ปี 2022 อาจไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับนักลงทุนคริปโต เนื่องจากตลาดคริปโตต้องเผชิญกับมรสุมอย่างรุนแรงต่อเนื่องมาจากท้ายปี 2021 โดยหลังจาก Bitcoin (BTC) ทำ All-Time High ที่ราคาประมาณ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 2.4 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021, ตลาดคริปโตก็ได้พบกับขาลงขนาดใหญ่ต่อเนื่องมาตลอดปี 2022
มกราคม 2022
เปิดศักราชด้วยการพุ่งขึ้นเล็กน้อยของราคา Bitcoin (BTC) จากช่วงราคา 45,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.56 ล้านบาท) ไปสู่เส้นแนวต้านสำคัญ คือ DMA 200 (Daily Moving Average 200) ที่ 48,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.66 ล้านบาท) แต่จากนั้นราคา Bitcoin (BTC) ก็ตกลงมาเรื่อย ๆ จนมาทำจุดต่ำใหม่ (New low) ที่ราคา 33,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 ล้านบาท) ในวันที่ 24-25 มกราคม 2022
กุมภาพันธ์ 2022
ราคา Bitcoin (BTC) ได้ไต่สูงขึ้นมาเรื่อย ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ จนกระทั่งไปชนกับแนวต้านที่ประมาณ 45,500-46,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 ล้านบาท) จากนั้นราคา Bitcoin (BTC) มีการไซด์เวย์เล็กน้อย ก่อนจะร่วงลงมาในช่วงกลางเดือน ไปจนถึงประมาณวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022, Bitcoin (BTC) ได้ลงมาทดสอบแนวรับที่ 33,000 (1.1 ล้านบาท) ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไปที่ราคา 44,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.52 ล้านบาท) ในเวลาเพียงไม่กี่วัน
มีนาคม 2022
ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED (Federal Reserve) ได้ประกาศทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบขั้นบันได จากปัญหาเงินเฟ้อ โดยเริ่มต้นที่ 0.25% อย่างไรก็ตาม ตลาดคริปโตยังคงไม่สะเทือนกับอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้, Bitcoin (BTC) ยังคงเทรดอยู่ในช่วง 37,000-42,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.28-1.46 ล้านบาท) และไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนชนกับเส้นแนวต้าน DMA 200 อีกครั้งหนึ่งที่ 48,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.66 ล้านบาท) ในวันที่ 28 มีนาคม 2022
เมษายน 2022
ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2022 นั้น ตลาดคริปโตกำลังอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้าน แต่เมื่อ FED ได้มีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.25% ส่งผลให้ตลาดคริปโตร่วงลงมา โดยราคา Bitcoin (BTC) กลับมาทดสอบแนวรับ 37,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.28 ล้านบาท) อีกครั้ง
พฤษภาคม 2022
เริ่มต้นเดือนด้วยข่าวร้ายสะเทือนวงการ เมื่อบล็อกเชน Terra (LUNA) ของโด ควอน (Do Kwon) ถูกโจมตีโดยอาศัยช่องโหว่ของกลไกตรึงราคาของเหรียญ LUNA และ TerraUSD (UST) ส่งผลให้ UST เกิดการ Depeg หลุดการตรึงราคาไว้ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เหรียญ LUNA ราคาตกลงกว่า 99.99% พร้อมทั้งมีข่าวลือออกมาว่า ผู้โจมตีบล็อกเชน Terra นั้น อาจเป็นตัวของ “โด ควอน” เอง ทั้งนี้ราคา Bitcoin (BTC) ได้ทะลุแนวรับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1 ล้านบาท) ลงมาทำจุดต่ำใหม่ (New low) ที่ 25,500 ดอลลาร์สหรัฐ (8.8 แสนบาท) ก่อนจะขึ้นไปเทรดที่ช่วง 28,000-30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (9.7 แสน – 1 ล้านบาท)
