มาถึงช่วงเวลาที่ต้องกล่าวอำลาปี 2021 กันแล้ว สิ้นปีแบบนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่าปี 2021 กองทุนใดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นที่สุดจากทั้งหมด 8 หมวดหมู่กองทุนที่คัดมาเน้น ๆ ติดตามไปพร้อมกันผ่านบทความนี้
กลุ่มหุ้นทั่วโลก
1. KT-ENERGY (+53.75%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน BGF World Energy Fund – Class A (USD) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KT-ENERGY จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนําทั่วโลก ซึ่งมีธุรกิจหลักในการสํารวจ พัฒนา ผลิต และจัดจําหน่ายพลังงาน นอกจากนั้น กองทุนยังอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมอุตสาหกรรม Integrated และ Exploration and Production และประเทศรสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
2. I-10 (+43.48%)
นโยบายกองทุน: กระจายเงินลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และหรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแบบดั้งเดิม และพลังงานทางเลือก (Traditional Energy and Alternative Energy) ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งลงทุนในกองทุน ETF เช่น กองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์สของนํ้ามันดิบ (WTI) เป็นต้น โดยมีอัตราสวนการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพยสินสุทธิ โดยกองทุน I-10 จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมพลังงาน และประเทศสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 10,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
3. TMBWDEQ (+32.29%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Lyxor UCITS ETF MSCI WORLD เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TMBWDEQ จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี MSCI WORLD NET TOTAL RETURN ซึ่งกระจายการลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนี (Passive Management / Index Tracking)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และประเทศรสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
กลุ่มหุ้นสหรัฐฯ
1. KWI USBANK-A (+41.65%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Manulife Advanced Fund SPC – U.S. Bank Equity Segregated Portfolio – Class AA (USD) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KWI USBANK-A จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้น และ/หรือ ตราสารทางการเงินที่อ้างอิงกับหุ้น ที่ออกโดยบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่จัดตั้งหรือดําเนินธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมธนาคาร และประเทศสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 10,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
2. TUSEQ-UH (+40.57%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน SPDR S&P 500 ETF เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TUSEQ-UH จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายการลงทุนในหุ้นเพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุน (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมด) ให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P 500
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก (Passive Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศสหรัฐฯ และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
3. ABAGS (+35.41%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Aberdeen Standard SICAV I – North American Smaller Companies Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน ABAGS จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้ง หรือประกอบกิจการใน ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว โดยมีขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดน้อยกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ วันที่ลงทุน
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศสหรัฐฯ และหมวดอุตสาหกรรม Industrials, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุนต่างประเทศ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
กลุ่มหุ้นไทย
1. TLMSEQ (+69.97%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุน TLMSEQ จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, ความเสี่ยงของลักษณะหุ้นที่กองทุนรวมเน้นลงทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Mid/Small
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
2. MIDSMALLMF (+54.16%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย (SET) และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตสูงในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุน MIDSMALLMF จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงของลักษณะหุ้นที่กองทุนรวมเน้นลงทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Mid/Small
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
3. KTMSEQ (+53.93%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและหรือขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ/หรือ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุน KTMSEQ จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงของลักษณะหุ้นที่กองทุนรวมเน้นลงทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Mid/Small
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
กลุ่มหุ้นยุโรป
1. KF-EUROPE (+30.40%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth Fund เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KF-EUROPE จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นในประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ประเทศนอร์เวย์ หรือประเทศไอซ์แลนด์ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สวีเดน เดนมาร์ก สวิสเซอร์แลนด์ สเปน เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ เบลเยี่ยม เป็นต้น
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม Industrials และ Information Technology, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 2,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 2,000 บาท
2. SCBEUSM (+28.36%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน European Smaller Companies Fund – Class D (EUR) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน SCBEUSM จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดเล็กในทวีปยุโรปและหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับหลักทรัพย์ของบริษัทที่จัดตั้งหรือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในทวีปยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรและตลาดเกิดใหม่ในยุโรป หรือบริษัทที่ได้รับรายได้หรือผลกำไรจากการดำเนินงานในทวีปยุโรป หรือบริษัทที่มีทรัพย์สินอยู่ในทวีปยุโรป
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศสหราชอาณาจักร และหมวดอุตสาหกรรม Industrials, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน คิดเป็น 94.30% ของเงินลงทุนต่างประเทศ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
3. K-EUROPE (+27.40%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth – Class AT (EUR) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน K-EUROPE จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นและตราสารเทียบเท่า (Participation Certificate) ของบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปไม่ต่ำกว่า 75% โดยเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่ามีอัตราการเจริญเติบโตสูง (Growth Stock)
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม IT และ Industrials, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ไม่น้อยกว่า 75% ของเงินลงทุนต่างประเทศ)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 500 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 500 บาท
กลุ่มหุ้นเวียดนาม
1. PRINCIPAL VNEQ-A (+49.21%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลัก ในประเทศเวียดนามที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รวมทั้งตราสารทุนอื่นใดที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องและ/หรือที่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ ทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม และ/หรือตราสารทุนของผู้ประกอบการเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่น และ/หรือกองทุนรวมอื่นที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุน และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในตราสารทุนประเทศเวียดนาม โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศเวียดนาม, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
ซื้อกองทุน PRINCIPAL VNEQ-A คลิก
2. ASP-VIET (+47.61%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือมีธุรกิจหลักในประเทศเวียดนาม ที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการเติบโตและ/หรือมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต รวมทั้งตราสารทุนอื่นใดที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องและ/หรือที่ได้รับ ผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือทรัพย์สินส่วนใหญ่ มาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม และ/หรือหุ้นของผู้ประกอบการเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอื่น และ/หรือหน่วย CIS ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้น และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) หุ้นที่เน้นลงทุนในหุ้นประเทศเวียดนาม โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน ASP-VIET จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศเวียดนาม และหมวดอุตสาหกรรม Financials, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
3. ONE-VIETNAM-RA (+40.42%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวม ETF ต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนในประเทศเวียดนามหรือได้ประโยชน์จากการประกอบธุรกิจในประเทศเวียดนามเป็นหลัก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน ONE-VIETNAM-RA จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศเวียดนาม และหมวดอุตสาหกรรม Real Estate และ Consumer Staples, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 5,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
ซื้อกองทุน ONE-VIETNAM-RA คลิก
กลุ่มหุ้นจีน
1. UOBSGC (+17.49%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน United Greater China Fund – Class A (SGD) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน UOBSGC จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในเขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง จีน และไต้หวัน โดยตลาดหลักทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนส่วนใหญ่ ได้แก่ ตลาดฮ่องกง ตลาดเซี่ยงไฮ้ และตลาดไต้หวัน
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในสาธารณรัฐประชาชนจีน และไต้หวัน, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
2. CHINA (+9.70%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน W.I.S.E. – CSI 300 China Tracker® เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน CHINA จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีCSI 300 โดยจะลงทุนใน A Shares Access Products (AXPs) เท่านั้น เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีลักษณะในด้านต่างๆ ได้แก่ มูลค่าตลาด ประเภทอุตสาหกรรม และลักษณะการลงทุนพื้นฐาน (fundamental investment characteristics) ที่คล้ายกับส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มตัวแทน (Representative Sampling Strategy)
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก (Passive Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม Financials และประเทศจีน, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
3. TMBCHEQ (+5.54%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน iShares FTSE A50 China Index ETF เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน TMBCHEQ จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี FTSE China A 50 Net Total Return Index
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก (Passive Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม Consumer Staples และเงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN) และประเทศจีน, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
กลุ่มหุ้นเทคโนโลยี
1. B-INNOTECH (+25.59%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Fidelity Funds – Global Technology Fund Class Y (USD) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน B-INNOTECH จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่มีการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์กระบวนการ หรือบริการ อันจะนํามาซึ่งประโยชน์อย่างสูงจากความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology และประเทศสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 500 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 500 บาท
2. KKP TECH-H (+25.08%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน iShares Expanded Tech Sector ETF เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน KKP TECH-H จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นของบริษัทในกลุ่มบริการสื่อสาร (communication service) และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary) ในประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก (Passive Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology และประเทศสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1,000 บาท
3. LHDIGITAL-A (+10.53%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน AXA World Funds-Framlington Digital Economy – Class I (USD) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน LHDIGITAL-A จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 6
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางดิจิทัลตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ (Value Chain) ซึ่งหมายถึง ตั้งแต่การค้นพบสินค้าและบริการ ตลอดจนการตัดสินใจ การจ่ายเงิน และการส่งมอบ รวมถึงเทคโนโลยีทางดิจิทัลที่อำนวยความสะดวก การให้ข้อมูล และการวิเคราะห์เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีทางดิจิทัลให้ดีขึ้น
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology และประเทศสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 1,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 100 บาท
กลุ่มหุ้น Healthcare
1. KWI HCARE-A (+28.54%) และ 2. KWI HCARE-D (+28.47%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน Manulife Global Fund – Healthcare Fund (Class AA) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน KWI HCARE-A และ KWI HCARE-D จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักเน้นการลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นของบริษัทในกลุ่ม Health Care และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั่วโลกซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยอาจลงทุนในบริษัทที่มีรายได้อย่างมีนัยสําคัญจากบริษัทที่ผลิตและให้บริการด้านการแพทย์และเภสัชกรรม
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมการแพทย์ (Health Care), ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 10,000 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 1 บาท
หมายเหตุ: KWI HCARE-A เป็นกองทุนชนิดสะสมมูลค่า และ KWI HCARE-D เป็นกองทุนชนิดจ่ายเงินปันผล
3. K-GHEALTH(UH) (+28.54%)
นโยบายกองทุน: ลงทุนในกองทุน JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund, Class A (USD) เป็นกองทุนหลัก (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยกองทุน K-GHEALTH(UH) จัดเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 7
กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจดูแลสุขภาพทั่วโลกไม่น้อยกว่า 67% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน
กลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุน: มุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
ปัจจัยความเสี่ยงที่ควรทราบ: ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนในหมวดอุตสาหกรรม Pharmaceutical, Biotechnology และ Medtech, ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก: 500 บาท
- มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งถัดไป: 500 บาท
.
ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังจาก FINNOMENA FUND สามารถกรองการจัดอันดับได้เอง พร้อมข้อมูลอัปเดตล่าสุดที่ FINNOMENA Fund Filter
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 22 ธ.ค. 2564: B-INNOTECH
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 23 ธ.ค. 2564: KWI USBANK-A, TUSEQ-UH, ABAGS, UOBSGC, KF-EUROPE, SCBEUSM, K-EUROPE, PRINCIPAL VNEQ-A, ASP-VIET, ONE-VIETNAM-RA, KKP TECH-H-F, KKP TECH-H, KT-ENERGY, I-10, TMBWDEQ, KKP TECH-H-F, KKP TECH-H
อัปเดตตัวเลข ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2564: CHINA, TMBCHEQ, TLMSEQ, MIDSMALLMF, KTMSEQ
คำเตือน
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | กองทุนอาจลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”