หุ้นสหรัฐพุ่งทำจุดสูงสุดประวัติการณ์ หลังทำเนียบขาวและสภาคองเกรสบรรลุดีลโครงสร้างพื้นฐาน $5.79 แสนล้าน ทั้งสองฝ่ายยังต้องหารือกันต่อเรื่องแผนจัดหาเงิน ภายใต้เงื่อนไขของรีพับลิกันที่ไม่ขึ้นภาษีนิติบุคคล และของเดโมแครตที่ปฏิเสธการขึ้นภาษีเชื้อเพลิง/ค่าธรรมเนียมผู้ใช้รถ EV …ตลาดรับรู้มานาน infrastructure bill เล็กกว่าที่เคยออกตัวแรง $2 ล้านล้านมาก ดังนั้น ข่าวดีสุดต่อตลาดหุ้นจากประเด็นนี้คงเป็นการยอมถอย “ไม่ขึ้นภาษีนิติบุคคล” ของ ปธน.ไบเดน ซึ่งก็คลายกังวลกันมาพักใหญ่แล้วเช่นกัน

อะไรคือความเสี่ยงหลักครึ่งปีหลัง? เป็นคำถามสำคัญในใจของผู้ลงทุนจำนวนมาก เรามองว่า “เงินเฟ้อ” นั่นแหละ! ทำไมล่ะ? ทั้งที่ KTAM ประกาศกร้าวเป็นเจ้าแรกๆ “เลิกกลัวเงินเฟ้อ” คำอธิบายค่อนข้างซับซ้อนแต่พอเข้าใจได้อย่างนี้

ตลาดลดความคาดหวังเงินเฟ้อ “ระยะไกล” อีกหลายปีข้างหน้า (breakeven inflation ในตลาดบอนด์ปรับตัวลง) เพราะเงื่อนไขการตัดสินใจของเฟด (reaction function) ย้ำว่า “คุมอยู่” ถ้าเงินเฟ้อพุ่งแรงเกินคาดนานๆก็จะขึ้นดอกเบี้ย/ลด QE ตลาดจึงมั่นใจว่า “เงินเฟ้อระยะไกล” อย่างไรก็ต่ำ แต่ปัจจัยหนุนเงินเฟ้อของ “เศรษฐกิจจริงในปัจจุบัน” ดีมานด์พุ่งสวนทางซัพพลายที่ติดขัดขาดแคลน ดูเหมือนจะไม่คลี่คลายง่ายๆ สะท้อนในรายงาน PMI สหรัฐ (เบื้องต้น มิ.ย.) ดังนั้นหากราคาสินค้า/บริการยังพุ่งขึ้นไม่หยุดสักทีจนกลไกของเฟดทำงาน ก็คงจะส่งผลกระทบแง่ลบต่อราคาหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงแทบทั้งกระดานอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก

Mohamed El-Erian นักเศรษฐศาสตร์แถวหน้า แสดงความวิตกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับท่าทีของเฟด ที่ไม่ค่อยตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาเงินเฟ้อ เรียกได้ว่า “behind the curve” ปรับนโยบาย “ตามหลัง” ไม่ทันการณ์ และในอนาคตข้างหน้าอาจต้องกลับลำลุกลี้ลุกลนขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วจนทำให้เศรษฐกิจถดถอย อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต

CNBC Global CFO Council เผยผลสำรวจบริษัททั่วโลกไตรมาส 2 (เก็บข้อมูล 1-16 มิ.ย.) ชี้บรรดา CFO กังวลต้นทุนและค่าจ้างสูงขึ้น บริษัทอเมริกันส่งสัญญาณขึ้นราคาหากแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงพุ่ง และไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าเฟดจะช่วยควบคุมระดับราคาได้

ภาพอนาคตดังกล่าวยังไม่เกิด positions ที่เราเน้นยังอยู่ในจังหวะสวิงขึ้น เพียงบอกไว้ให้เตรียมพร้อมหากมีกำไรก็ควรทยอย take profits สะสมกระสุนรอบใหม่

Belief Allocation “พอร์ตไร้แกน” ตั้งอยู่บนความเชื่อภายใต้หลักการพื้นฐานบนข้อมูลและเหตุผลเท่าที่มี หลายต่อหลายครั้งตัดสินใจ “ปรับออก” บางกองทุนที่อนาคตยังดีอยู่ ไม่ได้ผิดอะไร แต่ตั้งใจทำเพื่อสะท้อนมุมมอง โอกาส-ความเสี่ยง ให้ชัดเจนไปเลย …ครั้งนี้ก็เช่นกัน… เราอยากเติมกองทุนหุ้นกลุ่ม defensive growth อย่าง KT-HEALTHCARE-A เพราะน่าจะรับมือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเงินเฟ้อได้ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ (ดูคำอธิบายโดยละเอียด “ฉีดวัคซีนให้พอร์ตด้วย HEALTHCARE” คอลัมน์ KTAM Focus 13 มิ.ย.) https://hoonsmart.com/archives/190995 รวมถึงเพิ่มการลงทุนตราสารหนี้ที่มั่นใจว่า “คุ้มค่าสุด” KT-CHINABOND-A ถือเป็นธีม megatrends ทั้ง “Open Up” ตลาดตราสารหนี้จีนเปิดรับทุนนอก สัดส่วนการถือครองของต่างชาติยังต่ำมาก fund flows จึงไหลเข้าจีนอย่างต่อเนื่อง และ “Adoption” เงินหยวนถูกใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนในตลาดโลกมากขึ้นเรื่อยๆ (ดูคำอธิบายโดยละเอียด “CHINABOND” คอลัมน์ KTAM Focus 2 พ.ค.) https://hoonsmart.com/archives/182761

สับเปลี่ยนออกจาก KT-CLIMATE-A ทั้งหมดไปเข้า KT-HEALTHCARE-A

สับเปลี่ยนออกจาก KT-ASIAG-A ทั้งหมดไปเข้า KT-CHINABOND-A

Krungthai Asset Management

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน Krungthai Belief Allocation สามารถดูพอร์ตการลงทุนได้ตามช่องทางนี้
ผ่านมือถือ/Tablet >>แอปฯ FINNOMENA
ผ่านคอมพิวเตอร์ >>  เว็บไซต์ FINNOMENAสำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Krungthai Belief Allocation คลิกที่นี่เพื่อสร้างแผนการลงทุน

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนโดยเฉพาะนโยบายกองทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุน โดยสามารถขอข้อมูลจากผู้แนะนำก่อนตัดสินใจลงทุน |  ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด มหาชน หรือ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE “@FINNOMENAPORT”