ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดหุ้นเติบโตในสหรัฐฯ 
  2. คัดเลือกหุ้นระหว่าง 60-80 บริษัท และพิจารณาเรื่อง Price Momentum เพื่อให้การลงทุนมีความสามารถในการ Capture Upside ได้ดีในช่วงตลาดขาขึ้น และบริหาร Downside ได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงตลาดขาลง 
  3. มีทีมบริหารประสบการณ์สูงในการทำกลยุทธ์มาตั้งแต่ปี 2005 พิสูจน์ด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนหลักที่โดดเด่นอย่างมากเมื่อเทียบกับกลุ่ม US Large-Cap Growth

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นเอเชียตลาดเกิดใหม่: B-ASIASSF และ UOBSA-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน B-ASIASSF

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Invesco Asian Equity Fund ในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) 
  2. บริหารแบบเชิกรุก (Active) ค้นหาหุ้นเอเชียขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง พร้อมด้วยกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุนแบบมืออาชีพ ที่บางจังหวะได้เพิ่มน้ำหนักในหุ้นเอเชียบางตลาดที่หลายคนมองข้าม (Contrarian)
  3. ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนทำได้ดีกว่าดัชนีชี้วัดนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน UOBSA-SSF

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก United Asia Fund ซึ่งเน้นคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) 
  2. บริหารแบบเชิกรุก (Active) โดยใช้ AI ช่วยคัดเลือกหุ้นจากทั้งหมดหลายหมื่นตัว ร่วมกับการวิเคราะห์เชิงลึกของนักวิเคราะห์ เพื่อเลือกหุ้นให้เหลือเพียง 50 บริษัท 
  3. กลยุทธ์มีความ Active สูง ทบทวนปรับพอร์ตทุกเดือน เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยสไตล์การลงทุนที่กว้าง สามารถลงทุนได้หลากทั้งหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นจีน: SCBMLCA(SSF)

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนแบบ All China บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่เฉพาะทางใน Machine Learning และมีประสบการณ์สูงของบลจ. ไทยพาณิชย์
  2. คัดเลือกหุ้นด้วย Machine Learning โดยใช้ข้อมูลหลากหลายมิติ จากนั้นจึงทำ Portfolio Optimization เพื่อควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับเหมาะสม 
  3. ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินแบบ Active ระหว่างสกุลเงินบาทและสกุลเงินที่ลงทุน (ดอลลาร์ฮ่องกงหรือหยวน) ซึ่งมีส่วนช่วยให้กองทุนมีผลตอบแทนเหนือกว่ากองทุนหุ้นจีนอื่น ๆ ที่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน USD/THB จากการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนหลักในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นเวียดนาม: K-VIETNAM-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งดำเนินธุรกิจหรือได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือมีทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม 
  2. บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนชาวไทยที่มีประสบการณ์ ลดการเสียค่าธรรมเนียมหลายต่อจากการลงทุนผ่าน Feeder Fund 
  3. เป็นกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้เป็นลำดับต้น ๆ ของกองทุนเวียดนามในไทย ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีค่าธรรมเนียมไม่แพง

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นอินเดีย: KKP INDIA-UH-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในหุ้นอินเดียผ่านกองทุนหลัก Robeco Indian Equities ซึ่งมีปรัชญาการลงทุนที่ยืดหยุ่น เน้นสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี MSCI India Total Net Return
  2. กระจายลงทุนในหุ้นอินเดียที่มี Market Cap. แตกต่างกัน โดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้เฉลี่ยประมาณ 3% ต่อปี เมื่อเทียบกับ Benchmark 
  3. มีทีมนักวิเคราะห์เป็นชาวอินเดียอยู่ที่ Mumbai รวมถึงผู้จัดการกองทุน Abhay Laijawala บริหารกลยุทธ์มาตั้งแต่จัดตั้งกอง ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญและความต่อเนื่องในการบริหารจัดการกองทุน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นไทย: ASP-SMESSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. กองทุนหุ้นไทยที่เน้นลงทุนในบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งที่จดทะเบียนใน SET และ mai รวมถึงการจองซื้อตั้งแต่ช่วง IPO 
  2. มีกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up เพื่อเฟ้นหาหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มเติบโตระยะยาว โดยจะต้องมีมูลค่าหลักทรัพย์ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ก่อนวันเข้าลงทุน 
  3. ปรัชญาการลงทุนของกองทุนเชื่อว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพ จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดดได้มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

กองทุนผสม: UGBF-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก JPM Global Balanced C (acc) – USD (hedged) บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ทั้งในองค์กรและในอุตสาหกรรมเฉลี่ยมากกว่า 20 ปี 
  2. เน้นไปที่การจัดพอร์ตประเภท 50/50 คือหุ้นทั่วโลก 50% และตราสารหนี้ทั่วโลก 50% 
  3. กองทุนสามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาวเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด และมีผลตอบแทนโดดเด่นเหนือกว่ากองทุนอื่น ๆ ในประเภทเดียวกัน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ตราสารหนี้โลก: UGIS-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก 
  2. มีจุดเด่นที่การลงทุนแบบเชิงรุก (Active) ปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอ ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ
  3. บริหารกองทุนโดย PIMCO Asset Management บริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงด้านกองทุนตราสารหนี้มาอย่างยาวนาน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ตราสารหนี้ไทย: KKP ACT FIXED-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยพิจารณาตราสารหนี้ที่มีฐานะการเงินดี และสภาพคล่องสูง
  2. บริหารจัดการแบบ Dynamic ซึ่งจะปรับอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในกองทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด และคัดเลือกตราสารหนี้ภาคเอกชนด้วยความเสี่ยงที่เหมาะสม
  3. กองทุนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น บริหารงานโดยผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ที่เคยได้รับรางวัล Morningstar Awards 2 ปีซ้อน 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ทองคำ: SCBGOLDH-SSF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการซื้อขายและถือทองคำมากที่สุดในโลก 
  2. SCBGOLDH-SSF มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ทำให้ทิศทางของราคากองทุนสอดคล้องกับราคาทองในสกุลดอลลาร์สหรัฐ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย


โพยกองทุน RMF แนะนำ

โพยภาษี RMF 2024

มุมมองการลงทุนโดย Finnomena Funds ณ เดือนพฤศจิกายน 2024

หุ้นโลก: KKP GNP RMF-UH

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Capital Group – New Perspective Fund ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ซึ่งมีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของโลกอนาคต
  2. มีสไตล์การลงทุนที่สร้าง Alpha ในระยะยาว พร้อมกับรักษาความผันผวนของพอร์ตให้ไม่สูงเกินไป โดยที่ผลตอบแทนมีความสัมพันธ์กับหุ้นโลก MSCI ACWI
  3. ทีมผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ประสบการณ์สูง โดย Portfolio Turnover ค่อนข้างต่ำเฉลี่ยที่ 25% และมีหุ้นกว่า 60% ถือครองมานานกว่า 5 ปี
  4. เลือกหุ้นแบบ Bottom-Up และไม่ได้มี High Conviction มากเกินไปจนทำให้มีการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรมผิดเพี้ยนไปจากดัชนีอ้างอิง 
  5. KKP GNP-SSF ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ซึ่งในระยะสั้นช่วยลดต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูง

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี: B-INNOTECHRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Technology ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก 
  2. บริหารโดยผู้จัดการกองทุน ‘Hyun Ho Sohn’ มากว่า 11 ปี และร่วมงานกับ Fidelity มากว่า 18 ปี 
  3. คัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up เน้นหุ้นเติบโต มูลค่าไม่แพง จัดออกมาเป็นพอร์ตหุ้นเทคโนโลยี P/E ต่ำ และมีความผันผวนน้อยกว่ากองทุนหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ 
  4. เหมาะกับการเป็นกองทุนหุ้นเทคโนโลยีเพื่อลงทุนระยะยาว จากผลตอบแทนที่โดดเด่นนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นกลุ่มสุขภาพ: SCBRMGHC

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Janus Henderson Global Life Sciences Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมสุขภาพทั่วโลก 
  2. บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประวัติการศึกษาในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ และมีประวัติการบริหารกองทุน Healthcare มานานกว่า 20 ปี 
  3. มีการลงทุนหุ้น Healthcare หลากหลายธีม เช่น ผู้ผลิตยา ธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ผู้ให้บริการด้านประกันสุขภาพ และมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนให้เหมาะสมอยู่เสมอ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นสหรัฐฯ คุณค่า: AFMOATHRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก VanEck Morningstar Wide Moat ETF เน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง ทนทานทุกสภาวะตลาด และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม 
  2. มีการควบคุมความเสี่ยงด้วยวิธีการเชิง Valuation และการกระจายน้ำหนักลงทุนแบบให้น้ำหนักรายหุ้นเท่ากัน (Equal Weight) ซึ่งช่วยให้ความเสี่ยงของพอร์ตอยู่ในระดับต่ำ 
  3. ผลตอบแทนในระยะยาวเหนือกว่าดัชนี S&P500 จากการรักษา Drawdown ให้ต่ำ และได้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงตลาดขาขึ้น

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นสหรัฐฯ เติบโต: B-USALPHARMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก JPMorgan Funds – US Growth Fund โดยเน้นเอาชนะดัชนี Russell 1000 Growth ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดหุ้นเติบโตในสหรัฐฯ 
  2. คัดเลือกหุ้นระหว่าง 60-80 บริษัท และพิจารณาเรื่อง Price Momentum เพื่อให้การลงทุนมีความสามารถในการ Capture Upside ได้ดีในช่วงตลาดขาขึ้น และบริหาร Downside ได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงตลาดขาลง 
  3. มีทีมบริหารประสบการณ์สูงในการทำกลยุทธ์มาตั้งแต่ปี 2005 พิสูจน์ด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนหลักที่โดดเด่นอย่างมากเมื่อเทียบกับกลุ่ม US Large-Cap Growth

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นเอเชียตลาดเกิดใหม่: B-ASIARMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Invesco Asian Equity Fund ในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) 
  2. บริหารแบบเชิกรุก (Active) ค้นหาหุ้นเอเชียขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง พร้อมด้วยกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุนแบบมืออาชีพ ที่บางจังหวะได้เพิ่มน้ำหนักในหุ้นเอเชียบางตลาดที่หลายคนมองข้าม (Contrarian)
  3. ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนทำได้ดีกว่าดัชนีชี้วัดนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นอินเดีย: B-INDIAMRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก Kotak Funds – India Midcap Fund ซึ่งเน้นไปที่หุ้นอินเดียขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ เพื่อรับอานิสงค์กลุ่ม Middle-Class ที่กำลังเติบโต
  2. กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมากว่า 10 ปี 
  3. B-INDIARMF มีนโยบายการบริหาร FX Hedging Policy อย่าง Active ทำให้ผลการดำเนินงานส่งต่อมาได้อย่างเต็มที่ในระยะยาว

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นจีน: SCBRMMLCA

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. มีนโยบายลงทุนในหุ้นจีนแบบ All China บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่เฉพาะทางใน Machine Learning และมีประสบการณ์สูงของบลจ. ไทยพาณิชย์
  2. คัดเลือกหุ้นด้วย Machine Learning โดยใช้ข้อมูลหลากหลายมิติ จากนั้นจึงทำ Portfolio Optimization เพื่อควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับเหมาะสม
  3. ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินแบบ Active ระหว่างสกุลเงินบาทและสกุลเงินที่ลงทุน (ดอลลาร์ฮ่องกงหรือหยวน) ซึ่งมีส่วนช่วยให้กองทุนมีผลตอบแทนเหนือกว่ากองทุนหุ้นจีนอื่น ๆ ที่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน USD/THB จากการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนหลักในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นเวียดนาม: PRINCIPAL VNEQRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. เป็นกองทุนแรกของประเทศไทยที่ทำการลงทุนในเวียดนามโดยตรง ทั้งหุ้น และ ETF 
  2. วิเคราะห์และจัดพอร์ตโดยผู้จัดการกองทุนชาวไทยและเวียดนาม ซึ่งเชี่ยวชาญในการเลือกหุ้น และหา Sector ที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 
  3. ใช้กลยุทธ์ Core-Satellite Port เน้นผลตอบแทนระยะยาว และมีการสับเปลี่ยนหุ้นบางส่วนตามสภาวะตลาดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนระยะสั้น

