หุ้นเทคโนโลยีเผชิญแรงเทขายครั้งใหญ่ที่สุดจากนักลงทุนสถาบันนับตั้งแต่วิกฤติการเงิน หลัง Fed ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและเตรียมลดขนาดงบดุลเพื่อต่อสู้กับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ข้อมูลจาก Goldman Sachs รายงานว่า บรรดาเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ เริ่มต้นปีด้วยการเทขายหุ้นบริษัทซอฟต์แวร์และผู้ผลิตชิปอย่างรวดเร็วจนทำให้มูลค่าดังกล่าวแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี
ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) ดัชนี Nasdaq 100 ร่วงกว่า 3% ขณะที่กลุ่มหุ้นซอฟต์แวร์ราคาแพงของ Goldman Sachs ร่วง 6.3% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ค. ปีที่แล้ว
Mike Loewengart จาก E*Trade Financial กล่าวว่า แรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีทวีความรุนแรงขึ้นหลังรายงานการประชุม Fed ในเดือน ธ.ค. ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) บ่งชี้ว่า Fed มีมุมมองเข้มงวดกว่าที่ตลาดคาดและมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม
ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นทำให้มุมมองต่อบริษัทเทคโนโลยีเปลี่ยนไป โดยแรงเทขายดังกล่าวได้สร้างปัญหาให้แก่เฮดจ์ฟันด์บางแห่งที่ยังคงเดิมพันในหุ้นซอฟต์แวร์อยู่ ซึ่งในวันอังคาร (4 ม.ค.) ที่ผ่านมา ลูกค้ากองทุน Long-Short ของ Goldman Sachs ต้องเผชิญกับผลขาดทุนที่แย่ที่สุดในรอบ 1 ปี
ก่อนหน้านี้เริ่มมีแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีออกมาให้เห็น โดยนักลงทุนรายใหญ่ได้เทขายหุ้นเทคโนโลยีมูลค่าสูงแล้วนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว เห็นได้จากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของ Goldman Sachs ที่เริ่มซื้อหุ้นสายการบิน พลังงาน และอุตสาหกรรม จนทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นเทคโนโลยีเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ลดลงสู่ระดับต่ำสุด
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น และท่าทีที่เข้มงวดขึ้นของ Fed อาจทำให้หุ้นที่มีมูลค่าสูงเกินไปเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งข้อมูลที่รวบรวมโดย Bernstein ระบุว่า 1 ใน 3 ของหุ้นเทคโนโลยีถูกซื้อขายที่ราคามากกว่า 10 เท่าของรายได้
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel