ช่วงสิ้นปีนี้ผมขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Lush บริษัทขายสบู่และเครื่องสำอางค์ที่มีแนวทางการบริหารและปรัชญาที่เรียกได้ว่าเข้าขั้น “ติสท์” หรืออินดี้สุดขั้วกันครับ (แต่ว่าดี) จะเป็นอย่างไรลองมาติดตามอ่านกันดูครับ
Lush คือใคร? ทำอะไร?
Lush คือร้านค้าปลีกเครื่องสำอางค์แบบ Hand-made ผลิตแบบปั้นเองกับมือจากอังกฤษ มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่มีความโดดเด่น เช่น สบู่ที่ทำขึ้นเป็นแบบ hand made และทำจากวัตถุดิบธรรมชาติทำจากผักและผลไม้ ทำกับมือไม่ใช้สารกันเสียหรือใช้น้อยที่สุด
นอกเหนือไปจาก สบู่ ก็มีสินค้าอื่น ๆ อย่างเช่น บาธบอมสีสดใสสวยงาม แชมพูบำรุงผม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางค์รวมไปถึงแพคเกจจิ้งรักษ์โลก รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้เห็นในไทยอย่างน้ำยาบ้วนปากอัดเม็ดพกพาสะดวกและค่อนข้างว้าวในระดับหนึ่ง
นอกจากจุดเด่นทางด้านผลิตภัณฑ์แล้ว การตั้งชื่อก็ชื่อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก็ยังมีความครีเอทสูงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น WASH THAT MAN RIGHT OUT OF MY HAIR (สลัดผู้ชายคนนั้นให้หลุดออกจากผม ซึ่งชื่อที่ว่าก็เป็นชื่อของเพลงประกอบหนังเมื่อช่วงปี 50) HAPPY HIPPY (ฮิปปี้สุขสันต์) LET THE GOOD TIMES ROLL (มาสนุกกับช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกันเถอะ) หรือแม้กระทั่ง UNICORN POOP ( อาจมของม้ายูนิคอร์น)
ผลิตภัณฑ์ของ Lush เป็นแบบออแกนิกจึงทำให้การจัดการคลังสินค้าต้องทำไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ตอนได้วัตถุดิบ Lush พยายามภายใน 28 วันที่จะส่งไปยังโรงงานให้เร็วที่สุด เพื่อทำการผลิตและส่งให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็วที่สุด ในขณะที่ร้านค้าเครื่องสำอางค์ปกติผลิตภัณฑ์จะมีอายุอยู่ที่ 2-3 ปี ผลิตภัณฑ์ของ Lush ไม่ใช้สารกันเสีย และใช้วัตถุดิบส่วนผสมที่มีความสดใหม่มากที่สุด
อย่างไรก็ตามความสดของวัตถุดิบก็อาจก็ให้เกิดปัญหาหนึ่งที่ Lush พบเจอในการขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เช่น การขยายสาขาไปยังฮ่องกงที่ทางบริษัทต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านสภาพอากาศ
รู้จักผู้บริหารสุดติสท์ ผู้ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับโลกทุนนิยม
ผู้ก่อตั้งดั้งเดิมคือคุณ Mark Constantine + คนอื่น ๆ โดยที่ประวัติพื้นเพแต่เดิมทีคุณ Mark เป็นคนไร้บ้านและอาศัยอยู่ในป่า ทำงานที่ได้เงินน้อยมาก น้อยจนกระทั่งไม่พอที่จะจ่ายค่าห้อง แต่วันหนึ่งเขาได้รับเงินการกุศลจำนวนเล็ก ๆ ซึ่งเขารู้สึกได้ว่าสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตเขาเป็นอย่างมาก
จากพื้นเพข้างต้นน่าจะทำให้เขาเข้าใจสภาพสังคมเป็นอย่างดีและอาจทำให้กลั่นกรองออกมาเป็นอุดมการณ์ทีเด็ดท่ามกลางโลกทุนนิยมดังนี้
- Lush ได้ทำการปิดบัญชี Facebook IG Snapchat รวมถึง TikTok จากประเด็นที่ IG ทำให้ผู้ใช้ผู้หญิงวัยรุ่นรู้สึกแย่ด้านรูปลักษณ์ถึงแม้อาจทำให้ส่งผลต่อยอดขายถึง 10 ล้านปอนด์ โดย CEO เจ้าตัวเปิดเผยว่า “มันไม่มีทางเลือก เพราะ กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวติดตาม Lush เยอะมาก”
- อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือการไม่ยอมอ่อนข้อให้กับการเพิ่มทุน จากการสัมภาษณ์โดย Financial Times เมื่อปี 2019 การที่ Lush จะกลายมาเป็นบริษัทในตลาดหุ้นดู ๆ แล้วก็น่าจะยากสักนิดหนึ่ง เนื่องจากตัว CEO มองว่าการนำหุ้นไปเข้าตลาดจะทำให้บริษัทมี gearing ที่สูงหรือมีการกู้ยืมที่สูงจนเกินไป
- ตัว CEO มองว่าการนำบริษัทเข้าตลาดอาจทำให้เขาคงจริยธรรม (Ethic) ไว้ไม่ได้และต้องมาเน้นการขายและทำกำไรเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนแทน ดังนั้น Lush จึงมีการให้ EBT (Employee Benefit Trust) หรือการที่ให้พนักงานมีโอกาสถือหุ้นของธุรกิจในอนาคตแทน ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นก่อนหน้าตัดสินใจขายหุ้น ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งออกไป นอกจากนั้นในการออกหุ้นเพิ่มทุนบริษัทอาจต้องเจอกับแรงกดดันจากนักลงทุนภายนอกในเรื่องของกำไรต่อหุ้นที่อาจลดลงต่าง ๆ รวมไปถึงการมอบหุ้นให้กับพนักงานตนเองทำให้บริษัทมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะได้คนที่มีอุดมการณ์คล้ายกันมาเป็นเจ้าของ
- ปัจจุบันสัดส่วนหุ้นของพนักงานจากข้อมูลล่าสุดอยู่ที่ 10% จากสัดส่วนทั้งหมด
- อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือบริษัทเคลมถึงการตั้งเป้าในการกำจัดการใช้แพคเกจจิ้งและการใช้น้ำซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทยึดถือมายาวนาน โดยปัจจุบัน 54% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Lush ไม่ใช้แพคเกจจิ้ง (ไม่รวมของขวัญหรืออุปกรณ์ตามเทศกาลต่าง ๆ)
ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าวค่อนข้างจะบ่งบอกระดับความ “ติสท์” ได้ดีในระดับหนึ่ง และแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมอ่อนข้อให้กับอุดมการณ์ที่ตนเชื่อมั่นและยึดถือซึ่งน่าจะหาได้ยากในโลกทุกวันนี้
CEO เคยเปิดเผยว่าตนไม่อยากเดินเส้นทางเดียวกับ Body Shop หรือ L’Oreal…
เทคโนโลยีที่น่าสนใจของบริษัท
ในส่วนของด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ คุณ Jack Constantine ลูกชายของ Mark และ Mo ปัจจุบันเป็นหัวเรือในการบริหารจัดการในส่วนนี้
คุณ Jack เติบโตมาในบริษัทที่แตกต่างจากบริษัทดั้งเดิมในองค์กรที่เน้นการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ และเพิ่มมาตรฐานอุตสาหกรรม
ทางด้านตัวอย่างของเทคโนโลยีที่น่าสนใจและทุกคนเข้าถึงได้ง่ายก็คงจะเป็นแอปพลิเคชั่นของ Lush ซึ่งมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้…
อันดับแรกเลยก็คือฟีเจอร์การสแกนสินค้าที่ใช้ Machine Learning ในการตรวจจับสินค้าให้เองพร้อมวิดิโอสาธิต โดยบริษัทระบุว่าฟีเจอร์ดังกล่าวมีความแม่นยำในการสแกนผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 98%