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

หุ้นไทย: ASP-SMERMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. กองทุนหุ้นไทยที่เน้นลงทุนในบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งที่จดทะเบียนใน SET และ mai รวมถึงการจองซื้อตั้งแต่ช่วง IPO 
  2. มีกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-Up เพื่อเฟ้นหาหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มเติบโตระยะยาว โดยจะต้องมีมูลค่าหลักทรัพย์ไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ก่อนวันเข้าลงทุน 
  3. ปรัชญาการลงทุนของกองทุนเชื่อว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีศักยภาพ จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดดได้มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

กองทุนผสม: UGBFRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก JPM Global Balanced C (acc) – USD (hedged) บริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ทั้งในองค์กรและในอุตสาหกรรมเฉลี่ยมากกว่า 20 ปี 
  2. เน้นไปที่การจัดพอร์ตประเภท 50/50 คือหุ้นทั่วโลก 50% และตราสารหนี้ทั่วโลก 50% 
  3. กองทุนสามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาวเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด และมีผลตอบแทนโดดเด่นเหนือกว่ากองทุนอื่น ๆ ในประเภทเดียวกัน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ตราสารหนี้โลก: UGISRMF 

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก 
  2. มีจุดเด่นที่การลงทุนแบบเชิงรุก (Active) ปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอ ภายใต้ความผันผวนที่ต่ำ
  3. บริหารกองทุนโดย PIMCO Asset Management บริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงด้านกองทุนตราสารหนี้มาอย่างยาวนาน

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ตราสารหนี้ไทย: KKP INRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. กองทุนตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยพิจารณาตราสารหนี้ที่มีฐานะการเงินดี และสภาพคล่องสูง
  2. บริหารจัดการแบบ Dynamic ซึ่งจะปรับอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในกองทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด และคัดเลือกตราสารหนี้ภาคเอกชนด้วยความเสี่ยงที่เหมาะสม
  3. กองทุนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น บริหารงานโดยผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ที่เคยได้รับรางวัล Morningstar Awards 2 ปีซ้อน 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ทองคำ: BGOLDRMF

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน 

  1. ลงทุนในกองทุนหลัก SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการซื้อขายและถือทองคำมากที่สุดในโลก 
  2. BGOLDRMF ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ทิศทางของราคากองทุนสอดคล้องกับราคาทองแท่งในสกุลเงินบาท 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย


โพยกองทุน ThaiESG แนะนำ

โพยกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG อัปเดตใหม่ พ.ย. 2024

มุมมองการลงทุนโดย Finnomena Funds ณ เดือนพฤศจิกายน 2024

หุ้นไทย: ASP-THAIESG

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน

  1. เน้นลงทุนในหุ้นจดทะเบียนใน SET และ/หรือ mai ที่ได้รับการคัดเลือกและยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้าน ESG โดยจะลงทุนในบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Rating ตั้งแต่ BBB ขึ้นไป
  2. มีผู้จัดการกองทุนคือ ‘คุณทิพย์วดี อภิชัยสิริ’ ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารกองทุนหุ้นไทยที่โดดเด่นมาอย่างยาวนาน ผ่านกองทุน ASP-SME 
  3. บลจ. แอสเซท พลัส โดดเด่นในเรื่อง Stock Selection โดยสามารถบริหารจัดการกองทุนหุ้ยไทยให้มีผลการดำเนินงานชนะตลาดได้ในระยะยาว 

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

กองทุนผสม: KTAG70/30-THAIESG

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน

  1. ลงทุนในหุ้นที่ผ่านการคัดเลือก SET ESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป สัดส่วน 70% และตราสารหนี้ประเภท Green Bond, Sustainability Bond และ Sustainability – Linked Bond สัดส่วน 30% 
  2. เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ทั้งในส่วนตราสารหนี้และตราสารทุน 
  3. ผ่านกระบวนการวิเคราะห์การลงทุนแบบ ESG Integration และวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานรายบริษัทแบบเชิงลึกจากฝ่ายวิจัยของ บลจ.

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย

ตราสารหนี้ไทย: KKP GB THAIESG

สรุปรายละเอียดและจุดเด่นกองทุน

  1. เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาว เพื่อสอดคล้องกับระยะเวลาในการลงทุนสำหรับลดหย่อนภาษี (ลงทุนอย่างน้อย 8 ปี) 
  2. คาดการณ์อายุตราสารหนี้เฉลี่ยในพอร์ต 9 ปี บริหารโดยผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ของ บลจ. เกียรตินาคินภัทร  
  3. ที่ผ่านมา บลจ. สามารถสร้างผลการดำเนินงานกองตราสารหนี้อื่น ๆ ได้โดดเด่น และคว้ารางวัลการบริหารกองทุนตราสารหนี้มาอย่างต่อเนื่อง

ศึกษารายละเอียด นโยบาย ข้อมูล และความเสี่ยงของกองทุนเพิ่มเติม คลิกเลย


ขั้นตอนการคัดเลือกกองทุน

การคัดเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2024 ทั้ง RMF SSF และ Thai ESG เราได้พิจารณาจากกองทุน F-Pick ในปัจจุบัน และทำการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Screening) และวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Screening) เพื่อให้ได้กองทุนลดหย่อนภาษีที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในระยะยาวจากกองทุนที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทย โดยมีรายละเอียด ดังนี้

การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Screening)

เราพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลังระยะยาว (Long-Term Past Performance) ของกองทุนหลักในต่างประเทศเพื่อให้เห็นถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของผลตอบแทนและความเสี่ยงที่สอดคล้องกับระยะเวลาลงทุนในกลุ่มกองทุนลดหย่อนภาษี 

แม้ว่าผลตอบแทนในอดีตจะไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต แต่ผลการดำเนินงานย้อนหลังในระยะยาวได้พิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนผ่านวัฏจักรเศรษฐกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่ากองทุนดังกล่าวเหมาะสมสำหรับการลงทุนในระยะยาวอย่างแท้จริง

การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Screening)

นอกเหนือจากผลการดำเนินงานในอดีตที่เป็นหลักฐานของความสำเร็จในอดีตของกองทุนแล้ว เราได้พิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพของกองทุนเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าความสามารถในอดีตจะสามารถส่งต่อไปยังผลการดำเนินงานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง

โดยพิจารณาในเรื่องของปรัชญาการลงทุน (Investment Philosophy) และกระบวนการการลงทุน (Investment Process) เพื่อดูว่าภาพรวมการบริหารของกองทุนจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้ดีต่อเนื่องไปในระยะยาวได้หรือไม่ 

อีกทั้งได้เพิ่มการพิจารณาในส่วนของนโยบายการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging Policy) เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินที่ผันผวนและต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินในปัจจุบันเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงก่อนการลงทุนในกองทุนรวม และส่งผลต่อผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นอย่างมาก โดยจะเห็นว่าเราให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เชิงคุณภาพในหลายมิติ เพื่อที่จะทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนสามารถสะท้อนออกมาสู่นักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม SSF RMF และ Thai ESG กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขกองทุน | การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงิน | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | บางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FinnomenaPort” | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299

TSF2024