ถึงเวลาที่ต้องกล่าวอำลาปี 2022 ไปเสียแล้ว สิ้นปีแบบนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าปี 2022 กองทุนใดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นที่สุดจากทั้งหมด 4 หมวดหมู่กองทุนที่คัดมาเน้น ๆ จะมีกองทุนไหนบ้าง? ใช่กองทุนที่คุณมีอยู่ในพอร์ตรึเปล่า? ติดตามไปพร้อมกันผ่านบทความนี้!
สารบัญ
รวมกองทุนผลตอบแทนดีแห่งปี 2022
กลุ่มหุ้น
1. KT-ENERGY (+40.53%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน BGF World Energy Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KT-ENERGY จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนําทั่วโลกซึ่งมีธุรกิจหลักในการสํารวจพัฒนาและจัดจําหน่ายพลังงาน และอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท
2. I-10 (+24.23%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแบบดั้งเดิมและพลังงานทางเลือก (Traditional Energy and Alternative Energy) ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน I-10 จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 10,000 บาท
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
3. ASP-NGF (+14.26%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Nippon Growth (UCITS) Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ASP-NGF จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่น โดยจะลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ผู้ออกมีการทำธุรกิจในญี่ปุ่น
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
4. TISCOWB-A (+11.70%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET Well- being (SETWB) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TISCOWB-A จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
5. KF-LATAM (+11.52%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Templeton Latin AmericaFund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KF-LATAM จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่จัดตั้ง และมีธุรกิจหลักอยู่ในประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกา
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท
กลุ่มตราสารหนี้
1. TUSFIX (+5.51%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนใน SPDR Barclays 1-3 Month T-Bill ETF เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน TUSFIX จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 3
กองทุนหลักมีมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Bloomberg Barclays 1-3 Month U.S. Treasury Bill ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยตั๋วเงินคลังประเทศสหรัฐอเมริกาประเภทไม่จ่ายดอกเบี้ย (Zero-Coupon) ที่ออกมาทั้งหมด มีอายุของตราสารคงเหลือมากกว่า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ และมีมูลค่าหน้าตั๋วอย่างน้อย 250 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)
อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 26 วัน
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
2. SCBFST (+4.50%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เสนอขายในต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งภาครัฐ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน เงินฝาก และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ เป็นต้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน SCBFST จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 2 เดือน 25 วัน
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
3. KTILF (+3.40%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารภาครัฐไทย ภาครัฐต่างประเทศ ตราสารหนี้ ตราสารการเงิน หน่วยลงทุนของกองทุนรวม และ/หรือกองทุนรวม ETF ที่มีผลตอบแทนแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อที่เสนอขายทั้งในและ/หรือต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน KFILF โดยกองทุน จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking) และในบางโอกาสอาจสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีชี้วัด
อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 5 ปี 0 เดือน 4 วัน
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท
4. KKP ACT FIXED (+1.33%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในตราสารภาครัฐ อาทิ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตราสารรัฐวิสาหกิจ และ/หรือตราสารอื่นใดที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน รวมทั้งลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทเอกชน โดยกองทุน KKP ACT FIXED จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 1 ปี 12 เดือน
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
5. KFMTFI (+0.78%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในประเทศในตราสารหนี้ภาครัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากธนาคาร หรือตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทเอกชนทั่วไป ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือระยะปานกลางหรือระยะยาวในระดับตั้งแต่ A- หรือระยะสั้นในระดับ F2, T2 ขึ้นไป โดยกองทุน KFMTFI จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 4
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้: 1 ปี 8 เดือน 24 วัน
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 500 บาท
กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
1. I-OIL (+25.64%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน United States Oil Fund LP เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน I-OIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับราคาน้ำมันดิบคุณภาพดี (light, sweet crude oil) น้ำมันดิบประเภทอื่น ดีเซลหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงปิโตรเลียมอื่น ๆ ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NYMEX, ICE Futures Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 10,000 บาท
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
2. TUSOIL (+23.06%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน United States Oil Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TUSOIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กองทุนหลักมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อให้อัตรา การเปลี่ยนแปลงรายวันของมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุน (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ของกองทุน) สอดคล้องกับอัตราการเปลี่ยนแปลงรายวันของราคาน้ํามันดิบคุณภาพดี (WTI Light Sweet Crude Oil)
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
3. TMBOIL (+13.08%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Invesco DB Oil Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TMBOIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี DBIQ Optimum Yield Crude Oil Index Excess Return ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI)
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท
4. KT-OIL (+11.66%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Invesco DB Oil Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KT-OIL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี DBIQ Optimum Yield Crude Oil Index Excess Return ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI)
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
5. PRINCIPAL GCF-D (+11.20%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Lumyna – BOFA MLCX Commodity Enhanced Beta UCITS Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน PRINCIPAL GCF-D จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กองทุนหลักมีนโยบายมุ่งลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามดัชนีอ้างอิง ICE BofAML Commodity Index eXtra 03 Index Total Return
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
ซื้อกองทุน PRINCIPAL GCF-D คลิก
กลุ่มกองทุนรวมผสม
1. ONE-ACTIVE6/2 (+12.36%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ เงินฝากทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศ และ/หรือสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า (OIL Futures) ในตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้าในนิวยอร์ก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ONE-ACTIVE6/2 จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด (Passive Management / Index Tracking) และในบางโอกาสอาจสร้างผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
2. ONE-HOSPITAL (+10.58%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้น ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก ในอุตสาหกรรมหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลและทางการแพทย์ ทั้งในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ONE-HOSPITAL จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 10,000 บาท
3. ONE-POWER (+7.74%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในในประเทศ โดยจะลงทุนในหุ้น ตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และ/หรือเงินฝาก ที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจการที่ได้ประโยชน์หรือมีรายได้จากพลังงาน โรงกลั่น ถ่านหิน พลังงานทดแทน และหรือธุรกิจหรือกิจการที่มีส่วนในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐด้านพลังงาน ทรัพยากร สาธารณูปโภค โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ONE-POWER จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
4. UOBSMG (+3.54%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก และตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มหรือปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน UOBSMG จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท
5. MIPLUS-G (+3.37%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ กึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝาก หน่วยลงทุน กองทุนอสังหาฯ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ/หรือ หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น ทั้งในและ/หรือ ต่างประเทศ โดยกองทุน MIPLUS-G จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 5
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท
.
ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังจาก FINNOMENA FUND สามารถกรองการจัดอันดับได้เอง พร้อมข้อมูลอัปเดตล่าสุดที่ FINNOMENA Fund Filter
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2565: KT-ENERGY, ASP-NGF, I-OIL, TMBOIL, KT-OIL, PRINCIPAL GCF-D
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 26 ธ.ค. 2565: KF-LATAM, TUSFIX, TUSOIL, ONE-ACTIVE6/2, ONE-HOSPITAL
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2565: I-10, TISCOWB-A, SCBFST, KTILF, KKP ACT FIXED, KFMTFI, ONE-POWER, UOBSMG, MIPLUS-G
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”
ArticleASP-NGFBasicDIYFINNOMENA FUND REVIEWFINNOMENA REVIEWI-10I-OILKF-LATAMKFMTFIKKP ACT FIXEDKnowledgeKT-ENERGYKT-OILKTILFLong ContentMIPLUS-GONE-ACTIVE6/2ONE-HOSPITALONE-POWERPRINCIPAL GCF-DProduct InfoSCBFSTTISCOWB-ATMBOILTUSFIXTUSOILUOBSMGกองทุนตราสารหนี้กองทุนผลตอบแทนดีกองทุนรวมผสมกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์กองทุนหุ้น