มิถุนายน 2022
ในช่วงต้นเดือน Bitcoin (BTC) มีการไซด์เวย์เล็กน้อยในช่วงต้นเดือน หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 7 มิถุนายน 2022, ตลาดคริปโตเผชิญกับแรงเทขายอีกครั้ง หลังตลาดคาดว่า FED จะทำการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% อีกครั้งในเดือนมิถุนายน แต่ความจริงเลวร้ายกว่านั้น เมื่อ FED ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 28 ปี ทำให้ราคา Bitcoin (BTC) ลงมาทำจุดต่ำใหม่ (New low) อีกครั้ง ที่ 17,000 ดอลลาร์สหรัฐ (5.9 แสนบาท) ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อเองก็พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเทศไทยเอง
กรกฎาคม 2022
ทั้งจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น เหตุการณ์การล่มสลายของ Terra (LUNA) และ ราคาของ Bitcoin (BTC) ที่ร่วงลงอย่างรุนแรง ทำให้ความกลัวปกคลุมไปทั่วทั้งตลาดคริปโต แต่ทุกอย่างก็เลวร้ายลงไปอีก เมื่อ ‘เซลเซียส’ (Celsius) บริษัทให้กู้ยืมคริปโต ได้ล่มสลายลงเนื่องจากหนี้มหาศาลซึ่งเกิดขึ้นเพราะราคาที่ตกต่ำของ Bitcoin (BTC) ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบมากมายต่อโลกคริปโต เนื่องจากเซลเซียสเป็นบริษัทรายใหญ่ที่ให้บริการรับฝากคริปโต ซึ่งหนึ่งในผู้เสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือ Zipmex แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลสัญชาติไทย
สิงหาคม 2022
Bitcoin (BTC) ได้กลับมายืนเหนือราคา 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (6.9 แสนบาท) อีกครั้ง นักลงทุนเริ่มมีความหวังเมื่อ Bitcoin (BTC) ขึ้นไปแตะ 23,000 ดอลลาร์สหรัฐ (8 แสนบาท) Ethereum (ETH) แตะ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (6.9 หมื่นบาท) เช่นเดียวกับคริปโตอื่น ๆ ในตลาดที่มีการปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม Bitcoin (BTC) ได้กลับมาแตะ 19,000 ดอลลาร์สหรัฐ (6.6 แสนบาท) อีกครั้งในรอบ 2 เดือน หลังจาก FED ยืนยันที่จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป
กันยายน 2022
ตลาดคริปโตยังคงเป็นช่วงขาลง โดย Bitcoin (BTC) ได้ขึ้นไปทำการทดสอบแนวต้าน 23,000 ดอลลาร์สหรัฐ อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เผชิญกับแรงเทขายเช่นเดิม จนกลับมาเทรดในช่วงราคา 19,000-20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (6.6-6.9 แสนบาท) อย่างไรก็ตาม ยังพอมีข่าวดีในตลาดคริปโตอยู่บ้าง เมื่อ 2 ผู้นำบล็อกเชนสาย Smart Contract อย่าง Ethereum (ETH) และ Cardano (ADA) เตรียมเปิดตัวการอัปเกรดใหม่ คือ The Merge และ Vasil Hardfork ตามลำดับ
ตุลาคม 2022
แม้ว่าราคาของ Bitcoin (BTC) และ คริปโตอื่น ๆ จะไม่ได้คืบหน้าไปไหน แต่ในแง่ของการยอมรับ นับได้ว่าเดือนตุลาคม 2022 เป็นเดือนที่ดีสำหรับคริปโต เพราะมีทั้งบริษัทชั้นนำ และ ประเทศต่าง ๆ ยอมรับการใช้งานคริปโตให้เป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็น Walmart, สวิตเซอร์แลนด์ และ บราซิล นอกจากนี้ ยังมีความวุ่นวายเล็กน้อยเกี่ยวกับ Elon Musk และ Twitter หลังจาก Musk ปิดดีลเข้าซื้อกิจการ Twitter และปลดผู้บริการระดับสูงทันที
พฤศจิกายน 2022
Bitcoin (BTC) ยืนอยู่เหนือราคา 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้ไม่นานก็ร่วงลงมาอย่างรุนแรง และในครั้งนี้ก็ได้ทำจุดต่ำใหม่ (New low) อีกเช่นเคย จากเหตุการณ์การล่มสลายของอดีต Exchange อันดับ 2 ของโลกอย่าง FTX โดยครั้งนี้ได้ส่งให้ Bitcoin (BTC) ร่วงลงมาสู่ช่วงราคา 15,500 ดอลลาร์สหรัฐ (5.4 แสนบาท) ส่งผลให้ระยะเวลา 1 ปี หลังจากทำ All-Time High, Bitcoin (BTC) ได้ร่วงลงมากว่า 77.56% ขณะที่ประธาน FED ได้ส่งสัญญาณว่าตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มดีขึ้น ดังนั้นในเดือนธันวาคมจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ในอัตราที่น้อยลง
ธันวาคม 2022
ตลาดคริปโตยังคงซบเซาจากความกลัว ความไม่แน่นอน และ ความสงสัย โดย Bitcoin (BTC) เทรดอยู่ที่ช่วงราคา 15,000-17,000 ดอลลาร์สหรัฐ (5.2 แสนบาท) และ Ethereum (ETH) 1,100-1,300 ดอลลาร์สหรัฐ (3.8-4.5 หมื่นบาท) ทั้งนี้ ภาพใหญ่ของ Bitcoin (BTC) ได้เกิดแท่งเทียน “Bearish Engulfing” ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบเวลา (Timeframe) 12 เดือน ซึ่งแม้จะยังสรุปไม่ได้เพราะยังไม่ได้ปิดแท่งเทียน แต่ Bitcoin (BTC) จะต้องปิดราคาเหนือ 28,900 ดอลลาร์สหรัฐ (1 ล้านบาท) จึงจะทำลายแพทเทิร์นดังกล่าวได้
วิเคราะห์ตลาดคริปโต ปี 2023
นักลงทุนจำนวนมากคาดหวังกับการ Halving ของ Bitcoin (BTC) ในปี 2024 โดยจากสถิติที่ผ่านมาของ Bitcoin (BTC) นักลงทุนจะเริ่มกลับมาเก็บสะสมอีกครั้งก่อนเกิดการ Halving ประมาณ 300-400 วัน ซึ่ง ณ วันที่เขียน (2 ธ.ค. 22) เหลืออีก 480 วัน ก่อนจะถึงการ Halving
ทั้งนี้ เบนจามิน โคเวน (Benjamin Cowen) ได้วิเคราะห์โดยทำการเปรียบเทียบแพทเทิร์นของกราฟในปี 2018 กับของปัจจุบัน โคเวนชี้ให้เห็นถึงเป็นไปได้ที่ช่วงเวลาของ ‘การยอมจำนน’ (Capitulation) อาจเกิดขึ้นในช่วงคริสมาสต์ปีนี้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นจุดต่ำสุดของ Bitcoin (BTC) ก่อนจะเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดกระทิงรอบถัดไป
นอกจากนี้ โคเวนยังระบุว่า จากประวัติศาสตร์ Bitcoin (BTC) จะอยู่ในตลาดหมีประมาณ 1 ปี เช่น ตลาดหมีในปี 2014 ยาวนาน 14 เดือน และ อีกครั้งในปี 2018 ยาวนาน 12 เดือน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความหวังก็อาจนำมาซึ่งความผิดหวัง นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนให้รัดกุมไม่ว่าตลาดคริปโตจะหันไปทางไหน การกระจายความเสี่ยง และ บริหารจัดการเงิน คือ หัวใจสำคัญของการลงทุน
*ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน และ การลงทุน
บทความโดย คุณานันต์ TechToro
คำเตือน
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง อาจสูญเสียเงินลงทุนผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูลรวมทั้งลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้