Finnomena Funds เฟ้นกองทุนดาวเด่น เมื่อโลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของ Trump พร้อมคว้าโอกาสครั้งสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจชุด 2024 หนุนตลาดการลงทุนแค่ไหน หรือมีข้อสังเกตอะไรบ้างที่ต้องรู้
Highlight
- มุมมองการลงทุน FundTalk Call ค้นหาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง ราคาไม่แพง แต่มีศักยภาพการเติบโตดี
- มุมมองการลงทุน Mr.Messenger Call สร้างโอกาสทำกำไรระยะสั้น โดยใช้ปัจจัยเทคนิคจับจังหวะตลาด
- มุมมองการลงทุน MEVT Call พิจารณาปัจจัยรอบด้าน เพื่อโอกาสทำผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
อัปเดตมุมมองการลงทุนล่าสุด ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2024 โดย Finnomena Funds
สรุปทิศทางตลาด สถานการณ์การลงทุน
ทิศทางการดำเนินนโยบาย Trump 2.0 ในภาพรวมน่าจะไม่ได้แตกต่างจาก Trump 1.0 มากนัก แต่จุดสำคัญจะอยู่ที่ความรวดเร็วและรุนแรงในการใช้นโยบายที่เข้มข้นมากขึ้น
เมื่อลองย้อนดูภาพรวมเศรฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ Trump เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก ปี 2017–2021 จะเห็นว่าเศรษฐกิจสดใสในช่วงปีแรก แต่เริ่มแผ่วปลายหลังเกิด Trade War เต็มรูปแบบในปี 2018
แม้ว่า Trump Trade จะส่งผลกระทบต่อตลาดในระยะสั้น และมีสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากการเก็งกำไรในช่วงแรก เช่น หุ้นพลังงาน น้ำมัน แต่ท้ายสุดในระยะกลางถึงยาว ตลาดจะขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่า และไม่ได้วิ่งคู่ไปกับนโยบายเศรษฐกิจแบบตรงไปตรงมา
ประเด็นที่น่าจับตามองคือ ประเทศที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Trade War ระหว่างอเมริกากับจีน เพราะหลัง Trump การเริ่มใช้ Tariff ขึ้นกำแพงภาษีกับจีนเมื่อปี 2018 พบว่าเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบชัดเจน สะท้อนจากโมเมนตัมการส่งของจีนไปยังอเมริกาที่เริ่มแย่กว่าประเทศในภูมิภาค ส่วนผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือ เวียดนาม ไทย อินเดีย และเกาหลีใต้
ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
มุมมองการลงทุน FundTalk Call
โดย Jet – The Contrarian คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Contrarian Investor เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่หาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี ประกอบกับมีลมหนุนที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ตอนที่คนไม่เหลียวแล
1.) ASP-USSMALL
กองทุนหุ้นขาดกลาง-เล็กในสหรัฐฯ เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น ธุรกิจการเงิน ทำให้จะได้รับประโยชน์จากนโยบาย Trump ที่เตรียมลดภาษีนิติบุคคล หนุนบริษัทเอกชนในประเทศ ในขณะที่ดัชนีอ้างอิง Russell มี P/E ที่ถูกกว่า S&P 500 และยังไม่ทำ New High เหลือ Upside ให้เดินหน้าต่อได้
2.) KT-ENERGY
กองทุนหุ้นพลังงานทั่วโลก เน้นลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ โดยราคาหุ้นยังคงแข็งแกร่ง พร้อมเตรียมรับอานิสงส์จากนโยบายหาเสียง Drill baby drill ที่ส่งเสริมผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก
3.) PRINCIPAL VNEQ-A