นอกเหนือไปจากนั้นตัวแอปพลิเคชั่นยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น Personal Shopper ฟีเจอร์สำหรับคนที่ไม่กล้าไปคุยกับพนักงานที่ร้านโดยตรงปรึกษาออนไลน์ได้เอาใจมนุษย์ Invtrovert, Lush Pay ระบบการจ่ายเงินกับร้านโดยตรงไม่ผ่านตัวกลางทำให้แน่ใจได้ว่าตรงตามจริยธรรมดิจิทัล (Digital Ethic) เช่น การใช้เซิฟเวอร์จาก Google เพราะ ตัวบริษัทมีคำมั่นเกี่ยวกับด้านพลังงาน รวมไปถึงการลดการใช้ฮาร์ดแวร์ผ่านการ Reuse และการรีไซเคิล
ในส่วนของฟีเจอร์ Lush Lens ทาง CEO เชื่อว่า “Lush Lens มีศักยภาพเพียงพอที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมแพคเกจจิ้งจนถึงกระทั่งกำจัดมันออก” ซึ่งถ้าเรามองอีกแง่นึงหากลูกค้าใช้ฟีเจอร์นี้เยอะ ๆ บริษัทก็น่าจะประหยัดต้นทุนแพคเกจจิ้งลงได้ด้วย หากคนหันมาใช้ฟีเจอร์นี้กันหมด
ข้อมูลเชิงตัวเลขของ Lush
ปัจจุบัน Lush มีสาขาอยู่ 937 สาขาทั่วโลกจาก 47 ประเทศ ปี 2018 สามารถผลิตสินค้าได้ 154 ล้านชิ้นจาก 7 โรงงานทั่วโลก ในปี 2020 Lush มียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 438 ล้านปอนด์ และมีผลการขาดทุนอยู่ที่ -45 ล้านปอนด์ ในขณะที่ลูกชายของ Mark เปิดเผยว่า ยอดขายในตอนนี้ได้ฟื้นตัวแล้วและสถานะการเงินในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เคยมีตลอดมา
รายได้ของ Lush
ปี 2016 92.2 ล้านเหรียญ
ปี 2017 102 ล้านเหรียญ
ปี 2018 96.4 ล้านเหรียญ
ปี 2019 76.3 ล้านเหรียญ
ปี 2020 54.8 ล้านเหรียญ
ที่มา: รายได้ย้อนหลัง Bloomberg as of 26.12.2021
Lush ในไทย? บ. ในไทยที่เกี่ยวกับ LUSH
ปัจจุบันมี บ. ฟรุตต้า ไบโอเมด จำกัด บริษัทผู้นำเศษผัก ผลไม้ จากธุรกิจของตนเองมาย่อยสลายและนำมาใช้เป็นวัสดุในการผลิตพลาสติกชีวภาพ วัสดุทางการแพทย์ และเครื่องสำอางค์อีกทีซึ่งได้มีการร่วมมือร่วมการเกี่ยวกับด้านบรรจุภัณฑ์
อีกทั้งยังมีข่าวแว่ว ๆ มาว่าตัวบริษัทกำลังจะไปยื่นจดทะเบียนในตลาด NASDAQ ของสหรัฐฯ อีกด้วย
ส่วนทางด้านสาขาของ Lush ในไทยเชื่อว่าหลายคนคงจะได้เห็นกันมากขึ้นแล้วในช่วงที่ผ่านมา
Lush ถือได้ว่าเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีคอนเซปต์ในการบริหาร อุดมการณ์และวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจ ส่วนนักลงทุนท่านไหนชื่นชอบในเรื่องดังกล่าวและต้องการลงทุนก็อาจจะต้องติดตามกันต่อไปครับ เพราะดูจากท่าทีของ CEO คนปัจจุบันแล้วท่าจะยากเลยทีเดียว…
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
Mr. Serotonin
References
https://mgronline.com/business/detail/9640000108995
https://thestandard.co/fruita-biomed-file-ipo-in-united-states/
https://weare.lush.com/lush-life/our-impact-reports/digital-ethics/
https://weare.lush.com/numbers/
https://www.ft.com/video/3583e60d-0cfd-409e-b8e1-86799663e73e
https://www.statista.com/statistics/892361/turnover-lush-cosmetics-limited-worldwide/
คำเตือน
ผู้ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้เขียนบทความนี้มิได้รับค่าตอบแทนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทที่กล่าวถึงในบทความนี้แต่อย่างใด | ข้อมูลและการคาดการณ์ที่ปรากฏในบทความนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลในอดีตร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความสมบูรณ์แท้จริงและความแม่นยำของการวิเคราะห์ข้อมูลในอนาคตได้