น้ำมันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในวันจันทร์ หลังจากการเจรจาระหว่างโอเปกและพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมันถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายการผลิตสำหรับเดือนสิงหาคมและหลังจากนั้น
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 1.56% หรือ 1.17 ดอลลาร์ สู่ 76.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.2% หรือ 93 เซนต์ สู่ 77.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การสนทนาเริ่มต้นขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่าง OPEC และพันธมิตร หรือที่เรียกว่า OPEC+ เนื่องจากพันธมิตรด้านพลังงานพยายามกำหนดนโยบายการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี โดยเมื่อวันศุกร์ได้ลงมติในข้อเสนอที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันที่ 400,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม รวมถึงขยายระยะเวลาข้อตกลงของ OPEC+ ออกไปเป็นเดือนธ.ค.2565 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน เม.ย. 2565
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ปฏิเสธข้อเสนอเหล่านี้ และการเจรจาถูกขยายเวลาออกไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์ เนื่องจากกลุ่ม OPEC+ พยายามที่จะบรรลุฉันทามติ เบื้องต้นการสนทนาถูกกำหนดให้ดำเนินการต่อในวันจันทร์ แต่ก็ถูกระงับในที่สุด
“สำหรับการประชุมครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเวลาที่เหมาะสม” โมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการโอเปกกล่าวในแถลงการณ์
OPEC+ ดำเนินมาตรการครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนเมษายน 2020 และยกเลิกการผลิตเกือบ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลง ตั้งแต่นั้นมา การเพิ่มกำลังการผลิตสู่ตลาดก็เป็นไปอย่างช้าๆ ในระหว่างช่วงที่มีการประชุมกันเกือบทุกเดือนเพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายการผลิต
ที่มา: CNBC
- Facebook: https://finno.me/the-opp-fb
- Youtube: https://finno.me/youtube-channel