กองทุนหุ้นเวียดนาม เตรียมคว้าโอกาสครั้งใหม่จากการฐานผลิตออกจากจีนเข้าสู่เวียดนาม (China+1) เนื่องจาก Trump กลับมาพร้อมมาตรการขึ้นกำแพงภาษีจีนที่อาจสูงถึง 60% นอกจากนี้ หุ้นเวียดนามยังอยู่ในโซนที่ถูก P/E ต่ำกว่า 9 เท่า และจะได้ประโยชน์จากเงินลงทุนไหลเข้าเพิ่มเติมหากค่าเงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่า
มุมมองการลงทุน Mr.Messenger Call
โดย Bank – The Trend Follower คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ Trend Follower Investor มุ่งสร้างโอกาสทำกำไรในระยะสั้น-กลาง เน้นใช้ปัจจัยทางเทคนิคจับจังหวะตลาด ศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ในอดีต โดยใช้หลักสถิติเพื่อนำมาคาดการณ์พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในอนาคต และช่วยให้หาจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม
1.) ASP-DIGIBLOC
กองทุนหุ้นเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล คาดว่าจะทะยานต่อได้จากนโยบายสนับสนุนของ Trump ที่เตรียมนำคริปโตมาเป็นเงินทุนสำรอง ทำให้ราคา Bitcoin มีโอกาสถึง 100,000 เหรียญ ภายในไตรมาส 1 ปีหน้า
2.) SCBSEMI(A)
กองทุนหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เป็นธีม Growth Stock ที่มีโอกาสทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ พร้อมการประกาศผลประกอบการหุ้นชิปอเมริกาที่คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คิด อาทิ Nvidia, Broadcom และ Qualcomm เป็นต้น
3.) PRINCIPAL VNEQ-A
กองทุนหุ้นเวียดนาม เชื่อว่ารอบของการปรับฐานจบลงแล้ว หลังดัชนี VN30 ปรับตัวลงมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน อีกทั้งก็มีปัจจัยหนุนเชิงพื้นฐานเรื่องการได้ประโยชน์ China+1 จึงเตรียมเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง
มุมมองการลงทุน MEVT Call
คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Long-Term Growth เพื่อสร้างโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในระยะกลาง-ยาว โดยพิจารณาปัจจัยรอบด้านตาม MEVT Framework ได้แก่ Macro ปัจจัยเชิงมหภาค, Earnings วิเคราะห์การเติบโตของกำไร, Valuation การวิเคราะห์มูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุน และ Technical ปัจจัยอื่น ๆ เช่น Fund Flow, Sentiment, Seasonal Statistic และ Technical Analysis
1.) PRINCIPAL VNEQ-A
กองทุนหุ้นเวียดนาม เป็นตลาดที่ถูกและดี ประกอบกับการมาของ Trump เร่งให้เกิด China+1 ในการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนเร็วขึ้น ซึ่งเวียดนามคือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ ที่สำคัญก็ยังมีปัจจัยหนุนอื่น ๆ เช่น ความคืบหน้าเตรียมเข้าสู่ EM Market ของดัชนี FTSE ในปี 2025 และการถูกปรับประมาณกำไรเพิ่มเติม
2.) B-INNOTECH
กองทุนหุ้นเทคโนโลยี เน้นคัดเลือกหุ้น Value Play โดยการเข้าซื้อหุ้นเติบโตในราคาไม่แพง และมีปัจจัยบวกจากนโยบาย Trump มุ่งสู่การ “Deregulation” ช่วยลดแรงกดดันของกลุ่ม Tech ในเรื่องต่อต้านการผูกขาด รวมทั้งงบไตรมาส 3 ของบริษัทใน Nasdaq 100 กว่า 80% ออกมาดีเกินคาด
3.) UGIS-N และ KFSINCFX-A
กองทุนตราสารหนี้โลก เป็นจังหวะเก็บสะสมในช่วงที่ Bond Yield พีค และเชื่อว่าตลาด Price-in การมาของ Trump ไปมากแล้ว ทั้งนี้ เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่บริหารแบบ Active มีการปรับ Duration ยืดหยุ่นสอดรับกับสถานการณ์ตลาด
ดูคำแนะนำทั้งหมดได้ที่ 👉 Opportunity Hub แหล่งรวมโอกาสการลงทุนจาก Finnomena
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299