วิกฤติสภาพคล่อง Evergrande บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน สร้างความปั่นป่วนแก่ตลาดหุ้นทั่วโลก
ผู้เชี่ยวชาญชี้ อาจเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่ารัฐบาลจีนจะควบคุมวิกฤติดังกล่าวก่อนเกิดความเสียหายแก่ระบบธนาคาร และคาดว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อระบบการเงินในวงกว้าง
คำถามสำคัญของนักลงทุนคือ ผู้นำจีนจะจัดการกับสถานการณ์นี้เมื่อไรและอย่างไร รวมถึงรัฐบาลจะปรับโครงสร้างบริษัทบริษัท Evergrande ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดหลายคนคาดหวังหรือไม่
Jimmy Chang ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Rockefeller Global Family Office กล่าวว่า ทุกคนต่างคาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะมีวิธีแก้ไขปัญหาบางอย่าง เพราะ Evergrande เป็นบริษัทอสังหาฯ ที่สำคัญของจีน หาก Evergrande ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้คงค้างมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ได้ เรื่องคงจบลงด้วยการมีรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่มีเงินทุนเยอะเข้ามารับช่วงต่อแทน
Jimmy Chang แนะว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เนื่องจาก Evergrande เริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดทั่วโลก นอกจากนี้ อสังหาริมทรัพย์ยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และสวัสดิภาพทางการเงินของครอบครัวจีน ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากซื้ออพาร์ทเมนท์เพื่อการลงทุน โดยเศรษฐกิจจีนมีขนาดที่ใหญ่มาก หากเศรษฐกิจจีนเกิดปัญหาร้ายแรงจากวิกฤติ Evergrande เศรษฐกิจโลกที่เหลืออาจได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดส่วนใหญ่ไม่คิดว่าปัญหาของ Evergrande จะนำไปสู่วิกฤติการเงินครั้งใหม่ แต่อาจสร้างความผันผวนได้มากขึ้น
Rick Rieder ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของ BlackRock กล่าวว่า เรื่องที่ยากในการทำความเข้าใจจีนคือระบบที่ทึบแสง และบ่อยครั้งคุณไม่มีทางคาดเดาคำตอบ จนกว่าคุณจะได้รับคำตอบ
Rick Rieder ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ฝ่ายตราสารหนี้โลก ของ BlackRock กล่าวว่า ระบบธนาคารของจีนมีแนวโน้มที่จะถูกควบคุมโดยรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะเริ่มเข้ามาแทรกแซง เมื่อผลกระทบลุกลามไปยังบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ และสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงิน เมื่อนั้นรัฐบาลจะเริ่มทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพ
เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ดัชนี Dow Jones ปรับตัวลดลงกว่า 600 จุด หลังจากที่ตลาดหุ้นร่วงหนักในยุโรป ฮ่องกง และส่วนอื่นๆ ของเอเชีย ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงสู่ 1.297% หลังนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
Mark Williams หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics เชื่อว่า รัฐบาลจีนจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อระบบการเงินและธนาคารในวงกว้าง แต่ผู้พัฒนาอสังหาฯ อาจต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก
Jim Chanos ประธานและผู้ก่อตั้ง Kynikos Associates กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ สำหรับที่อยู่อาศัยคิดเป็น 20% ของ GDP จีน ในขณะที่กิจกรรมอสังหาฯ ทั่วไป คิดเป็น 30% ของ GDP จีน
โดยตั้งแต่ปี 2011 จีนพยายามระงับการเก็งกำไรในตลาดอสังหาฯ ถึง 4 ครั้ง ซึ่งในทุกครั้งเศรษฐกิจพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และทางการจีนก็จะปลดเบรกและเหยียบคันเร่งอีกครั้ง
ความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นเมื่อบริษัทรายอื่นเกิดปัญหาเช่นกัน สร้างความวุ่นวายในตลาดที่อยู่อาศัย และอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคในจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดโลก จากการอ่อนตัวลงของตลาดนำเข้าจีน
——————-
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel