ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 3 ปี จาก 0.1% สู่ 0.25% เพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบทศวรรษ และกลายเป็นธนาคารกลางแห่งแรกของโลกที่ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยับยั้งการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ รวมถึงเพิ่มต้นทุนการจำนองบ้าน ท่ามกลางความกังวลว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงจากการใช้จ่ายที่ลดลง
คณะกรรมการนโยบายการเงินของอังกฤษยังคงมีมติเป็นเอกฉันท์คงแผนการซื้อสินทรัพย์ของธนาคารไว้ที่ 875,000 ล้านปอนด์ ขณะที่ ค่าเงินปอนด์ปรับเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเซนต์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOE
Andrew Bailey ผู้ว่าการ BOE กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีว่า BOE จำเป็นต้องจัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ก่อตัวขึ้นในระบบเศรษฐกิจ โดยอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอยู่ที่ 5.1% สูงสุดในรอบทศวรรษ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 6% ใน 2-3 เดือนข้างหน้า
การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันขายส่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่กลุ่มธุรกิจมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหยุดยั้งราคาที่เพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนถูกผลักดันจากปัจจัยทั่วโลกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของธนาคารกลาง
นักวิเคราะห์เตือนผู้ออมเงินว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นไม่ได้หมายถึงผลตอบแทนจากการออมเงินที่สูงขึ้น เพราะดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยและยังคงต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ
เมื่อวานนี้ (16 ธ.ค.) BOE แถลงการณ์ว่าราคาสินทรัพย์ทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นอย่างมากหลังข่าวการพบโอมิครอนครั้งแรก และข่าวความไม่แน่นอนเกี่ยวกับโควิดมีผลกระทบน้อยลงเรื่อยๆ ต่อเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้วอยู่ในระดับสูงเกินคาดการณ์
BOE กล่าวว่าโอมิครอนอาจลดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในต้นปีหน้า แต่ยังไม่ชัดเจนว่าโอมิครอนจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลกในทิศทางไหนและมากเพียงใด โดย BOE ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
Suren Thiru หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสภาหอการค้าอังกฤษกล่าวว่า การตัดสินใจของ BOE เป็นเรื่องน่าแปลกใจเนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของโอมิครอน
โดย Suren Thiru มองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทั่วโลก ดังนั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะควบคุมเงินเฟ้อได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งรัฐบาลอังกฤษควรไปแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทานและปัญหาขาดแคลนแรงงานในประเทศมากกว่า
ขณะที่ Paul Dales หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า BOE กำลังส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น และเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าเดิม โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยในสิ้นปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 0.5% แต่จะไม่ถึง 1% เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงและอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัว
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel